อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 422 นี่หมอดูเหรอ
ตอนที่ 422 นี่หมอดูเหรอ
วันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเช้า ย่าตี้จัดรถสองคันบวกคนงานอีกสามคนให้ไปพร้อมกับมู่เถาเยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา และยังมีเย่ว์หลั่ง เป่ยซี เหลียงจี เชฟพี่หยาง เพื่อไปช่วยทำความสะอาดบ้านที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยวิศวกรรมสารสนเทศเหยียนหวง
เนื่องจากไม่มีคนอยู่มานาน ในนั้นย่อมมีฝุ่นหนา มู่เถาเยาจึงไม่ให้คนแก่กับสองเด็กน้อยตามไปด้วย
อย่างไรเสียตอนเที่ยงก็กลับมาแล้ว รอวันมะรืนค่อยไปรู้จักบ้านเธอก็เหมือนกัน
เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีมองบ้านที่มีสามห้องนอนหนึ่งห้องรับแขกขนาดรวมร้อยยี่สิบกว่าตารางเมตรแล้วก็พูดด้วยความปวดใจ “เสี่ยวเยาเยา เดี๋ยวพ่อกับแม่จะซื้อบ้านที่ใหญ่กว่านี้ให้นะลูก”
“พ่อคะแม่คะ แถวนี้ไม่มีบ้านให้ซื้อแล้วค่ะ บ้านนี้เล็กไปหน่อย แต่พวกเราอยู่กันแค่สามคน อยู่พอค่ะ”
เธอให้คนช่วยดูบ้านแถวนี้ตั้งแต่ตัดสินใจได้ว่าจะมาเรียนที่มหาวิทยาลัยวิศวกรรมสารสนเทศ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีบ้านแบบใหญ่ๆ เลย
“นี่มันพออยู่ที่ไหนกัน ไม่มีแม้แต่ห้องหนังสือ” เย่ว์หลั่งสงสารลูกจนเกือบร้องไห้แล้ว
มู่เถาเยาจับพ่อกับแม่ “พ่อคะแม่คะ หนูอยู่แค่สองปีเอง แถมกลางวันก็ไม่อยู่ด้วย กลางคืนนอนแค่แปบเดียว สุดสัปดาห์ก็ไปบ้านตระกูลตี้”
เป่ยซี “งั้นขอพ่อกับแม่ลองดูก่อน ถ้ามีที่เหมาะสมก็จะซื้อ” ซื้อราคาสูงก็ยินดี
ขอแค่บ้านดี เงินไม่ใช่ปัญหา
“อย่าเลยค่ะ หนู พี่รอง ตี้อู๋เปียนหาหมดแล้ว ไม่มีบ้านที่เหมาะๆ เลยค่ะ ช่วงสองสามวันนี้พ่อกับแม่เที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ หนูจะแนะนำให้รู้จักกับพวกโค้ชด้วย”
เย่ว์หลั่ง “…โอเค” ลองหาดูก่อน มีก็ซื้อ ถ้าไม่มีก็คงต้องอยู่แบบนี้
พวกเขาเองก็รู้ว่า ในอาณาเขตของผู้ปกครองบ้านเมืองยากที่จะหาบ้านที่เหมาะสมได้
“พ่อกับแม่ลงไปเดินเล่นที่ชั้นล่างก่อนนะคะ หนูจะช่วยทำความสะอาด”
“ได้จ้ะ”
สองสามีภรรยารู้ว่าลูกสาวกับพวกเด็กสาวไม่ยอมให้พวกเขาช่วยทำแน่นอน ลงไปเดินเล่นดูสภาพแวดล้อมแถวนี้ก็ดีเหมือนกัน
มู่เถาเยาเดินไปส่งพ่อแม่ที่ลิฟท์ กดปุ่มให้พวกเขาลงไปเสร็จก็กลับห้อง
เก้าคนช่วยกัน ไม่นานก็ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเสร็จ
นั่งที่โซฟา มองบ้านใหม่ที่สะอาดสะอ้าน มู่เถาเยาอารมณ์ดีเหลือเกิน
เหลียงจียิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้พี่กับพี่หยางย้ายเข้ามาอยู่ก่อนแล้วกัน จะได้ซื้อของเข้าตู้เย็นด้วย”
“ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้คนที่ไปบ้านตระกูลเซี่ยมีเยอะมาก พวกพี่ค่อยไปครั้งหน้าแล้วกัน พวกเราจะอยู่เมืองหลวงกันสองปี มีเวลาเยอะแยะ”
เหลียงจีกับพี่หยางพยักหน้า
มู่หว่านคล้องแขนมู่เถาเยาพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา วันมะรืนก็ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว พรุ่งนี้จะทำอะไรเหรอ”
“พรุ่งนี้ช่วงเช้าจะไปเยี่ยมพี่อู๋เสียที่บ้านตระกูลเซี่ย ช่วงบ่ายนัดกับโค้ชเถียนไว้ เห็นว่าจะแนะนำพวกโค้ชให้ฉันรู้จัก พวกเธอไปด้วยกันไหม”
พวกมู่หว่านพร้อมใจกันพยักหน้า
เจียงเฟิงเหมียนยิ้มดวงตาโค้งมน พูดด้วยความเอาใจใส่ “พี่เยาเยาเอาเรื่องสำคัญก่อน ไว้วันอื่นพวกเราค่อยไปเดินเที่ยวกัน”
“อืม”
พวกเธอคุยกันสักพักเย่ว์หลั่งกับเป่ยซีก็กลับมา
สองสามีภรรยามองไปรอบๆ แล้วพยักหน้า “เล็กไปหน่อย แต่สามห้องนอนบวกห้องครัวห้องรับแขก แสงเข้ากำลังดี ดูใช้ได้พอควรเลยนะ”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน เห็นด้วยว่าห้องนี้ดี
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ที่เมืองหลวงยาว เพราะที่นี่ไม่เหมาะที่จะเกษียณ เลยซื้อเอาง่ายๆ แบบที่พออยู่ได้สบายค่ะ”
เย่ว์หลั่ง “อืม สองวันนี้ฝนไม่ตก เปิดหน้าต่างระบายอากาศไว้ก่อน ถึงตอนย้ายเข้ามาพวกกลิ่นยาก็หายพอดี”
มู่เถาเยาเอาพวกสมุนไพรในวังตระกูลตี้มาต้มทำเป็นยาฆ่าเชื้อ ในห้องจึงมีกลิ่นยาอยู่บ้าง แต่ดมจนชินแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าแย่อะไร
เป่ยซีพูดเตือน “พวกเรากลับกันได้แล้วนะ คนตระกูลตี้จะได้ไม่รอพวกเรากินข้าวนาน”
พวกมู่เถาเยาพยักหน้า
ทุกคนพากันเดินออก
เมื่อไปถึงหน้าลิฟท์ประตูก็เปิดออกพอดี
พอเห็นคนที่อยู่ด้านใน อวิ๋นสุ่ยเหยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียนก็ร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่อีเหิง!”
“เอ๊ะ ทำไมพวกเธอมาอยู่นี่ล่ะ เสี่ยวเยาเยาก็อยู่ด้วยเหรอ”
ริมฝีปากของมู่เถาเยายกเป็นเส้นโค้ง “ฉันมาเรียนที่เมืองหลวงค่ะ พักที่นี่ พี่อีเหิงก็อยู่ที่นี่เหรอคะ” คาดไม่ถึงจริงๆ
จั่วอีเหิงพยักหน้า “ใช่จ้ะ พี่อยู่หนึ่งแปดศูนย์หก”
“ฉันอยู่หนึ่งแปดศูนย์แปดค่ะ”
“ว้าว ติดกันเลย!” นี่เป็นสองห้องที่ดีที่สุดของตึกนี้แล้ว!
