อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 239 หน้าหนาวกลายเป็นคริสตัล
ตอนที่ 239 หน้าหนาวกลายเป็นคริสตัล
วันอาทิตย์ ก่อนที่มู่เถาเยาจะฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียน ลู่จือฉินจับชีพจรให้เขาก่อน
“พลังชีวิตสลายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ เสี่ยวเยาเยาใช้วิธีรักษาถูกแล้ว ตอนนี้มีพลังชีวิตใหม่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
มู่เถาเยาอมยิ้มมุมปาก พยักหน้าแล้วพูด “ค่ะ แม้จะมีการสลายอยู่ตลอด แต่ความเร็วก็ช้าลงไปมาก ร่างกายจึงกักเก็บพลังชีวิตได้แล้ว”
“เสี่ยวเยาเยาลองฝังเข็มให้อาจารย์ดูหน่อย”
จะดูว่าก้าวหน้าขึ้นหรือเปล่า
ตี้อู๋เปียนได้ฟังก็รีบถอดเสื้อ
ลู่จือฉิน “ผอมขนาดนี้เลยเหรอ!”
ตอนใส่เสื้ออยู่ไม่เห็นว่าผอมขนาดไหน อาจเพราะดูแต่หน้า…
ตี้อู๋เปียน “…”
เสียดแทงใจอีกแล้ว!
“อาจารย์สามคะ ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว เมื่อก่อนผอมกว่านี้อีก เห็นกระดูกชัดผิดปกติ ไม่น่ามองมากจริงๆ ค่ะ…” บลาๆๆ
มู่เถาเยาสตรีผู้แข็งแกร่งก็ได้ทิ่มแทงใจตี้อู๋เปียนอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง
เย่ว์จือเหิง เฉิงอันนั่ว ไป๋เฮ่าอวี๋ เยี่ยอิ่ง เฉิงซิ่น และคนอื่นๆ ใกล้กลั้นขำไม่อยู่แล้ว
ตี้อู๋เปียนอยากไปตายจริงๆ
“เสี่ยวเยาเยา รีบหน่อยเถอะ เดี๋ยวแดดจะแรงแล้ว”
เย่ว์เลี่ยงเห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ตำหนิของตี้อู๋เปียนแดงก่ำก็รีบหยุดการสนทนาของศิษย์อาจารย์คู่นี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนบางคนได้โมโหหลอดเลือดแตก
“ค่ะ”
มู่เถาเยาหยิบเข็มทองออกมาเริ่มฝังเข็ม
เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้เข็มเปิดช่องลมปราณก่อนใช้วิชาหุยหยางแล้ว ครั้งนี้จึงฝังเข็มหุยหยางได้โดยตรง
พอครบเวลาก็ดึงเข็มออกตามลำดับ
ตี้อู๋เปียนไม่สนเรื่องให้จับชีพจรก่อน เขารีบใส่เสื้อทันที
วันนี้ซาลาเปาน้อยไม่น่ารักเลยสักนิด!
พอตี้อู๋เปียนสวมเสื้อเสร็จแล้วลู่จือฉินกับหยวนเหยี่ยถึงจับชีพจรให้เขา
“ทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดี เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้มีเบาะแสของดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตหรือยัง”
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียนส่ายหน้า “ยังไม่มีเบาะแสเลยครับหมอลู่”
ดอกฉยงฮวาไม่ได้เรื่อง!
นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะสื่อสารกับต้นไม้และสัตว์อื่นๆ เองแล้ว!
