อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 23 ไม่ไหวหรอก
ตอนที่ 23 ไม่ไหวหรอก
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร มู่เถาเยาก็ยังคงใช้เวลาถึงสามวันสามคืนในการค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเด็กที่ถูกลักพาตัวไปโดยกลุ่มค้ามนุษย์ของหลินเฮ่าหมิงตลอดช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
หลังจากส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปให้หัวหน้าซังชั่ว เธอก็ปิดไฟและเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้นที่เธอตื่นขึ้นมาก็เป็นวันอาทิตย์แล้ว
ศิษย์หลานเฉิงอันนั่วยังคงรับหน้าที่ขับรถพาเธอไปส่งยังเขตเซิ่งซื่อฉางอันเพื่อไปรักษาให้ตี้อู๋เปียนพ่อหนูขาวตัวน้อยแสนหายากของเธอ
ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะทุกคนในตระกูลตี้ล้วนอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นท่านราชาคนปัจจุบัน อดีตท่านราชา นายท่านผู้สืบทอดและคนอื่นๆ แข้งขาของเฉิงอันนั่วก็อ่อนยวบ
แม้ว่าเขาพอจะคาดเดาตัวตนของนายน้อยได้แล้ว แต่การได้มาเห็นท่านราชาโดยไม่มีการเตรียมการใดๆ มาก่อนล่วงหน้า ก็ยังทำให้เขาตกใจมากอยู่ดี!
เพียงแต่ในไม่ช้าเขาก็ได้สติและประคองตัวไว้ได้ อย่างไรเสียเขาก็เคยได้พบกับบุคคลสำคัญมากมายมาก่อน จะแสดงกิริยาเสียมารยาทให้ขายหน้าสำนักแพทย์โบราณและอาจารย์อาเล็กไม่ได้!
เฉิงอันนั่วเดินตามมู่เถาเยาเข้าไปอย่างเชื่อฟังและกล่าวทักทายคนตระกูลตี้ทีละคน
สายตาของคนตระกูลตี้กวาดมองไปทั่วร่างของเฉิงอันนั่วและไปหยุดลงที่ร่างเล็กของมู่เถาเยา
ผิวหน้าของเธอดูนุ่มลื่นสุขภาพดี ใบหน้าที่ดูราวกับเด็กนักเรียนมัธยมต้น ประกอบกับความสูงราวๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร มันดูสูงไปหน่อยเมื่อเทียบกับใบหน้าอ่อนเยาว์นี้
เนื่องจากมู่เถาเยาฝึกฝนวรยุทธมา รูปร่างของเธอจึงไม่อ้วนหรือผอม มันดูสมบูรณ์แบบมาก
หากมองเพียงแค่ใบหน้าและรูปร่างของเธอ จะเห็นความแตกต่างระหว่างอุปนิสัยที่เยือกเย็นเฉยเมยและความน่ารักอย่างชัดเจน แต่ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้กลับทำให้เกิดผลกระทบที่ทำให้ผู้มองยากจะละสายตาและไม่อาจลืมเลือนได้ง่ายๆ
สายตาของตระกูลตี้จับจ้องไปที่มู่เถาเยาอยู่พักหนึ่ง ไม่ใช่แบบที่มีนัยของการตรวจสอบ แต่เป็นความอยากรู้อยากเห็นที่ว่าสาวน้อยน่ารักคนนี้น่ะเหรอที่มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหมอเทวดาหยวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเสียอีก?
คนเราดูจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ !
