อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 304 ค้างแรมในรังหมาป่า
ตอนที่ 304 ค้างแรมในรังหมาป่า
เย่ว์จือกวงหอบฟืนกลับมามัดใหญ่
“พี่รองวางฟืนก่อนค่ะ ช่วยไปหาหน่อยว่าตรงไหนมีหินเว้าเหมือนหม้อเอามาต้มน้ำได้บ้าง ในเมื่อก่อไฟแล้ว งั้นตอนเย็นพวกเราก็ต้มน้ำอุ่นมากินกันหน่อย”
พวกเขาพกน้ำดื่มสองขวดใหญ่มาด้วย นอกจากเอาไว้แปรงฟันแล้ว แทบจะดื่มกันไปไม่กี่คำ ส่วนใหญ่จะดื่มน้ำจากเถาวัลย์กัน
น้ำจากผลนมหมาป่าก็มีอย่างเพียงพอ พวกเขาไม่ขาดแคลนน้ำ น้ำดื่มที่พกมาจึงเก็บสำรองไว้ใช้
“ได้”
เย่ว์จือกวงมองหาบริเวณนั้น สุดท้ายก็ได้หินทรงกลมขนาดใหญ่กลับมา
“เสี่ยวเยาเยา แถวนี้ไม่มีหินที่เหมือนหม้อเลย แต่พี่เอาหินก้อนนี้กลับมา ลองดูว่าน้องจะกะเทาะตรงกลางออกได้ไหม พี่กลัวตัวเองทำแหลกทั้งก้อน…”
“ขอดูก่อนนะคะ…อืม ได้ค่ะ พี่รองวางไกลหน่อย…วางตั้งไว้กับต้นไม้ตรงนั้น”
“ได้”
เย่ว์จือกวงวางหินตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ห่างออกไปห้าเมตร ทำตามที่น้องสาวบอกแล้วเดินกลับมา
มู่เถาเยาปล่อยพลังฝ่ามือ ระเบิดตรงกลางของก้อนหินจนแหลก
“ได้แล้วค่ะ”
เย่ว์จือกวงไปยกหินก้อนนั้นที่ตรงกลางแตกละเอียดไปกว่าครึ่งกลับมา
“เสี่ยวเยาเยาเก่งมาก! ทำตรงก้นได้บางขนาดนี้เลย!”
“อันที่จริงมันง่ายมากค่ะ ก็แค่พี่รองไม่เคยใช้กำลังภายในทำงานที่ละเอียดแบบนี้”
“อืม พี่ขอไปตัดเถาวัลย์น้ำมาล้างหม้อใบนี้ก่อนนะ”
“ค่ะ”
พวกหมาป่ามองมู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงอยู่ตลอด ก็ไม่รู้ว่าพวกมันเข้าใจหรือเปล่า
แต่หมาป่าเป็นสัตว์นักล่าขั้นสุดยอด พวกมันมีสติปัญญาที่สูงมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำงานร่วมกันได้ดีขณะที่ล่าอาหาร
มู่เถาเยาเงยหน้ามองแสงแดด ตอนนี้ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว
จากประสบการณ์ในชาติก่อน เธอไม่ต้องดูนาฬิกาก็พอจะกะเวลาได้อย่างแม่นยำ
เย่ว์จือกวงหอบเถาวัลย์น้ำกลับมา ตัดหลายท่อนเทน้ำล้างหม้อหินแล้วเททิ้ง ทำซ้ำอยู่หลายรอบ
เอาไม้มาก่อเป็นกองแต่ไม่ได้จุดไฟ รอตอนเย็นค่อยจุด
อันที่จริงหมาป่าไม่กลัวไฟ เว้นเสียแต่จะเป็นระดับภัยพิบัติอัคคีภัย ไม่อย่างนั้นต้องรอให้ถูกไฟลวกก่อนถึงจะกลัว พวกเขาจึงไม่กังวลว่าถ้าจุดไฟจะสร้างความตกใจให้ฝูงหมาป่า
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์สามไปได้สองชั่วโมงแล้วไหม ให้พี่ลองไปตามดูไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “พี่รองรักษาไม่เป็น ไปไกลไม่ได้ ฉันว่าอาจารย์น่าจะใกล้กลับมาแล้วค่ะ”
แม้สิ่งมีพิษจะไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี
“อืม”
พอเย่ว์จือกวงพูดจบก็มีฝูงหมาป่าฝูงเล็กเข้ามา ปากคาบอาหาร เป็นกระต่ายป่า ไก่ป่าที่ถูกกัดตาย…ทั้งยังมีกวางดอกเหมย!
