อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 420 การประลองที่แสนสะเทือนใจ
ตอนที่ 420 การประลองที่แสนสะเทือนใจ
หลังรับประทานอาหารเช้าวันรุ่งขึ้นมู่เถาเยาก็ไปปรุงยาที่หอยาพร้อมลู่จือฉิน ปาอิน ถังถัง ลู่หันซู
ตอนบ่ายกลับมาที่อาคารหลัก พบสองคนที่คาดไม่ถึง คือตี้อู๋เปียนกับจางหมิงเจ๋อ
“ตี้อู๋เปียน คุณกับหมิงเจ๋อมาได้ยังไง” ก่อนหน้านี้ตอนที่อาของเธอคลอดลูกก็มาพักอยู่ครึ่งเดือนไปแล้ว
ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ของเธอก็ไปเมืองหลวงแล้ว เขาต้องฝังเข็มควรกลับเมืองหลวงถึงจะถูก แล้วนับประสาอะไรกับที่เมื่อวานเป็นวันฝังเข็ม
“ฉันมาเยี่ยมทุกคนก่อน จากนั้นจะไปดูที่หมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตก ไว้ถึงเวลาฝังเข็มครั้งหน้าค่อยกลับเมืองหลวง” พอสุขภาพดีแล้วเขาก็เริ่มงานยุ่ง
“อ่อ”
ใบหน้าหล่อเหลาของตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย ฉันกินยาจื่อตันได้หรือยัง” นอกจากเรื่องที่อยากมาเจอซาลาเปาน้อยแล้ว อันที่จริงเขามาเพื่อยาจื่อตัน
มู่เถาเยามองศิษย์หลานของตัวเอง
จางหมิงเจ๋อพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “อาจารย์อาเล็กครับ อู๋เปียนมีพรสวรรค์ด้านฝึกยุทธ์มาก ความจำก็ดี ตอนนี้ขาดแค่กำลังภายในนิดหน่อย ถึงระดับที่กินยาจื่อตันได้แล้วครับ”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพลางพยักหน้า “เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ทดสอบแล้ว อู๋เปียนรับกระบวนท่าของอาจารย์ได้หกสิบท่า กินยาจื่อตันได้แล้วจริงๆ ลองทดสอบเขาดูนะว่าจะสร้างกระบวนท่าให้อู๋เปียนฝึกโดยเฉพาะได้หรือเปล่า”
หมิงเจ๋อมีวรยุทธ์สูงก็จริง แต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์มากพอ ทำได้แค่สอนตามประสบการณ์ แต่อู๋เปียนมีพรสวรรค์สูงมาก อีกไม่นานหมิงเจ๋อก็สอนเขาไม่ได้แล้ว
“ซาลาเปาน้อย ลองดูไหม” ตี้อู๋เปียนก็อยากทดสอบ
“งั้นก็ลองดู”
คนกลุ่มใหญ่ตามพวกเขาออกไป
ทุกคนตามออกไปหมดยกเว้นทารกน้อยที่นอนอยู่ในเปลกับอวิ๋นไป๋ที่เฝ้าลูกๆ
ยืนนิ่งบนสนามหญ้าที่กว้างขวาง มู่เถาเยากวักมือ “มาเลยตี้อู๋เปียน”
ตี้อู๋เปียนลงมือด้วยความเร็วสูงสุดอย่างไม่มียั้ง ดุดันผิดปกติ ไม่เข้ากันกับภาพลักษณ์คุณชายงามสง่าของเขาเลยสักนิด
เพียงแต่น่าเสียดาย เขารับกระบวนท่าของมู่เถาเยาได้ไม่ถึงสามสิบท่า
ตี้อู๋เปียนแอบเสียความมั่นใจ
มู่เถาเยาปลอบเขา “กระบวนท่าพอไหว แต่กำลังภายใน วิชาตัวเบา และพละกำลังยังไม่พอ แต่นี่ก็ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับคนที่เพิ่งเรียนวิทยายุทธ์ได้ไม่นาน”
ไม่ใช่แค่พวกลู่หันซู ถังถัง และปาอินที่รู้สึกอิจฉา แม้แต่ลู่จือฉินก็อดตะลึงไม่ได้!