“นี่ก็คือลูกศิษย์ตัวน้อยของอาหยวนอย่างนั้นเหรอ! ดูดีมาก!” ใบหน้าที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาแล้วอย่างโชกโชนของย่าตี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะนายหญิงผู้เฒ่า”
คุณย่าตี้โบกมือ “เสี่ยวเถาเยาเรียกฉันว่าย่าตี้เถอะ ฉันกับอาจารย์ของหนูเรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก พวกเราเป็นเพื่อนกันมาเจ็ดแปดสิบปีแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของหนูชอบไปขลุกตัวอยู่ในป่าเขาตัดขาดชีวิตตัวเองจากโลกภายนอกแถมยังกระเตงหนูไปด้วย พวกเราก็คงไม่มาพบหน้ากันเอาป่านนี้”
อดีตท่านราชาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แม้จะเป็นในปีที่สูงวัยแล้ว รูปร่างหน้าตาของอดีตราชาก็ยังคงหล่อเหลาและมีเสน่ห์มาก ท่านราชาคนปัจจุบันเองก็สืบทอดพันธุกรรมนี้ หน้าตาเขามีส่วนคล้ายอดีตราชามากทีเดียว
แม้แต่มู่เถาเยาที่เคยพบเจอผู้ชายหล่อเหลาและหญิงสาวงดงามในราชนิกุลมามาก ก็ยังต้องลอบอุทานในใจว่า งดงามจริงๆ !
เมื่อคิดถึงอาการป่วยของลูกชายคนเล็ก คุณผู้หญิงอวิ๋นเหอจึงเป็นฝ่ายริเริ่มดึงมือเล็กๆ ของมู่เถาเยามากุมไว้และพูดว่า “เสี่ยวเถาเยา ครั้งที่แล้วตอนที่หนูมาฝังเข็มให้อู๋เปียนพวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย วันนี้แม้พวกเราทุกคนจะอยู่ตรงนี้ด้วยความหวัง แต่เราก็ไม่อยากกดดันทำให้หนูลำบากใจมากเกินไป หนูไม่ต้องกังวลมากนะ”
มู่เถาเยาพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง แต่ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
เพียงเพราะมิตรภาพระหว่างอาจารย์ใหญ่และนายหญิงผู้เฒ่า กับความกระตือรือร้นของเธอต่อการรักษาโรคที่หายาก เพียงเท่านี้เธอย่อมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะปัญหาที่ยากลำบากนี้
นายท่านผู้สืบทอดเอ่ยสำทับ “ไม่ว่าเสี่ยวเถาเยาเธอจะรักษาอู๋เปียนได้หรือไม่ คนตระกูลตี้ของฉันจะถือเป็นหนี้บุญคุณ ตราบเท่าที่สิ่งที่เธอขอไม่เป็นภัยอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ฉันก็ยินดีที่จะทำให้มันสมหวัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสัญญากับอาจารย์ใหญ่แล้วและฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ”
หลังจากได้รับคำสัญญาจากว่าที่ราชาในอนาคต มู่เถาเยาไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ
ท่านราชา “ตระกูลตี้ของเราเป็นหนี้ชีวิตท่านลุงหยวนถึงสองชีวิตแล้ว และอู๋เปียนจะเป็นชีวิตที่สามสำหรับเสี่ยวเถาเยา ตามที่อู๋เว่ยพูดตราบเท่าที่มันไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ คนตระกูลตี้ยินดีจะทำทุกอย่าง แม้ว่า…จะรักษาไม่หายก็ตาม”
แม้ว่าเด็กสาวคนนี้อายุยังน้อยนัก แต่เธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้ความ คงไม่ยกเงื่อนไขอะไรที่เกินไปมาทำให้พวกเขาลำบากใจอย่างแน่นอน
เด็กน้อยที่ลุงหยวนเลี้ยงให้เติบใหญ่ขึ้นมาเองกับมือ สมควรได้รับความไว้วางใจจากตระกูลตี้ของพวกเขา
“ท่านราชากล่าวหนักเกินไปแล้ว”
คำพูดของราชาของประเทศหนึ่งมีน้ำหนักดุจทองคำพันชั่ง แต่ในสายตาของมู่เถาเยามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะเธอสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดของตัวเองได้
แม้ว่าจะมีบางอย่างที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เธอก็จะแก้มันและไม่คิดร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
คุณผู้หญิงอวิ๋นเหอ “เสี่ยวเถาเยาจดจำไว้ในใจก็เพียงพอ…”
“แค่ก…แค่ก…”
ในที่สุดตี้อู๋เปียนที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างมานานก็อดไม่ได้ไอขึ้นมาสองครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขา แต่ละคนเอาแต่ยืนขวางอยู่ข้างหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าซาลาเปาน้อยมาที่นี่เพื่อมารักษาให้เขา แต่ไหงกลายเป็นว่าเหมือนเป็นการกลับมาพบหน้ากันเพื่อระลึกความหลังเสียอย่างนั้น!