มู่เถาเยา “…”
พูดตามตรง เธอว่าการเก็บเขากวางอ่อน[1]เป็นอะไรที่โหดร้ายพอสมควร
มันคือการเลื่อยเอาเขากวางอ่อนออกมาทั้งที่ยังไม่ตาย
แม้จะให้ยาชา กวางไม่มีทางเจ็บ อีกทั้งการเลื่อยเอาเขากวางก็ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของพวกมัน งอกใหม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าโหดร้ายอยู่ดี
เมื่อชาติก่อนเธอไม่ปรานีข้าศึก แต่กวางดอกเหมยเปรียบเสมือนราษฎรสำหรับเธอ…
เธอจึงไม่ชอบใช้สมุนไพรชนิดนี้มาตลอดในการรักษา ถ้ามีอะไรใช้แทนได้ก็จะไม่แตะเด็ดขาด
แต่กวางดอกเหมยตัวนี้ถูกหมาป่ากัดตาย เธอเก็บเขากวางก็ได้ อย่างไรเสียก็ทำเรื่องที่สร้างบุญต่อมนุษย์
เหมือนคนที่บริจาคอวัยวะ
“เสี่ยวเยาเยา พี่ช่วยตัดเขากวางไหม”
เย่ว์จือกวงไม่รู้เรื่องการแพทย์ แต่ก็รู้ว่าเขากวางอ่อนต้องตัดออกมายังไง
“ค่ะ”
มู่เถาเยา ‘ปรึกษา’ กับหมาป่าขาวก่อนสักพักถึงให้เย่ว์จือกวงตัดเขากวาง
มีดสั้นในมือคมกริบ ตัดเขากวางได้สบาย
กวางเพิ่งถูกกัดตาย ตอนตัดเขากวางจึงยังมีเลือดติดออกมาด้วย
เย่ว์จือกวงเอาเขากวางที่ถูกตัดออกมาไปวางไว้ให้ดี ไม่ผ่านมือมู่เถาเยา
หมาป่าขาวเห็นพวกเขาเอาของที่มันไม่กินไปนิดเดียวจึงลากกวางไปตรงหน้าสองพี่น้อง
มู่เถาเยายิ้ม ลูบหัวใหญ่ๆ ของมันแล้วส่ายหน้า “พวกเราไม่กินหรอก ขอบใจนะเจ้าขาว”
หมาป่าขาวเหมือนเข้าใจ มันจึงลากศพกวางไปด้านหนึ่งแล้วส่งเสียงร้อง
ฝูงหมาป่าเอากวางดอกเหมยไปพร้อมสัตว์ที่ตัวเองล่าได้
มู่เถาเยาปล่อยหมาป่าขาวตัวน้อยลงให้มันไปกินกวาง
ลูกหมาป่าสีเทาสองตัวอ่อนแอเกินไป กินได้เพียงเนื้อที่หมาป่าขาวขย้อนออกมา
มู่เถาเยากับเย่ว์จือกวงไม่ไปดูหมาป่าขาวกับลูกกินอาหารกลางวัน
โลกธรรมชาติก็เป็นแบบนี้ ใครอ่อนแอก็เป็นอาหาร
สองพี่น้องหยิบเถาวัลย์น้ำคนละรากมาเฉือนตรงปล้องแล้วดื่มน้ำที่หวานเล็กน้อยเย็นชื่นใจ
ลู่จือฉินแบกสมุนไพรกลับมาในเวลานี้
“อาจารย์สาม”
“เสี่ยวเยาเยา อากวง ได้สมุนไพรมาครบแล้ว ใช้ได้สองวัน เก็บสมุนไพรสำหรับลูกหมาป่าสองตัวมาด้วย เอาไปใช้ได้เยอะหน่อย”
“ค่ะ”
เย่ว์จือกวงยื่นมือไปรับเข่งกับเสียมขุดมาจากลู่จือฉิน
มู่เถาเยา “อาจารย์คะ พี่รอง พวกเราก็กินข้าวกลางวันกันก่อน รอเจ้าขาวกับขาวน้อยกินเสร็จพวกเราค่อยผ่าตัดให้แม่หมาป่ากัน”
ทั้งสองคนพยักหน้า
เย่ว์จือกวงตัดเถาวัลย์น้ำเทให้ลู่จือฉินล้างมือ
น้ำที่ได้นี้ไร้สี ไม่เหนียว ใช้ล้างมือได้ หรือจะล้างหน้าก็ยังได้