“นั่นสิ บังเอิญจัง”
“บังเอิญมาก จริงสิ นี่พ่อแม่ของพี่จ้ะ”
พวกเด็กสาวพากันทักทาย
“นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอนายใหญ่จั่วกับคุณนายในสถานการณ์แบบนี้ มู่เถาเยาสำนักซย่าโหวขอคารวะ” มู่เถาเยาคารวะทั้งสองคนโดยอยู่ในระดับคนรุ่นเดียวกัน
จั่วฮั่วมองโหงวเฮ้งของมู่เถาเยาอยู่สักพักแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี “อีเหิงเล่าเรื่องลูกศิษย์คนเล็กของสำนักซย่าโหวให้ฟังตั้งแต่ตอนปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เหมือนอย่างที่เล่าจริงๆ!”
ไม่เพียงแต่ลูกสาวเขาจะมองไม่ออก แม้แต่เขาก็มองดวงชะตาของลูกศิษย์คนเล็กสำนักซย่าโหวไม่ออกจริงๆ
ไม่ใช่คนธรรมดา!
มู่เถาเยายิ้ม แนะนำพ่อแม่ตัวเองให้พวกเขารู้จัก
พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายยิ้มจับมือกัน
จั่วฮั่วดูโหงวเฮ้งตามความเคยชิน
รอบตัวของพ่อแม่นักศึกษาคนนี้อบอวลไปด้วยพลังจื่อ ทำให้เขารู้สึกตะลึงมาก
เพราะมีแค่คนสูงศักดิ์เท่านั้นถึงจะมีพลังนี้ ไม่อย่างนั้นก็พวกนักบุญหรือตระกูลที่สั่งสมบารมีมาเป็นพันปี มีสวรรค์คุ้มครองอยู่
จริงสิ ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับพ่อของนักศึกษาคนนี้
หากว่ากันตามเหตุผล เขาไม่ควรลืมคนที่มีพลังจื่อแรงกล้าแบบนี้
จั่วฮั่วค้นสมองตัวเอง
เห็นพ่อตัวเองเหม่อมองพ่อของอีกฝ่าย จั่วอีเหิงจึงเขย่าแขนพ่อ
เย่ว์หลั่งถามด้วยความไม่เข้าใจ “คุณจั่วมองอะไรเหรอครับ” เมื่อกี้ก็มองลูกรักของเขาแบบนี้
บนหน้าของพวกเขามีอะไรเหรอ
“พลังจื่อ พวกคุณมีพลังจื่อห้อมล้อม แสดงว่าเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่แน่นอน”
เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีอึ้งไปเล็กน้อย
นี่หมอดูเหรอ หรือแค่ดูโหงวเฮ้งเป็น?
มู่เถาเยายิ้ม “คุณจั่วคะ ตอนนี้อาจารย์ซย่าโหวของฉันก็อยู่ที่เมืองหลวง ถ้าว่างก็ไปเจอหน่อยได้นะคะ”
“เจ้าสำนักซย่าโหวกับคุณนายก็มาด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ทั้งสองท่านมาพักสองสามเดือนถึงกลับค่ะ”
“งั้นก็ได้ครับ รบกวนช่วยนัดเจ้าสำนักซย่าโหวให้หน่อย พวกเราว่างตลอดครับ”
“ได้ค่ะ ขอเบอร์หน่อยนะคะ”
จั่วฮั่วบอกเบอร์ตัวเองและก็เซฟเบอร์โทรศัพท์ของมู่เถาเยา
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับไปกินข้าวก่อนนะคะ”
แม่จั่วยิ้มพูด “พวกเราซื้อกับข้าวมาแล้วกินด้วยกันไหมคะ”
เป่ยซียิ้มกว้าง “ผู้อาวุโสในบ้านรอพวกเรากลับไปกินข้าวอยู่ค่ะ ขอบคุณแม่อีเหิงมากนะคะ”
