อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 301 หมาป่าสูงส่งกว่ามนุษย์
ตอนที่ 301 หมาป่าสูงส่งกว่ามนุษย์
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และเย่ว์จือกวงเดินป่าพิษหมาป่ามาหนึ่งวัน ไม่ได้เก็บสมุนไพรเลยสักต้น
วันต่อมาเก็บโสมหลิงเซินได้หนึ่งต้น อายุยังห่างไกลกับต้นที่เก็บได้จากเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวอยู่มาก
วันนี้เป็นวันที่สาม เจอฝูงหมาป่า
ลู่จือฉินมองฝูงหมาป่าที่ยืนกันหนาแน่น แอบรู้สึกขนลุก
สถานการณ์แบบนี้ อย่าว่าแต่คนยุคปัจจุบันที่ยากจะเจอหมาป่าเห็นแล้วจะช็อกตายเลย ต่อให้เป็นคนยุคโบราณเจอหมาป่าเป็นฝูงแบบนี้ก็คงเผ่นสุดแรงเกิด
หันไปมองมู่เถาเยากับเย่ว์จือกวง ใบหน้าสองคนนั้นมีรอยยิ้มบาง
แม้จะรู้ว่าหมาป่าไม่มีทางโจมตีพวกเขา แต่เธอก็ยังคงเป็นกังวลอยู่มาก
ตรงนี้น่าจะมีหลายร้อยตัวเลยหรือเปล่า
ครั้งก่อนขึ้นเขายอดหมาป่า เธอกับเย่ว์เลี่ยงไม่เจอหมาป่า จึงไม่รู้ว่าหมาป่ามีความใกล้ชิดกับคนตระกูลเย่ว์ระดับไหน
หลังลงจากเขาฟังมู่เถาเยาเล่าถึงได้รู้ว่าหมาป่าทั้งหมดพากันไปหาสองพี่น้อง
ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา พวกมันจะทำอะไรเหรอ”
หมาป่าพวกนี้ไม่ขยับ แต่ก็ส่งเสียงร้องไม่หยุด เหมือนกำลังปรึกษากันอยู่
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
เธอไม่เข้าใจภาษาสัตว์
หมาป่าขาวตัวเล็กที่ถูกฝูงหมาป่าล้อมรอบดูหงุดหงิด ส่งเสียงร้องแบบเด็กๆ แสดงท่าทีโมโหต่อหมาป่าตัวใหญ่รอบๆ ทั้งยังมองมู่เถาเยาอยู่บ่อยๆ
พวกมู่เถาเยาไม่เข้าใจ แต่กลับเหมือนรู้ว่ามันกำลังด่าหมาป่าตัวอื่นอยู่
เย่ว์จือกวง “หมาป่าขาวตัวก่อนหน้าไม่อยู่ กลับมีเจ้าตัวเล็กนี่โผล่มาแทน”
ลู่จือฉินมองลูกหมาป่าสีขาวที่อยู่กลางวง “นี่จะเป็นลูกของมันหรือเปล่า น่าจะเป็นราชาน้อยไหม ดูพวกมันปกป้องกันมากเลยนะ”
มู่เถาเยา “พี่รองคะ หมาป่าขาวตัวก่อนหน้าอายุประมาณเท่าไร จะแก่ตายแล้วไหม เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ถ้าหมาป่าน้อยตัวนี้เป็นลูกของมัน หมาป่าขาวตัวนั้นก็ยังไม่น่าจะแก่ หมาป่าอายุสี่ห้าปีก็เข้าสู่วัยผสมพันธุ์แล้ว”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “นั่นสิ อาจารย์เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”
เย่ว์จือกวง “ถ้าผสมพันธุ์เดือนมกรา อายุครรภ์ประมาณหกสิบห้าวัน ถ้าอย่างนั้นหมาป่าน้อยนัยน์ตาน้ำเงินตัวนี้ก็น่าจะอายุประมาณสามเดือนได้ ราชาหมาป่าอายุไม่มาก น่าจะอยู่ในวัยฉกรรจ์ ตอนพี่เด็กๆ ไม่ใช่มัน มันน่าจะได้เป็นราชาหมาป่าตอนพี่อายุสิบกว่า”