ทั้งสามคนกินเนื้อตากแห้งกับผลนมหมาป่า เดี๋ยวก่อนนอนค่อยกินยาบำรุงคนละเม็ด
พอเจ้าขาวกับขาวน้อยกินเสร็จวิ่งกลับมา มู่เถาเยาก็ให้เย่ว์จือกวงอุ้มลูกหมาป่าสีเทากลับเข้าถ้ำของพวกมัน และก็ไล่ให้ขาวน้อยไปดูพวกพี่น้องของตัวเองเอาไว้
หมาป่าขาวอยู่กับพวกเธอ
มู่เถาเยาเปิดกล่องยาใบน้อย หยิบยาเม็ดสีดำให้แม่หมาป่ากิน
“นี่เป็นยาสูญเสียความรู้สึก เธอจะไม่รู้สึกอะไรเป็นการชั่วคราว ไม่มีทางเจ็บระหว่างการผ่าตัด เจ้าเทา ไม่ต้องกลัวนะ…”
ลู่จือฉินมองลูกศิษย์ปลอบแม่หมาป่า เธอหยิบสมุนไพรออกมาส่วนหนึ่งให้เย่ว์จือกวงไปตำในหม้อหิน
“เจ้าขาว พวกเราจะผ่าตัดให้เจ้าเทาแล้วนะ นายเองก็ไม่ต้องกลัว”
มู่เถาเยาหยิบน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้างมือตัวเองกับลู่จือฉิน จากนั้นก็ใช้แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อมีดผ่าตัด
อยู่ในป่าทำได้เพียงเท่านี้
อาการบาดเจ็บของแม่หมาป่ารุนแรงถึงขั้นที่พวกเธอพาออกไปผ่าตัดข้างนอกไม่ได้แล้ว
“เริ่มกันค่ะอาจารย์”
“อืม”
“งื้ด…”
หมาป่าขาวเห็นมู่เถาเยาเอามีดที่มีประกายคมปลาบเล็งไปที่เมียของมัน จึงอดส่งเสียงไม่ได้
เย่ว์จือกวง “เจ้าขาว ไม่ต้องกังวล น้องสาวฉันกับอาจารย์สามเก่งมาก อย่าส่งเสียงรบกวนพวกเธอ”
หมาป่าขาวเดินเข้าไปหาแม่หมาป่าแล้วหมอบลงข้างตัว เอาหัวแนบหัว
การผ่าตัดทำแผลน่ากลัวพอสมควร
เย่ว์จือกวงยังแอบทนดูไม่ไหว
มู่เถาเยากับลู่จือฉินกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาก็ผ่าตัดเสร็จ ใส่ยา พันแผล ใช้ผ้าพันแผลที่พกมาไปครึ่งหนึ่ง
“เสร็จแล้ว”
หมาป่าขาวกระโดดขึ้น เดินวนรอบแม่หมาป่า
มู่เถาเยายิ้มพูด “วางใจได้ อีกสองสามวันมันจะอาการดีขึ้นมาก”
เย่ว์จือกวงเทน้ำให้มู่เถาเยากับลู่จือฉินล้างมือ
“พี่รองช่วยไปอุ้มเทาน้อยมาไว้กับแม่มันหน่อยค่ะ อาจารย์เก็บสมุนไพรรักษาพวกมันมาด้วย เดี๋ยวจะตำเอาน้ำให้พวกมันกิน”
“ได้”
ลู่จือฉินฆ่าเชื้ออุปกรณ์ผ่าตัดพลางพูดกับลูกศิษย์ “เสี่ยวเยาเยา วันที่เหลือพวกเราคงต้องค้างในรังหมาป่ากันแล้วนะ”
“ค่ะ ช่วยแล้วก็ช่วยให้สุด”
ลู่จือฉินพยักหน้า “แล้วลูกหมาป่าสองตัวนั้นล่ะ ถ้าพวกมันเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่โตแน่ ต่อให้โตก็ต้องถูก…”
“หนูอยากเอาพวกมันออกไปด้วย รักษาหายดีค่อยเอามาคืน”
“…ดูเหมือนจะต้องเป็นแบบนั้น แต่ราชาหมาป่าจะยอมเหรอ”
“อยู่กับพวกมันไปก่อนสองสามวันค่อยว่ากันค่ะ”
“อืม”
[1] สมุนไพรชนิดหนึ่ง