“งั้นไว้ครั้งหน้าแล้วกันค่ะ เด็กทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน วันหน้ายังมีโอกาสอีกเยอะ”
เป่ยซีพยักหน้า “ค่ะ พวกเรากลับก่อนนะคะ”
“ค่ะ โชคดีค่ะ”
พวกมู่เถาเยาเดินเข้าลิฟท์ เมื่อลิฟท์ปิดและเคลื่อนลงเย่ว์หลั่งก็ถามขึ้น “เสี่ยวเยาเยา คนตระกูลจั่วรู้จักกับอาจารย์รองของลูกด้วยเหรอ”
“พ่อคะแม่คะ ตระกูลซย่าโหว ตระกูลตี้อู่ ตระกูลน่าหลาน และตระกูลจั่วเป็นสี่ตระกูลใหญ่ที่ปลีกวิเวกไม่ยุ่งกับใคร พวกเขาไม่สนิทกัน แต่กลับรู้จักกันอยู่แล้ว ตระกูลจั่วแตกต่างจากอีกสามตระกูล พวกเขาเป็นตระกูลนักพรต เรื่องอย่างดูโหงวเฮ้งดูฮวงจุ้ยเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับพวกเขาค่ะ”
เป่ยซี “ก่อนหน้านี้เคยได้ยินพวกลูกพูดถึงตระกูลจั่ว แต่แม่ไม่ได้สนใจ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกัน”
เย่ว์หลั่ง “ตอนนี้ตระกูลตี้อู่ตระกูลน่าหลานผูกสัมพันธ์กับตระกูลซย่าโหวแล้ว มีตระกูลจั่วเพิ่มเข้ามาอีกก็ไม่แปลกอะไร ลูกรัก ให้พ่อสืบเรื่องคนตระกูลจั่วดูก่อนไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “หนูกับตี้อู๋เปียนเคยสืบแล้วค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
ตี้อู๋เปียนสืบเรื่องตระกูลจั่วเพราะจั่วอีเหิงถูกกู้หานพาเข้าวังตระกูลตี้ เธอสืบเรื่องจั่วอีเหิงตามมาด้วยตระกูลจั่วเพราะเสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหมียน
เด็กสาวทั้งสองใสซื่อ เธอกลัวจะคบเพื่อนผิดพาชีวิตพัง
เย่ว์หลั่ง “โอเค ในเมื่อลูกกับอู๋เปียนเคยสืบแล้ว งั้นพ่อก็จะไม่ยุ่ง”
“ค่ะ จริงสิ ตระกูลจั่วถนัดแปลงโฉมนะคะ ใบหน้าที่พวกเราเห็นเมื่อครู่อาจไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริง”
เจียงเฟิงเหมียน “หา ดูไม่ออกเลยนะคะเนี่ย!”
มู่หว่านพยักหน้าหงึกๆ
อวิ๋นสุ่ยเหยาขมวดคิ้วถาม “พี่เยาเยาคะ งั้นพี่อีเหิงล่ะ แปลงโฉมด้วยไหม” แต่ทุกครั้งเธอก็เห็นหน้าแบบนี้
มู่เถาเยา “นี่เป็นใบหน้าที่แท้จริงของพี่อีเหิง ไม่ได้แปลงโฉมอะไร”
เธอมองออกว่าแปลงโฉมมาหรือไม่ก็เพราะน้าเล็กในชาติที่แล้วเป็นยอดฝีมือด้านการแปลงโฉม
ต้องเลี่ยงสายตาพวกราชนิกุลกับตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายเพื่อไปผูกมิตรกับผู้กล้าตามที่ต่างๆ น้าเล็กจึงต้องเปลี่ยนใบหน้าอยู่บ่อยๆ…
“ค่อยยังชั่ว” อวิ๋นสุ่ยเหยาโล่งอก
จั่วอีเหิงเป็นเพื่อนสนิทกับพี่กู้หานน้องสาวของพี่สะใภ้ใหญ่ เธอไม่อยากเห็นจั่วอีเหิงใช้ใบหน้าปลอมไปผูกมิตรกับพี่กู้หาน