อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 289 จ่าฝูงเป็นหมาป่าตัวเมีย ตอนที่ 290 เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 289 จ่าฝูงเป็นหมาป่าตัวเมีย ตอนที่ 290 เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์
ตอนที่ 289 จ่าฝูงเป็นหมาป่าตัวเมีย / ตอนที่ 290 เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์
ตอนที่ 289 จ่าฝูงเป็นหมาป่าตัวเมีย
เพิ่งเดินไปได้ครึ่งวันกว่าเข่งของทั้งสองคนก็เต็มแล้ว มีแต่สมุนไพรล้ำค่าและสมุนไพรหายาก
ถ้าเห็นแล้วไม่เก็บ มู่เถาเยาจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
“เผ่าหมาป่าพระจันทร์ไร้พืชไม่มีค่า ละลานตาไปด้วยสมุนไพร ที่แท้คำพูดนี้ก็เรื่องจริง”
สมุนไพรทั่วไปเต็มไปหมด สมุนไพรล้ำค่าก็มีอยู่ไม่น้อย
“เสี่ยวเยาเยา ในป่าพิษหมาป่ามีเยอะกว่านี้อีก เพราะไม่มีใครไปที่นั่นเท่าไร”
ถึงแม้ป่าพิษหมาป่าจะไม่ใช่เขตต้องห้าม แต่ก็อันตรายมาก
ต่อให้สัตว์ที่ร้ายกาจที่สุดในเผ่าคือหมาป่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสัตว์ดุร้ายกินคนชนิดอื่นอีก
พวกสัตว์ป่าพืชป่าในป่าดงดิบไม่ใช่ชนิดเดียวกับที่เพาะปลูกเพาะเลี้ยงแบบในยุคปัจจุบัน
หากขึ้นเขาโดยพลการ ถูกเสือสิงโตจับกินก็เท่ากับตายเปล่า ไม่มีใครชดเชยชีวิตให้ได้
มู่เถาเยาอยากไปป่าพิษหมาป่ามาก ไม่รู้ว่ามันแตกต่างกับป่าเซียนโหยวอย่างไร
ป่าเซียนโหยวกว้างขวางมาก เธอเองก็เดินทะลุไปยังป่าพิษหมาป่าไม่ได้ เพราะอย่างมากเธอก็อยู่ในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวเต็มที่แค่หนึ่งสัปดาห์ ไม่ค่อยอยู่เกินนี้ อย่างไรเสียถ้าหายไปนานคนที่บ้านก็จะเป็นห่วง
“พี่รองคะ หมาป่าแถบนี้คือหมาป่าไคโยตีหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่หมาป่าไคโยตีหรอก ส่วนใหญ่เป็นหมาป่าเทา…ถึงแม้หมาป่าจะชอบออกเคลื่อนไหวตอนกลางคืน แต่หมาป่าทางแถบพวกเราไม่มีความกดดันจากพวกมนุษย์ ตอนกลางวันก็เลยพบเห็นหมาป่าได้บ่อย…”
พอพูดถึงหมาป่า เย่ว์จือกวงก็พูดได้ไม่รู้จบ
มู่เถาเยาฟังไปก็ขานรับไป