“อืม ไม่รีบ หาเจอได้เร็วย่อมเป็นการดี แต่เจอช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ภายในห้าปีต้องหาวิธีอื่นรักษาพลังชีวิตในร่างกายไว้ได้แน่”
มู่เถาเยายิ้มบาง “อาจารย์ใหญ่ อาจารย์สาม พวกเราลองหาในตำราโบราณดู อาจพบวิธีอื่นก็ได้ค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ตำราโบราณหายาก ที่อาจารย์มีอยู่ไม่กี่เล่ม อีกสองวันจะกลับไปรวบรวมเอามาให้นะ”
“หนูมีเยอะค่ะอาจารย์สาม ได้มาจากเมืองโบราณ”
หยวนเหยี่ยยิ้มไม่หยุด “ใช่แล้ว เสี่ยวเยาเยาดวงดีมาก ไปเมืองโบราณแค่ครั้งเดียวก็ได้หนังสือโบราณกลับมาเป็นกอง ไปอีกครั้งก็ได้สมบัติล้ำค่าตกทอดของตระกูลตี้กลับมา”
ย่าตี้ก็ยิ้ม “เสี่ยวเยาเยาเป็นคนมีบุญวาสนา อู๋เปียนอยู่ด้วยต้องได้ติดมาบ้างแน่นอน”
“ย่าตี้คะ ไม่ต้องกังวลค่ะ พวกเราจะหาทางรักษาตี้อู๋เปียนให้หายดีค่ะ”
“จ้ะ รบกวนทุกคนด้วยนะ”
“ย่าตี้ไม่ต้องเกรงใจค่ะ หนูขอเอาเข็มทองไปฆ่าเชื้อก่อนนะคะ อาจารย์ใหญ่ช่วยไปเอาตำราโบราณมาให้อาจารย์สามอ่านหน่อยนะคะ”
“อืม เสี่ยวเยาเยาไปเถอะ พวกเราจะเตรียมพิธีคำนับอาจารย์ให้ก่อน”
“ค่ะ”
ทุกคนเดินกลับเข้าบ้าน จัดพิธีคำนับอาจารย์ตามแบบโบราณ
ลู่จือฉินรู้สึกประทับใจมาก
เธอเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับคนเหล่านี้ แต่พวกเขากลับยอมรับเธอโดยไม่สงสัยเลยสักนิดเพราะเสี่ยวเยาเยา
ต้องพูดเลยว่า น้อยคนที่จะมีความไว้ใจได้ถึงขั้นนี้
พวกเขามองคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเป็นคนกันเอง เพราะเสี่ยวเยาเยาและคนครอบครัวเจียง…
เมื่อมู่เถาเยาลงมาอีกครั้งพิธีก็ถูกจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอแค่ฤกษ์ดีก็เริ่มพิธีรับศิษย์อย่างเป็นทางการได้
ในดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้มเต็มเปี่ยม
หยวนเหยี่ยเป็นที่นับหน้าถือตา ให้เขาเป็นคนดำเนินพิธี
คำนับ ยกน้ำชา มอบของรับของ…เสร็จพิธี
ทั้งสองคนเป็นศิษย์อาจารย์โดยสมบูรณ์แบบแล้ว
หยวนเหยี่ยดีใจมาก เดินยิ้มขึ้นชั้นบนเพื่อเอาตำราโบราณทั้งหมดที่พวกเขาได้มาในช่วงหลายปีนี้รวมถึงของมู่เถาเยาลงมา
ทุกคนก็รู้ว่าหนังสือเหล่านี้ล้ำค่ามาก คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการแพทย์จึงไม่แตะต้องพวกมัน
เหลียงจีกับพวกเด็กสาว รวมถึงกู่ย่า หลี่อวี้เสวี่ย หรือแม้กระทั่งเย่ว์เลี่ยง เป่ยซี ต่างไปที่ห้องครัว
บรรดาคนที่มีความรู้ทางการแพทย์ต่างมองไม่เห็นอย่างอื่นอีกเมื่อมีตำราแพทย์โบราณอยู่ตรงหน้า พวกผู้หญิงจึงต้องรับหน้าที่หลักในห้องครัวไป
ทุกคนอ่านไปพูดคุยไป
สองผู้อาวุโสตระกูลตี้ต่างประทับใจเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะเพราะหลานชายคนเล็กของเขาหรือเพราะประเทศเหยียนหวงมีครอบครัวหมอครอบครัวใหญ่ที่รักการค้นคว้าวิจัยแบบนี้ ก็ล้วนแต่เป็นความโชคดีอย่างมาก
คนอื่นๆ ไม่อยากรบกวนการอ่านหนังสือของพวกเขาจึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกันแล้ว
ตี้อู๋เปียนไม่ได้ออกไป อ่านหนังสืออยู่กับพวกมู่เถาเยา
ถึงเขาจะไม่ใช่หมอ แต่สมองของเขาก็กักเก็บความรู้ได้ พร้อมจะนำออกมาใช้ได้ตลอดเวลา
เขาก็คุยเรื่องวิชาการแพทย์กับสุดยอดปรมาจารย์เหล่านี้ได้เหมือนกัน!
ตี้อู๋เปียนกล้าพูดได้เลยว่า บนโลกนี้ไม่มีใครรอบรู้อย่างกว้างขวางได้เท่าเขาอีกแล้วนอกจากซาลาเปาน้อย!