แต่ตี้อู๋เปียนไม่ได้ดีใจสักเท่าไร เพราะเขายังไม่พอใจ
“ซาลาเปาน้อย ถ้าเอาตามความเร็วในการฝึกแบบนี้ ฉันต้องฝึกอีกนานเท่าไรถึงจะเข้าเขตป่าชั้นในกับเธอได้” แบบที่ไม่ต้องมีคนคอยปกป้อง
เขาอายทุกครั้งที่ต้องให้ผู้หญิงปกป้อง
“หลังจากกินยาจื่อตันฝึกอีกหนึ่งปีก็ได้แล้วล่ะ”
ถังถังอิจฉาจนอยากร้องไห้ เธอฝึกมาตั้งหลายปี ตอนนี้ยังเข้าเขตป่าชั้นในคนเดียวไม่ได้เลย!
คุณชายเล็กตระกูลตี้เพิ่งฝึกได้นานเท่าไรเอง!
คนเหมือนกันแต่ทำไมห่างชั้นได้ขนาดนี้!
ปาอินกับลู่หันซูก็มีสีหน้าอิจฉา
เจ้าถุงลมน้อยที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุครบหกขวบมาได้ไม่กี่วันเข้าไปจับมือมู่เถาเยาแล้วเงยหน้าพูด “พี่สาวฮะ อันเหยี่ยก็อยากลองด้วย”
“เอาสิจ๊ะ พี่สาวก็อยากรู้ว่าอันเหยี่ยเรียนเป็นยังไงบ้าง”
เด็กน้อยพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปด้านข้างแล้วออกลีลา ท่วงท่าจริงจัง สีหน้าดุดัน!
พวกปาอินถึงกับหลุดขำออกมา
“ไอ๊หยา อันเหยี่ยน้อยของพวกเราทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้!”
มู่เถาเยาก็กลั้นไม่อยู่
เจ้าถุงลมน้อยมองทุกคนด้วยสีหน้างุนงง
พวกพี่สาวหัวเราะอะไรกันอยู่
พวกถังถังขำหนักกว่าเดิม
“พี่สาวฮะ?”
มู่เถาเยาพยายามกลั้นขำ “มาเลยอันเหยี่ย”
เด็กน้อยพุ่งเข้าไป แขนขาวาดลวดลายอันดุดัน
พวกปาอินเริ่มตาลุกวาว
ถังถัง “ดูไม่ออกเลยนะว่าตัวแค่นี้จะเก่งขนาดนี้”
ลู่หันซู “บางคนต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่ได้หนึ่งในร้อยของคนอื่น! แต่กลุ่มที่น่ากลัวคือพวกคนที่พรสวรรค์สูงและยังมีความมานะพยายาม! ต่อให้คนอื่นไล่ตามยังไงก็เหมือนถูกกั้นด้วยขอบฟ้า”
เธอก็คือคนที่มีความพยายาม ส่วนคนตระกูลตี้กลับเป็นคนที่มีพรสวรรค์และความพยายาม!
สู้ไม่ได้เลย!
แต่เธอก็ไม่มีทางลดละความพยายามเพียงเพราะพรสวรรค์ไม่สูง
มู่เถาเยาสู้กับเจ้าถุงลมน้อยก็คือการเล่นสนุก แต่เด็กน้อยกลับยิ่งสู้ยิ่งฮึกเหิม สุดท้ายทำตัวเองหอบแฮ่กๆ
พอเขาหยุดพักมู่เถาเยาจึงเข้าไปจูงมือ “อันเหยี่ยเก่งมากเลยน้า”
“อาเล็กเก่งกว่าอันเหยี่ย”
ตี้อู๋เปียน “…”
เขาจะยี่สิบหกแล้ว ไม่อยากเทียบกับเด็กหกขวบเลยสักนิด!
เจ้าถุงลมน้อย “พี่สาวฮะ ผมสอนน้องสาวได้ไหม” เขาก็อยากให้น้องสาวเก่งเหมือนพี่สาว!