“…ข้างหน้านี้มีร่องรอยของหมาป่าแล้ว ไม่ต้องกลัวนะเสี่ยวเยาเยา”
“ฉันไม่กลัวค่ะ”
พอมู่เถาเยาพูดจบก็ได้ยินเสียงสัตว์วิ่งมาทางนี้
ทั้งสองคนก็ไม่ได้หยุดเดิน กลับเดินเข้าไปในป่าอีกหน่อย ไม่อยู่ตรงริมหน้าผาต่อ
เวลาต่อมาไม่นานมู่เถาเยาก็เห็นหมาป่าสามตัวพุ่งเข้ามา
เท้าของมู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงหยุดชะงัก
หมาป่าสามตัวก็หยุดวิ่งตรงระยะที่ห่างจากสองพี่น้องไปสามเมตร จ้องคนตรงหน้าด้วยดวงตาสีเขียวแวววาว
เย่ว์จือกวงหันไปมองน้องสาวสุดที่รัก พบว่าเธอไม่มีความกลัวเลยสักนิด นิ่งสงบราวกับกำลังเผชิญหน้ากับลูกหมาลูกแมวที่เลี้ยงไว้
ก็จริง ในป่าเซียนโหยวมีหมดทุกอย่าง น้องสาวของเขาคงชินแล้ว
มู่เถาเยามองหมาป่า จับรอยจันทร์เสี้ยวตรงเอว
มันแผ่ความร้อนเป็นครั้งที่สาม
ครั้งแรกตอนวันเกิดอายุครบสิบแปดปี ครั้งที่สองตอนจับเขี้ยวหมาป่าของพี่รอง
“เสี่ยวเยาเยา รอยจันทร์เสี้ยวของน้องตอบสนองเหรอ”
“มันกำลังแผ่ความร้อน”
“มันเป็นการตอบสนองของสายเลือดเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ไม่ต้องกังวลนะ”
“ค่ะ”
ทันใดนั้นหมาป่าทั้งสามตัวก็ส่งเสียงร้องโหยหวน
“เสี่ยวเยาเยา นี่เป็นเสียงเรียกรวมฝูง” ไม่ใช่กำลังจะต่อสู้ พวกมันรวมฝูงคิดจะทำอะไร
หลังจากหมาป่าทั้งสามตัวร้องโหยหวนเสร็จมันก็วิ่งวนรอบสองพี่น้อง กระดิกหางเหมือนหมาบ้าน แม้แต่ความตื่นเต้นในดวงตา มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงที่ ‘ต่างเผ่าพันธุ์’ ก็ยังมองออก
มู่เถาเยายื่นมือออกไปลูบหัวหมาป่าตัวหนึ่งเหมือนลูบเสี่ยวเฮยเฮย
สายเลือดเผ่าหมาป่าพระจันทร์มหัศจรรย์จริงๆ !
ตอนนั้นอาก็เคยบอกเธอว่า ถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แม่ที่อยู่ในร่างนี้คงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ยังจะมีการพบเจอกันในตอนนี้อีกเหรอ
หมาป่าที่ถูกลูบหัวตัวนั้นดีใจจนวิ่งไปทั่ว
มู่เถาเยามองมันมีความสุข ดวงตาของเธอก็มีประกายยินดีไปด้วย
หมาป่าอีกสองตัวก็เอาหัวยื่นเข้ามาในมือเธอ
เย่ว์จือกวง “…”
เขาโตขนาดนี้ เจอหมาป่ามานับไม่ถ้วนยังไม่เคยได้ทำแบบนี้เลยนะ!
เลือกปฏิบัติขนาดนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลย
แต่เขาก็ดีใจมากที่หมาป่าชอบน้องสาวของเขา
มู่เถาเยาถอดเข่งลง นั่งยองเล่นกับหมาป่าทั้งสามตัวสักพัก จากนั้น…ก็มีหมาป่าทยอยเข้ามาหาเธอ
หมาป่าตัวที่เป็นจ่าฝูงมีขนาดตัวกลางๆ ค่อนไปทางเล็กเมื่อเทียบกับตัวอื่นในฝูง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล ขนดกสีน้ำตาลเหลืองเงางาม ดูงดงามและแข็งแรง
สำรวจหมาป่าจ่าฝูงเสร็จมู่เถาเยาก็ยิ้มพูด “จ่าฝูงของที่นี่เป็นหมาป่าตัวเมีย” หมาป่าตัวผู้กับตัวเมียมองภายนอกก็พอดูออก
เธอยังมองเห็นลักษณะเด่นอื่นๆ ที่จ่าฝูงควรมีจากตัวมัน เช่น ศรัทธา ความทะเยอทะยานความกล้า ความเด็ดเดี่ยว ความฉลาด เป็นต้น
ในความเป็นจริงหมาป่าตัวเมียไม่ได้ด้อยไปกว่าหมาป่าตัวผู้เลยสักนิด
เย่ว์จือกวงพยักหน้า “จ่าฝูงเป็นตัวเมียจริงๆ เสี่ยวเยาเยา พี่ว่าหมาป่าของเขายอดหมาป่าอาจมารวมกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว”
“อืม ตรงนี้น่าจะมีร้อยกว่าตัวได้ เกินที่คาดไว้”
หมาป่าจ่าฝูงร้องสองครั้ง จากนั้นก็เดินวนมู่เถาเยาสองรอบ ดมเข่งข้างตัวเธอแล้วร้องอีกสักพัก
ฝูงหมาป่าแหวกทางตรงกลาง
หมาป่าจ่าฝูงมองมู่เถาเยาแล้วร้องหนึ่งที จากนั้นก็หันตัววิ่ง
“มันเรียกให้พวกเราตามไปหรือเปล่าคะพี่รอง”
มู่เถาเยารู้สึกว่าหมาป่าจ่าฝูงต้องการสื่อสารกับเธอแบบนี้
“น่าจะนะ เมื่อกี้มันดมเข่งของน้อง อยากพาพวกเราไปเก็บสมุนไพรที่ไหนหรือเปล่า มันรู้จักสมุนไพรด้วยเหรอ”
“สัตว์บางชนิดรู้จักของดีค่ะ พวกเราลองตามไปดูก่อน” ยังไงก็ไม่มีทางทำร้ายพวกเขา
“ได้ ตามพวกมันไปดูก่อน หวังว่าจะมีเซอร์ไพรส์นะ”บราวนี่ออนไลน์
เย่ว์จือกวงช่วยหยิบเข่งของมู่เถาเยามาใส่ให้เธอ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยน้องสาวถือ แต่อยู่ในป่าทางที่ดีสองมือว่างไว้ดีกว่า เผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินจะได้รับมือทัน
ตอนที่ 290 เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์
มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงวิ่งตามหลังฝูงหมาป่าอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าก็หยุดวิ่ง
จ่าฝูงหันกลับมา เดินเข้าไปหาสองพี่น้องแล้วส่งเสียงร้อง
ใบหน้าของมันเหมือนมีรอยยิ้ม มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงพอเห็นก็ดีใจ
ดวงตาของสองพี่น้องที่เหมือนกันต่างมองกันและกัน ในดวงตามีรอยยิ้ม
“พี่รองคะ ฉันได้กลิ่นสมุนไพรแล้ว พวกมันพาเรามาเก็บสมุนไพรจริงด้วย”
“พี่ก็ได้กลิ่นแล้ว แต่กลิ่นนี้ไม่เหมือนกับสมุนไพรอื่นเลย กลับเหมือนกลิ่นยาที่น้องทำขึ้นมา”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ ข้างหน้าน่าจะเป็นดอกจื่อตัน”
เย่ว์จือกวงถามด้วยความรู้สึกเริ่มตื่นเต้น “ดอกจื่อตันเหรอ ใช่สมุนไพรที่ช่วยเพิ่มกำลังภายในไหม อีกทั้งยิ่งกำลังภายในสูงก็ยิ่งเพิ่มได้เร็ว”
“ดมได้กลิ่นดอกจื่อตันจริงๆ ฝูงหมาป่าอยู่ตรงนี้ไม่มีทางมีสัตว์อื่นเฝ้าอยู่ พี่รอง พวกเราโชคดีจริงๆ ค่ะ!”
“นั่นสิ วันนี้ดวงดีจริงๆ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนลูบหัวหมาป่าจ่าฝูงแล้วพูดกับเย่ว์จือกวง “พวกเราไปเก็บสมุนไพรกันค่ะ”
“อื้อ”
พวกเขาเดินไปตามกลิ่นสมุนไพรที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
“ว้าว มีสองต้น! พวกเรารวยแล้ว!”