ชั่วขณะนั้นไม่มีเสียงรบกวนอย่างอื่นนอกจากการพูดคุยเรื่องวิชาการแพทย์ สมุนไพร และพิษ
จนกระทั่งคนในครัวเดินออกมาเรียกพวกเขาไปกินอาหารกลางวัน
หยวนเหยี่ยปิดหนังสือพูดกับทุกคน “เอาล่ะ อ่านไม่จบง่ายๆ หรอก พอแค่นี้ก่อน ไปกินข้าวเถอะ”
ทุกคนทำตามโดยวางหนังสือในมือลง ไปล้างมือแล้วเดินเข้าห้องอาหาร
ตอนเที่ยงแดดแรง จึงเอาไปกินด้านนอกไม่ได้
หลังกินเสร็จมู่เถาเยาก็พาลู่จือฉินไปดูดอกฉยงฮวากับดอกเถียนซินที่สวนด้านหลังพร้อมเด็กติดสอยห้อยตามอีกนิดหน่อย
“พี่เยาเยา นี่ดอกอะไรเหรอ สวยจังเลย!” อวิ๋นสุ่ยเหยาอดร้องด้วยความตะลึงไม่ได้
“ดอกเถียนซินจ้ะ”
“ชื่อก็เพราะมากด้วย! ทำไมมันออกดอกแค่ดอกเดียวล่ะ ไม่มีใบสักใบเลย” แม้จะสวยแต่ดูแล้วประหลาด
มู่เถาเยา “…พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่ามันเป็นสายพันธุ์ไหน ไม่เจอการบันทึกในหนังสือ”
“อ่อ”
พวกเด็กสาวดูดอกเถียนซินกับดอกฉยงฮวาอยู่สักพักก็พาเจ้าถุงลมน้อยกับมู่ซือจิ่นไปเก็บลำไย
ลิ้นจี่กินจนได้ที่ มะม่วงก็เก็บเกือบหมดแล้ว ลำไยเริ่มทยอยสุกพอดี อย่างไรเสียต้นผลไม้ทั้งสามชนิดในสวนก็มีแค่อย่างละต้น
ลู่จือฉินมองพวกเด็กๆ อยู่สักพักก็ละสายตากลับมาที่ดอกฉยงฮวากับดอกเถียนซิน
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ไม่เคยเห็นดอกไม้สองชนิดนี้มาก่อน ไปเอากลับมาจากไหนเหรอ ในป่าเซียนโหยวเหรอ”
“ดอกฉยงฮวาเป็นของตี้อู๋เปียนค่ะ เขาเก็บกลับมาปลูกจากสวนสาธารณะในเมืองตอนสามขวบ แต่ผ่านมายี่สิบปีแล้วดอกฉยงฮวาก็ยังมีสภาพเดิม ส่วนดอกเถียนซินหนูได้มาโดยบังเอิญในป่าตอนอายุสามขวบ…”
มู่เถาเยาเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับดอกเถียนซินโดยละเอียดไม่ว่าจะเป็นประวัติ ลักษณะ ประโยชน์
“เสี่ยวเยาเยา เธอบอกว่ามันจะกลายเป็นคริสตัลเหรอ”
“ใช่ค่ะ มันกลัวความเย็น หน้าหนาวจะกลายเป็นคริสตัล หนูศึกษามันมาหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเป็นพืชหรือคริสตัลกันแน่…อาจารย์สามต้องคาดไม่ถึงแน่ว่าถ้าเอาดอกเถียนซินโยนลงไปในสายน้ำจะเป็นยังไง”
“เป็นยังไงเหรอ”
“ดอกเถียนซินเบามาก แต่มันกลับไม่ไหลตามสายน้ำ อีกทั้งยังทำให้สายน้ำไหลช้าลงด้วยค่ะ…”
“มีเรื่องประหลาดแบบนี้ในโลกด้วยเหรอ”
“ค่ะ ไฟความร้อนสูงก็เผามันไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาหนูก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ทดลองหลายครั้งแล้วค่ะ”
ลู่จือฉินตะลึงมาก
“เวลามันกลายเป็นคริสตัลจะส่งกลิ่นหอมหวาน หนูเคยกัดดู กัดไม่ออก แต่ลิ้มรสหวานของมันได้ ก็เลยเรียกมันว่าดอกเถียนซิน”
“เสี่ยวเยาเยา โลกนี้เกินจินตนาการของพวกเราไปมากจริงๆ”
“ค่ะ มีหลายเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า”
สองศิษย์อาจารย์คุยอยู่ตรงหน้าดอกฉยงฮวากับดอกเถียนซินอยู่สักพักก็ไปเก็บลิ้นจี่ ลำไย และมะม่วงกลับเข้าบ้าน
ทุกคนกินผลไม้เสร็จก็แยกย้ายกลับไปนอนกลางวันที่ห้องของตัวเอง