“น้องยังเด็กอยู่เลย รอสามขวบค่อยสอนนะ” จินเหยี่ยน้อยเพิ่งขวบกับสองเดือน เพิ่งพูดได้เดินได้
“ฮะ น้องโตหน่อยค่อยสอน”
“จ้ะ”
ทุกคนกลับเข้าบ้าน ตี้อู๋เปียนขอยาจื่อตันจากมู่เถาเยาชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว
มู่เถาเยาหยิบให้เขาหนึ่งเม็ด จากนั้นก็หยิบกล่องมาแบ่งใส่หลายเม็ดส่งให้เขา “ประสิทธิภาพยาคงอยู่ได้ยี่สิบปี คุณดูเอาแล้วกันว่าจะเก็บไว้เองหรือแบ่งให้คนของคุณ”
ตี้อู๋เปียนรับมาอย่างไม่เกรงใจ “โอเค”
มู่เถาเยาก็แบ่งให้ถังถังหลายเม็ด
“เสี่ยวเยาเยา ก่อนหน้านี้เธอให้พวกเรามาหลายเม็ดแล้ว พวกนี้พี่ขอซื้อแล้วกัน”
ถังถังรู้ว่าเสี่ยวเยาเยาจะขายให้ตระกูลตี้อู่กับตระกูลน่าหลานตระกูลละสามเม็ด เธอจึงเกรงใจไม่กล้ารับมาฟรีๆ
ปู่ทวดถังยิ้มพลางพยักหน้า
“งั้นโอนเงินให้พี่รองแล้วกันค่ะ เอาเข้าเงินคงคลังของเผ่า”
“ได้เลย”
ส่วนที่เหลือให้ซย่าโหวโซ่วหนึ่งในสาม สำนักซย่าโหวคนเยอะฝีมือสูงส่ง เหมาะที่จะกินยาจื่อตันที่สุด
ยังมีอีกหนึ่งในสามรอพี่รองเลิกงานค่อยเอาให้ ส่วนกองสุดท้ายเก็บไว้สำรองใช้เอง
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย เธอจะไปเมืองหลวงเมื่อไรเหรอ”
“อีกสองวันก็จะไปแล้ว ไปก่อนจะได้ทำความสะอาด พาพวกเสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยาไปดูด้วย จากนั้นจะไปเยี่ยมพี่อู๋เสียกับซือจิ่น จิ่งเหยา เซิ่นอวี๋”
“ทำไมไม่พักที่วังตระกูลตี้ล่ะ ถ้าเธอว่าไม่สะดวกงั้นก็เปลี่ยนรถคันใหม่ ใช้ทะเบียนใหม่”
ย่าตี้พยักหน้า “พักในวังสะดวกกว่า บ้านสามห้องนอนกับหนึ่งห้องรับแขกมันเล็กไป พ่อครัวอยู่ด้วยไม่ได้”
มู่เถาเยาแอบลำบากใจ
ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดจะเอาเชฟไปอยู่ด้วย จึงมีแค่ห้องของเธอ ของเหลียงจี เสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหมียนนอนด้วยกัน
เสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหมียนมาแค่วันศุกร์วันเสาร์ สองสาวใช้ห้องเดียวกันก็พอ
เจ้าถุงลมน้อยแกว่งมือของมู่เถาเยา “มาอยู่ที่บ้านผมนะพี่สาว น้องผมคิดถึงพี่สาว”
นับตั้งแต่จินเหยี่ยได้เจอมู่เถาเยา พอพูดได้ก็ชอบโพล่งคำว่า ‘พี่สาว’ ออกมาบ่อยครั้ง
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเจ้าถุงลมน้อย “วังตระกูลตี้ห่างจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล บ้านพี่สาวอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยพอดี ไปเรียนสะดวก ไว้สุดสัปดาห์พี่สาวจะไปค้างที่วังตระกูลตี้ด้วยคืนสองคืนนะจ๊ะ แบบนี้เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยาก็ไม่ต้องไปที่บ้านพี่แล้ว ยกห้องให้เชฟอยู่ได้”
อันที่จริงตระกูลเย่ว์ก็มีบ้านอยู่ที่เมืองหลวง แต่ด้วยความที่สถานะมีความพิเศษ บ้านจึงถูกสร้างในแถบชานเมือง เพื่อความสะดวกในการจอดเครื่องบินและฝึกยุทธ์
หากไปอยู่ที่นั่น ไปเรียนทีต้องใช้เวลาเดินทางนาน เสียเวลาเปล่าๆ
ตี้อู๋เปียน “ก็ได้ เอาที่เธอสบายใจ”