อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 246 ไว้หน้ากันบ้าง
ตอนที่ 246 ไว้หน้ากันบ้าง
วันอาทิตย์ หลังจากมู่เถาเยาฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียนเสร็จก็กลับตำหนักพระจันทร์เอาเข็มทองไปฆ่าเชื้อก่อน
เหลียงจีกับปาอินกลับไปด้วยกัน เก็บพวกของจำเป็นต่างๆ อีกเดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันที่บ้านตระกูลตี้เสร็จก็ไปที่ฟาร์มทันที
ฆ่าเชื้อเข็มทองเสร็จเรียบร้อย เติมพวกยาที่อาจได้ใช้ลงในกล่องยาใบน้อย จากนั้นก็โทรบอกเวลาพวกศิษย์พี่
พอเสร็จสรรพทุกอย่างทั้งสามคนก็ถือกระเป๋าตัวเองลงไปขึ้นรถเพื่อไปบ้านตระกูลตี้
“เสี่ยวเยาเยา ฉันจะบอกให้ แพะย่างของเผ่าเราอร่อยมาก!”
ปาอินเริ่มอวดของอร่อยในบ้านเกิดให้ฟังขณะอยู่บนรถ
เหลียงจียิ้มพูด “ใช่ๆ เผ่าของพวกเรามีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ แพะที่เลี้ยงได้เนื้อแน่นมาก ชั้นไขมันสม่ำเสมอ ไม่เหม็นสาบเลยสักนิด รสชาติดีเลิศ ถูกเรียกว่าโสมในบรรดาเนื้อทั้งหลาย เนื้อสัตว์ที่พี่ชอบกินมากที่สุดก็คือเนื้อแพะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า ดวงตาเจือไปด้วยรอยยิ้ม “อืม ไว้ฉันไปแล้วจะชิมดู”
ปาอิน “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวเฉิงกลับไปด้วยไหม เดือนกันยาเขาจะไปท่องเที่ยวหาความรู้ไม่ใช่เหรอ ไปเร็วหน่อยจะได้เที่ยวก่อน!”
“งั้นเธอลองถามเขาเองสิ”
“ได้เลย”
เหลียงจี “…”
เสี่ยวเฉิงเป็นศิษย์หลานของเสี่ยวเยาเยา ทำไมต้องให้เสี่ยวอินไปถามล่ะ
รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล!
ปาอิน “เสี่ยวเยาเยา สอบเสร็จเธอกับอาจารย์สามจะไปทางตะวันออกเหรอ”
“อืม”
“ฉันไปด้วยได้ไหม”
“ถ้าเธอกับพี่เหลียงจีไม่อยากอยู่เที่ยวในเย่ว์ตูก็ไปหมู่บ้านตงจี๋ด้วยกันได้ ที่นั่นสมุนไพรเยอะ ควรค่าให้เธอลองไปดูนะ”
“ได้ งั้นพวกเราจะไปกับเธอและก็อาจารย์สามด้วย”
“อืม”
เมื่อสามสาวไปถึงบ้านตระกูลตี้ พ่อบ้านจงก็บอกว่าอาหารกลางวันพร้อมแล้ว
ทุกคนจึงย้ายไปที่ห้องอาหาร
บอดี้การ์ดกับคนรับใช้กินที่ห้องอาหารอีกห้องมาตลอด ตรงโต๊ะนี้จึงมีเพียงเด็กสาวสามคนกับตี้อู๋เปียนอีกคนรวมเป็นสี่คน
กินเสร็จก็พักครึ่งชั่วโมง ดื่มชาสักหน่อย จากนั้นจึงออกเดินทางไปที่ฟาร์ม
เหลียงจีขับรถของมู่เถาเยา ปาอินนั่งข้างคนขับ มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนนั่งด้านหลัง
“ตี้อู๋เปียน คุณไม่ได้พาดอกฉยงฮวากลับมาเหรอ” เมื่อก่อนเห็นไปไหนก็อุ้มไปด้วย
“เปล่า ฉันปล่อยให้มันอยู่เป็นเพื่อนดอกเถียนซินที่นู่น ยังไงพวกมันก็เป็นพืชที่ไม่ทราบชนิดเหมือนกัน”