มู่เถาเยา “หมาป่าขาวมีไม่มาก มีแค่สิบกว่าตัวในบรรดาหมาป่าหลายร้อยพวกนี้ มากสุดคือหมาป่าเทา หมาป่าขนสีน้ำตาลเหลืองก็ไม่เยอะเท่าเขายอดหมาป่า”
ลู่จือฉินกับมู่เถาเยาพยักหน้า
ทั้งสามคนมองฝูงหมาป่า ฝูงหมาป่าก็มองพวกเขา ต่างฝ่ายต่างไม่ขยับ
มู่เถาเยาหันหน้าไป “พี่รองคะ สังเกตเห็นไหม หมาป่าที่นี่ดูระแวงกว่า หมาป่าของเขายอดหมาป่าจะดู ความคิดไม่ซับซ้อนเท่าไร”
“เป็นแบบนั้น”
ลู่จือฉิน “สภาพแวดล้อมต่างกัน เขายอดหมาป่าไม่มีสัตว์อันตรายเท่าไร พวกมันอาจใหญ่สุดในป่าแล้ว”
“ค่ะ”
เย่ว์จือกวง “นักเก็บสมุนไพรในเผ่าหลายคนมักรวมตัวกันขึ้นเขายอดหมาป่า แต่ไม่เคยได้ยินว่าเจอสิงโตหรือเสือ”
มู่เถาเยาลูบรอยจันทร์เสี้ยวตรงเอวที่หายร้อนแล้ว จากนั้นก็เดินเข้าหาฝูงหมาป่า
หมาป่าน้อยที่อยู่ตรงกลางพยายามกระโดด ดูร้อนใจมาก
แต่ฝูงหมาป่าก็ค่อยๆ แหวกทางให้ พวกลูกหมาป่าที่อยู่ตรงกลางพากันเข้าไปหาพวกมู่เถาเยา
จากนั้นก็ทำตัวเหมือนสุนัขทั่วไป ใช้จมูกดมกลิ่นบนตัวมู่เถาเยากับเย่ว์จือกวง
สุดท้ายเหมือนแน่ใจแล้วว่าเป็นอะไร พากันกระโจนเข้าหาทั้งสองคน
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพวกมันไม่มีทางทำร้ายคนตระกูลเย่ว์ ลู่จือฉินคงอดลงมือไม่ได้
ท่าทางของพวกลูกหมาป่าเหมือนพวกหมาป่าตัวใหญ่ตอนล่าเหยื่อจริงๆ
มู่เถาเยามอง ‘กลุ่มเด็กน้อย’ ที่กระโจนเข้าหาเธอ ยิ้มดวงตาโค้งมนก้มมองท่าทางของลูกหมาป่าที่ใช้สองขาหลังยืน สองขาหน้าตะกุยเหมือนเด็กร้องขอให้อุ้ม หมาป่าขาวตัวน้อยน่ารักมากจริงๆ
เธอก้มอุ้มมันขึ้นมา ลูบขนสีขาวของมันเหมือนลูบเสี่ยวเฮยเฮย
ลูกหมาป่าตัวอื่นก็ส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ ต่อมาหมาป่าทั้งหมดก็พากันส่งเสียงร้อง
“หนูน้อย พ่อแม่ไปไหนล่ะ”
หมาป่าน้อยร้องหนึ่งที ราวกับตอบเธอ
มู่เถาเยายิ้ม
ลู่จือฉินมองสองพี่น้องเล่นกับพวกลูกหมาป่าพลางพูดอย่างปลงๆ “แม้มนุษย์จะอยู่ระดับที่สูงกว่าหมาป่า แต่หมาป่ากลับสูงส่งกว่ามนุษย์ หมาป่าล่าสัตว์อื่นเพื่อความอยู่รอด ไม่เหมือนมนุษย์ที่ทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์”
มู่เถาเยาลูบหมาป่าสีขาวตัวน้อยพลางพูด “หมาป่าที่ใช้ชีวิตในเผ่า หรือแม้กระทั่งสัตว์อื่น ล้วนโชคดีมาก เพราะที่นี่ไม่มีการแอบล่า ตอนนี้ยังมีตลาดนัดของบางเมืองที่เห็นวางขายเขี้ยวหมาป่ากับหนังหมาป่าอยู่”
เย่ว์จือกวง “เรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่ต้องพึ่งศรัทธา ต้องพึ่งกฎหมายด้วย รวมถึงจิตสำนึกของผู้คน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย”
ลู่จือฉินพยักหน้า “นั่นสินะ”