เย่ว์จือกวงอดพูดขึ้นไม่ได้
มู่เถาเยาอารมณ์ดีเอาเสียมขุดดอกจื่อตันสองต้นที่ลักษณะคล้ายว่านหางจระเข้ มีสีม่วงเข้มเหมือนอัญมณีออกมาด้วยความระมัดระวัง
เย่ว์จือกวงชื่นชมพืชสองต้นนี้ที่ดูน่าอร่อยอยู่สักพักแล้วถามด้วยความแปลกใจ “เสี่ยวเยาเยา มันไม่มีดอกเหรอ”
“ถึงแม้มันจะชื่อดอกจื่อตัน แต่มันไม่มีดอกหรอกค่ะ”
“กลิ่นของมันมีความพิเศษมาก ดูท่าทางก็น่าอร่อย”
“อันที่จริงกินสดได้เลยนะคะ ถ้าพี่รองอยากกินเอาไปกินต้นหนึ่งก็ได้ค่ะ” มู่เถาเยารู้ว่าเย่ว์จือกวงอยากเพิ่มวรยุทธ
เย่ว์จือกวงมองดอกจื่อตันตาเป็นประกาย ความคิดตีกันอยู่สิบกว่าวินาที “เสี่ยวเยาเยา เธอใช้หนึ่งต้น อีกต้นเอาไปให้อาจารย์สองคนของเธอเถอะ”
อาจารย์ทั้งสองคนเลี้ยงเสี่ยวเยาเยามาจนโต อบรมสั่งสอนมาอย่างดี มีของดีก็ต้องแสดงความกตัญญูเอาให้พวกเขาก่อน
“งั้นฉันจะเอาพวกมันไปทำยามาแบ่งกัน กินกันคนละเม็ดก็พออยู่ค่ะ”
ช่วยเพิ่มระดับให้ทุกคนได้หนึ่งระดับย่อมดีกว่าทำให้คนคนเดียวเพิ่มระดับไปถึงสูงสุด อีกทั้งอาจารย์ของเธอก็ไม่ยอมใช้ทั้งต้นแน่นอน
พวกเขาจะต้องพูดแน่ว่า ‘พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้ว อย่าทำเสียของดีกว่า เอาให้คนหนุ่มคนสาวเถอะ’
ดอกจื่อตันสองต้นนี้ถ้าผสมกับสมุนไพรอื่นอีกอย่างน้อยก็น่าจะทำออกมาได้สามสิบเม็ด
ไว้เธอจะลองปรึกษาอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์สามดูว่าเอาดอกจื่อตันกับหญ้าอายุยืนมาผสมกันทำเป็นยาได้ไหม
เพิ่มกำลังภายในกับต้านความชราเดิมทีก็ไม่ได้ย้อนแย้งกัน
เย่ว์จือกวงไม่พูดอะไร
น้องสาวสุดที่รักอยากจัดการกับสมุนไพรอย่างไรเขาก็สนับสนุนหมด
มู่เถาเยาเก็บดอกจื่อตันสองต้นไว้กับหญ้าอายุยืน
“จ่าฝูง ขอบใจทุกตัวมากนะ”
มู่เถาเยาเปิดกล่องยาใบน้อยแล้วหยิบขวดเซรามิกใบจิ๋วออกมาเทยาเม็ดสีน้ำตาลเข้มใส่มือ ยื่นไปที่ปากจ่าฝูง
“นี่เป็นของดีที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างร่างกาย รีบกินเสียสิ”
ใบหน้าที่เหมือนยิ้มของหมาป่าจ่าฝูงหันมาทางมู่เถาเยา หลายวินาทีต่อมามันถึงใช้ลิ้นตวัดยาเข้าปาก
มู่เถาเยายิ้มพลางลูบหัวของมัน จากนั้นก็เทยาทั้งหมดในขวดออกมาให้ลูกหมาป่ากินทีละตัว
ลูกหมาป่ากระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นรอบตัวมู่เถาเยา ใช้ภาษากายแสดงความชื่นชอบมู่เถาเยา
มู่เถาเยาลูบตัวนั้นทีตัวนี้ที หันกลับไปตบตัวจ่าฝูงเบาๆ “เสี่ยวจง พากันออกไปเถอะ”
หมาป่าจ่าฝูงที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวจง “…”
“…ชื่อที่เสี่ยวเยาเยาตั้งให้จ่าฝูง…เป็นกันเองมาก!”