ถึงแม้การใช้พืชแต่ละชนิดทางนั้นส่งข่าวมาจะใช้เวลาสักพัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้รีบ
ต่อให้เจอดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตแล้วก็ไม่มีทางมีคนรู้ว่านั่นเป็นสมุนไพรโบราณที่มีความพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางมีคนเข้าไปรนหาที่ตายที่เขตป่าชั้นใน
สมุนไพรก็ไม่มีเท้า ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหนี
ดังนั้นจะช้าหรือเร็วก็ไม่ต่าง
“อืม วันศุกร์หน้าก็ปิดเทอมแล้ว วันเสาร์ฉันฝังเข็มให้คุณ วันอาทิตย์ฉัน อาจารย์สาม เสี่ยวอิน พี่เหลียงจี จะไปตงจี๋”
“พวกเธอไปทำอะไรที่นั่น หาสมุนไพรเหรอ สมุนไพรอะไรในป่าเซียนโหยวไม่มีถึงต้องไปเก็บที่นั่น”
“ไม่ใช่ แม่ของนักศึกษาที่อาจารย์สามเคยสอนถูกพิษ พวกเราจะไปดูหน่อย”
“งั้นจะกลับมาเมื่อไร”
“ดูก่อน คงใช้เวลาหลายวัน พวกเราตรวจอาการเสร็จจะลองหาสมุนไพรที่นั่น แต่จะกลับมาก่อนฝังเข็มคุณครั้งถัดไป”
“ได้”
“คุณจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองหลวงก่อนก็ได้ ฉันกะไว้ว่าจะไปอยู่ที่เผ่าประมาณครึ่งเดือน พอถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์อีกที”
ถ้าสมุนไพรหายากมีเยอะ เธออาจจะไม่อยากกลับ
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ฉันจะจัดตารางตัวเองอีกที”
“อืม ถ้าคุณจะกลับเมืองหลวงจริงก็บอกฉันล่วงหน้า ฉันจะได้ทำยาบำรุงผิวพรรณให้คุณเอากลับไปฝากคุณป้า อาสะใภ้ และก็พี่อู๋เสีย”
“เธอมีเวลาเหรอ ต้องสอบไม่ใช่เหรอ”
“ฉันสอบเร็ว มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูมีห้องทำยา มีสมุนไพร สะดวกมาก”
ถึงแม้เธอจะมียาบำรุงผิวพรรณที่ทำไว้แล้ว แต่เอาสูตรให้ศิษย์ของสำนักแพทย์โบราณไปทำ เป็นแบบธรรมดา
ยาที่ทำให้ผู้หญิงตระกูลตี้เป็นเวอร์ชันที่สูงกว่า เหมือนกับของอาสะใภ้พี่สะใภ้เธอ
ตี้อู๋เปียน “…ได้ เธอมีเวลาก็ไปทำนะ”
“อืม ไว้จะเอาให้”
“ได้”
ภายในรถ ระหว่างทางแทบจะเป็นบทสนทนาระหว่างตี้อู๋เปียนกับมู่เถาเยา ปาอินกับเหลียงจีมีพูดบ้าง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่ารถก็ไปถึงฟาร์ม
ครอบครัวศิษย์พี่กับอาจารย์อาเล็กมาถึงกันหมดแล้ว ยกเว้นครอบครัวศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลิน
รถของพ่อบ้านจงอยู่ข้างหน้า นำทุกคนให้ขับรถไปจอดหน้าสองอาคารสีขาวที่คล้ายกับกระโจมขนาดใหญ่ของชาวมองโกล
ห้องพักแขก ห้องอาหาร ห้องสันทนาการ…มีครบหมด
ที่นี่นอกจากเลี้ยงวัว แพะ และม้าแล้ว ยังปลูกพวกผักผลไม้ออแกนิกด้วย
พอเข้าไปในห้องรับแขก คนดูแลฟาร์มก็นำคนเอาน้ำชามาเสิร์ฟ ตามด้วยผลไม้สดๆ และเนื้อวัวเนื้อแพะแห้ง
หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูด “ข้างนอกแดดแรงขนาดนั้น แต่อยู่ข้างในกลับไม่รู้สึกร้อนเลยนะ”
กู่ย่ามองหญ้าเขียวชอุ่มที่อยู่ด้านนอก พยักหน้าพลางพูด “นั่นสิ หากว่ากันตามเหตุผล สถานที่โล่งกว้างแบบนี้ควรจะร้อนยิ่งกว่า”
มู่เถาเยา “ฟาร์มแห่งนี้โอบล้อมด้วยเขาลูกเล็กที่มีแมกไม้หนาแน่น ไม่ร้อนก็ปกติค่ะ”
ในสมองของเธอมีแผนที่ รู้ว่ารอบๆ มีอะไร
อันเย่ว์ “ลมพัดมาทีก็ได้กลิ่นสดชื่น รู้สึกสบายมากเลยค่ะ”
พออยู่ในเมืองนานๆ ก็ชอบมาสถานที่ผ่อนคลายแบบนี้
ตี้อู๋เปียนอธิบาย “ตรงนี้ถือเป็นแค่ฟาร์มเล็กครับ ด้านหลังยังเชื่อมกับฟาร์มใหญ่ วัวแพะม้าถูกเลี้ยงไว้ที่นั่น”
อันเย่ว์พยักหน้า “ถึงว่า ทำไมถึงไม่ได้กลิ่นสัตว์ใหญ่เลย”
จมูกของเธอไวเป็นพิเศษ
ทุกคนดื่มชาพูดคุยกันอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงครอบครัวศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลินก็มาถึง
“ศิษย์พี่ห้าทำไมมาด้วยล่ะคะ นั่งรถมาตั้งชั่วโมงกว่าเลยนะคะ!” มู่เถาเยารีบไปจูงมานั่งลง
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาทำไมดูเครียดกว่าพี่อีกล่ะ ร่างกายพี่ปกติดี เยี่ยจั๋วไม่กวนเลยสักนิด”
เยี่ยหนานเฉินพี่เขยห้าพยักหน้า “ใช่ ช่วงหลายวันนี้ไม่อาเจียนแพ้ท้องแล้ว”
มู่เถาเยาจับชีพจรให้ศิษย์พี่หญิงห้า
“ปกติดีค่ะ”
“ใช่ไหมล่ะ พี่ไม่เอาเยี่ยจั๋วมาล้อเล่นหรอก”
“ค่ะ”
นั่งกันอีกสักพักทุกคนก็ไปนั่งรถชมฟาร์มโดยแยกเป็นสองคัน จากฟาร์มเล็กแล่นผ่านถนนแคบๆ ไปยังฟาร์มใหญ่
เลาะตามเส้นทางไป จุดแรกที่ถึงก่อนคือสถานที่เลี้ยงแพะ
ปาอิน “ว้าว แพะอ้วนเยอะมากเลย!”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก
ดูอ้วนท้วนดีจริงๆ
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย อยากลงจากรถไปดูไหม”
“ฉันอยากไปดูฟาร์มม้า เสี่ยวอิน พี่เหลียงจี อยากลงไปดูแพะไหม”
“ไปฟาร์มม้าก่อนดีกว่า พวกเราไม่ได้ขี่ม้ากันมานานแล้วด้วย”
เฉิงอันนั่วก็พยักหน้า
ตี้อู๋เปียน “งั้นก็ไปที่ฟาร์มม้าเลย เลือกม้ามาขี่กันหน่อย”
มู่เถาเยาหันไปพูดเตือนเขา “คุณขี่ไม่ได้”
ตี้อู๋เปียน “…”
รู้ว่าไม่ได้ แต่อย่าพูดเสียงดังได้ไหม
ไว้หน้ากันบ้าง!
“ตี้อู๋เปียน คุณห้ามแอบขี่ม้านะ”
ตี้อู๋เปียนหมดคำจะพูด
เขาไม่เคยคิดเลยโอเคไหม! ไม่ใช่เด็กวัยต่อต้านเสียหน่อย!
พูดให้แย่หน่อยก็คือ แม้แต่ขับรถเขาก็ขับไม่เป็น ยังจะขี่ม้าอีกเหรอ
เลิกฝัน!
“ซาลาเปาน้อย คงไม่ใช่ว่าฉันแอบออกกำลังกายแค่ครั้งเดียวเธอก็คิดว่าฉันจะแอบไปทำทุกอย่างลับหลังเธอเหรอ”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ความหมายชัดเจนว่า แล้วมันไม่ใช่เหรอ
ตี้อู๋เปียนจุก