มู่เถาเยาวางหมาป่าน้อยบนพื้น มันเงยหน้าส่งเสียง
จากนั้นก็มีเสียงตอบกลับมาจากไกลๆ
หากเป็นคนทั่วไปไม่ได้ยินเสียงนี้แน่นอน
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ดูท่าจะเป็นพ่อของมัน”
“ค่ะ ป่าพิษหมาป่าใหญ่มาก อีกทั้งยังเป็นอาณาเขตของหมาป่า ต้องไม่ได้มีแค่ไม่กี่ร้อยตัวนี้แน่นอน”
เย่ว์จือกวง “เราเพิ่งจะเดินถึงตรงไหนกันเอง หมาป่าพวกนี้น่าจะออกมาเล่นกับพวกเด็กๆ ในป่าพิษหมาป่ามีหมาป่าเต็มวัยอย่างน้อยๆ ก็ห้าพันตัว”
ลู่จือฉินตกใจ “จำนวนนี้น่าสนใจมาก”
มู่เถาเยา “ใช่ค่ะ จำนวนหมาป่าทั่วทั้งโลกลดน้อยลงเรื่อยๆ แต่ความคิดของคนสมัยนี้พัฒนาขึ้นแล้ว ดังนั้นการล่าส่งผลกระทบต่อฝูงหมาป่าน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก แต่การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมกับฝูงหมาป่าก็ต้องใช้เวลานาน…”
ลู่จือฉิน “ดังนั้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เผ่านี้ถือเป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบแล้ว”
นอกจากเรื่องที่เสี่ยวเยาเยาหายตัวไปก็ยังไม่พบเรื่องไหนที่ไม่สมดั่งใจ
ขณะที่ทั้งสามคนคุยกันอยู่นั้น ฝูงหมาป่าก็ได้ล้อมพวกเขากับพวกลูกหมาป่าเอาไว้ตรงกลาง ราวกับกลัวพวกเขาจะหนีไป
มีเสียงหมาป่าร้องจากไกลๆ อยู่เรื่อยๆ อีกทั้งยังใกล้เข้ามา ตามมาด้วยเสียงวิ่งเหมือนมาเป็นฝูงใหญ่
พวกมู่เถาเยามองหน้ากัน
ดูท่าจะมีหมาป่ามาอีกฝูงแล้ว
ประมาณสิบนาทีต่อมา หมาป่าที่ใหญ่กว่าฝูงแรกก็ออกมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา
จ่าฝูงเป็นหมาป่าสีขาวตัวใหญ่
นัยน์ตาสีน้ำเงินจ้องมองพวกเขา
มู่เถาเยาอดพูดชมไม่ได้ “หมาป่าขาวตัวนี้สวยมากเลย!”
ขนขาวเงางาม นัยน์ตาสีน้ำเงินเหมือนสีของท้องฟ้า ประกายที่อยู่ในนั้นเหมือนดวงอาทิตย์…ร้อนแรง
ลองสังเกตดูอีกรอบ อืม ใช้คำว่าร้อนแรงก็ถูกต้องแล้ว
หมาป่าขาวตัวน้อยส่งเสียงร้องเรียก พอเห็นมู่เถาเยาไม่ขยับก็ไปงับชายขากางเกงเธอ อยากพาเธอเข้าไปหาหมาป่าสีขาว
มู่เถาเยาย่อตัวลงลูบขนของมันด้วยความรู้สึกสัมผัสมือที่ดีมาก
ไม่รู้ทำไม เมื่อไรที่เธอเห็นสัตว์ขนาดเล็กก็จะนึกถึงตี้อันเหยี่ยกับเสี่ยวเฮยเฮยที่แสนน่ารักทุกที
ลู่จือฉิน “หมาป่าขาวตัวนี้น่าจะตัวยาวสองเมตรได้หรือเปล่า น้ำหนักต้องเกินร้อยกิโลแน่ๆ สัดส่วนแบบนี้ดูแล้วปกติ ไม่ได้ดูเกินจริงแบบสัตว์ในป่าเซียนโหยว”
เย่ว์จือกวงพยักหน้า “ใช่ครับ ป่าพิษหมาป่าพอไหว”
ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน หมาป่าสีขาวที่รูปร่างสูงใหญ่ก็เดินมาตรงหน้ามู่เถาเยาเรียบร้อยแล้ว