“ฉันก็ว่างั้นค่ะ”
ก็บอกแล้วว่าเธอไม่ใช่คนตั้งชื่อห่วยแน่นอน
เย่ว์จือกวง “…”
มู่เถาเยาเห็นจ่าฝูงไม่ไปจึงตบมันเบาๆ อีกครั้ง “เสี่ยวจง พาตัวอื่นๆ ออกไปเถอะ ไว้ว่างๆ ฉันจะมาหาใหม่”
หมาป่าจ่าฝูงมองสองพี่น้องอยู่สักพักแล้วพาฝูงหมาป่าเดินออกไปหมด
พอไม่เห็นเงาหมาป่าแล้วมู่เถาเยาก็ยกเข่งขึ้นมาสะพาย
“พี่รองคะ เวลายังมี พวกเราเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย”
อย่างไรเสียขากลับก็ใช้วิชาตัวเบาได้ ใช้เวลาไม่เยอะ
“ได้”
สมรรถภาพร่างกายของทั้งสองคนเกินมนุษย์ไปมาก ฝีเท้าก็เร็ว คนธรรมดาเทียบไม่ติด ดังนั้นที่พวกเขาบอกว่าเดินไปข้างหน้าอีกหน่อยก็คือข้ามเขาไปอีกลูก
แต่น่าเสียดายที่ต่อมาไม่เจอสมุนไพรที่ต้องการอีก
สะพายเข่งคนละเข่งกับหอบสมุนไพรอีกหนึ่งมัด คล้องแขนกันใช้วิชาตัวเบาลงจากเขาพร้อมกันอย่างสบายๆ
ปลดของทั้งหมดออกจากตัวเอาขึ้นรถกระบะ หยิบน้ำมาล้างมือ กินผลไม้กับขนมนิดหน่อยที่ทิ้งไว้บนรถ สักพักเย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินก็กลับมา
มู่เถาเยาเล่าให้ทั้งสองคนฟังด้วยความดีใจว่าเจอดอกจื่อตันกับหญ้าอายุยืน
เย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินดีใจมาก ชมสองพี่น้องไปหนึ่งยก
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราเจอหญ้าไป่หลิง วันนี้ทุกคนได้ของติดมือกลับมาหมด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ” ลู่จือฉินยิ้มพูด
“ใช่ค่ะ”
เย่ว์จือกวง “ตรงไหนที่ไม่มีร่องรอยคนไปย่อมมีเซอร์ไพรส์รออยู่ครับ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปากมองป่าทึบ ยิ่งอยากไปป่าพิษหมาป่ามากกว่าเดิม “อาคะ อาจารย์สาม รีบเอาสมุนไพรขึ้นรถเถอะค่ะ ล้างมือกินอะไรหน่อยแล้วพวกเรากลับกัน”
เย่ว์จือกวงช่วยทั้งสองคนเอาของขึ้นรถ ส่วนมู่เถาเยาหยิบน้ำมาช่วยเทล้างมือ
ขณะที่เย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินกินอะไรนิดหน่อยสองพี่น้องก็เล่าเรื่องที่เจอหมาป่าให้ฟัง
“เสี่ยวเยาเยา เผ่าหมาป่าพระจันทร์มีตำนานเรื่องเงาหมาป่าเสียงแห่งจันทรา ว่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกเราเป็นเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์…”
————————