เมื่อทุกคนในตระกูลตี้ได้ยินเสียงไอ พวกเขาก็หันศีรษะกลับไปมองคนป่วยที่งดงามอย่างกระวนกระวาย
คุณผู้หญิงอวิ๋นเหอเป็นกังวลมากที่สุด เธอรีบดึงมู่เถาเยาให้ไปยืนอยู่ใกล้ๆ ตี้อู๋เปียนแล้วพูดว่า “เสี่ยวเถาเยา หนูช่วยดูอาการให้อู๋เปียนหน่อยนะ”
มู่เถาเยาวางกล่องยาขนาดเล็กลง หยิบหมอนรองชีพจรและเข็มทองออกมาแล้วนั่งลงข้างๆ ตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียนเพียงแค่จ้องมองไปที่ใบหน้าของมู่เถาเยาเหมือนครั้งที่แล้วและสูดหายใจเข้าลึกๆ
กลิ่นอายรอบตัวของเธอวิเศษมาก!
มันสดชื่นและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนพืชพรรณที่เติบโตอยู่บนป่าเขา ผนวกกับกลิ่นหอมของสมุนไพรจางๆ ทำให้รู้สึกสบายตัวเกินไปแล้ว!
มู่เถาเยา “ต้องการให้ฉันสกัดจุดชีพจรก่อนสักรอบไหม”
ตี้อู๋เปียน “…”
เฉิงอันนั่วหันหลังฟึ่บ ไป๋เฮ่าอวี๋ พ่อบ้านและบอดี้การ์ดทุกคนที่รู้เรื่องนี้พากันกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง
คนตระกูลตี้จับต้นชนปลายไม่ถูก
คุณผู้หญิงอวิ๋นเหอเอ่ยปากถาม “อะไรคือการสกัดจุดชีพจร”
“ไม่มี…” ตี้อู๋เปียนยังพูดไม่ทันจบ
มู่เถาเยากลับพูดแทรกขึ้นว่า “ครั้งก่อนเขาเป็นเด็กดื้อไม่ยอมเชื่อฟัง หนูก็เลยสกัดจุดชีพจรเขาทำให้เขาขยับตัวไม่ได้เพื่อที่จะทำการฝังเข็มรักษาให้กับเขาค่ะ”
ตี้อู๋เปียน “…” ก่อนจะพูดอะไร เคยคิดบ้างไหมว่าคนป่วยอย่างฉันก็ต้องการรักษาหน้าเหมือนกัน!
ตระกูลตี้มองไปที่ตี้อู๋เปียนด้วยสายตาตำหนิ
ทำไมถึงไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเสี่ยวเถาเยาอย่างเชื่อฟัง! คิดว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงขนาดนั้นเลยหรอ!
ตี้อู๋เปียนไอเบาๆ สองครั้ง ยื่นข้อมือเรียวขาวของเขาไปวางบนหมอนรองชีพจรของมู่เถาเยา
มู่เถาเยาจดจ่ออยู่กับการตรวจชีพจร
หลังจับชีพจรจากมือทั้งสองข้างเสร็จ ปากเล็กๆ ก็พ่นคำสี่คำออกมาว่า “ถอดเสื้อผ้าออก”
คนตระกูลตี้ นี่มันค่อนข้างดุร้าย!
ตี้อู๋เปียนไม่ต้องการเปิดเผยร่างกายที่ผอมแห้งไม่มีกล้ามเนื้อและขาวผ่องของเขาต่อหน้าคนในครอบครัว ดังนั้นเขาจึงลังเลอย่างยิ่งที่จะถอดเสื้อผ้าออก
“ฝังเข็มผ่านเสื้อผ้าไม่ได้เหรอ”
“คนอื่นทำได้ แต่คุณทำไม่ได้”
ตี้อู๋เปียน “เธอเลือกปฏิบัตินี่นา คงไม่ใช่ว่าหมายตาในเรือนร่างของฉันหรอกนะ”
เฉิงอันนั่วเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยคนนี้! อาจารย์อาเล็กของฉันเพิ่งอายุสิบแปดปี! สมควรแล้วหรือที่จะพูดจาแบบนี้? อย่าคิดว่าตัวเองงดงามแล้วจะไม่มียางอายได้นะ!
“อย่างคุณเนี่ยนะ?” น้ำเสียงของมู่เถาเยาแสดงความรังเกียจเล็กน้อยแต่ไม่โจ่งแจ้งเกินไป!
เฉิงอันนั่วลิงโลดในใจ! ยอดเยี่ยมมากอาจารย์อาเล็ก! บราโว่อาจารย์อาเล็ก! แบบนี้สิถึงจะเป็นอาจารย์อาเล็กของผม ไม่ถูกความงดงามของสรรพสิ่งล่อลวงให้หวั่นไหว!
ตี้อู๋เปียนหยุดชะงักไป เขาเถียงกลับด้วยเสียงดังลั่นว่า “ฉันทำไม? ก็ฉันงดงามขนาดนี้! เป็นเรื่องปกติที่เธอคิดจะหมายตาฉันไม่ใช่เหรอ!”
คุณผู้หญิงอวิ๋นเหอ “…” ลูกเอ๋ย ที่แม่คลอดลูกออกมางดงามขนาดนี้ไม่ได้ต้องการให้เอามาใช้แบบนี้นะ!
คุณย่าตี้ตบแขนของตี้อู๋เปียนเบาๆ “เจ้าเด็กคนนี้ เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว” อีกฝ่ายยังเป็นเพียงเด็กสาวที่เพิ่งโตเท่านั้น พูดแบบนี้ใครมาได้ยินเข้าจะคิดว่าเป็นคำพูดของเสือหมาป่าที่กำลังล่อลวงลูกแกะ!
อย่างไรก็ตามหากเสี่ยวเถาเหยาถูกตาต้องใจอู๋เปียน…นั่นก็คงจะเป็นเรื่องดี
คนหนึ่งป่วย คนหนึ่งรักษา สมบูรณ์แบบ!
“คุณไม่ไหวหรอก” เธอไม่สนใจว่าเขาจะงดงามหรือไม่ แต่เธอมั่นใจว่าเขาอ่อนแอ
ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นทุกคน “…” ออกนอกทางแล้ว ความคิดของพวกเขาออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว!
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสิ่งที่เด็กสาวพูดไม่ได้มีความหมายแบบนั้น แต่พวกเขากลับไม่ชอบฟังคำพูดพวกนี้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยก็ตาม
ตี้อู๋เปียนไม่พูดอีกต่อไป
ไม่ไหว เขาทำไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละ…
แค่เดินไม่กี่นาทีก็เหนื่อยหอบจะเป็นจะตาย…
อืม จะไปสนทำไมว่าจะไหวหรือไม่ไหว เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเพียงใด
ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่เชื่อใจในทักษะการแพทย์ของซาลาเปาน้อย แต่เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรจริงๆ
หากเขาต้องการกลับไปเป็นเหมือนคนทั่วไป เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะยอมถอนพลังพิเศษในร่างกายของเขากลับไป!