อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 427 ฝึกตามหนังสือ
ตอนที่ 427 ฝึกตามหนังสือ
ช่วงบ่ายตี้อู๋โยวพามู่เถเยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา ซย่าโหวโซ่วกับภรรยา และปู่ทวดถังไปเยี่ยมเด็กทั้งสามคนที่ค่ายทหาร
เด็กผู้ชายทั้งสามพอเห็นทุกคนก็ดีใจมาก
มู่เถาเยาลูบหัวทีละคนแล้วยิ้มพูด “ตัวสูงขึ้นเยอะเลยนะ”
“ย่าเยาเยา อยู่ที่นี่พวกเราได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยครับ” ใบหน้าดำคล้ำของมู่ซือจิ่นเต็มไปด้วยความสุข
ตี้อู๋โยวกับนายทหารที่อยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย
นายทหารคนนั้นมองมู่เถาเยาด้วยความตกใจ
เด็กสาวคนนี้เป็นย่าคนแล้วเหรอ!
เขาคงต้องกลายเป็นหลานแล้ว!
เพราะปกติเด็กพวกนี้เรียกเขาว่าพี่!
ซย่าโหวจิ่งเหยาพยักหน้า “ใช่ครับอาจารย์ย่าเล็ก สิ่งที่พวกเราได้เรียนจากที่นี่ไม่เหมือนเรียนในโรงเรียน”
ถังเซิ่นอวี๋ “อาเยาเยา พวกเราอยู่ที่นี่มีความสุขมากเลยครับ” ถึงจะเหนื่อย แต่ก็สนุกมากจริงๆ
มู่เถาเยามองหนุ่มน้อยทั้งสามที่ตัวดำคล้ำพูดด้วยความตื่นเต้น เธอเองก็มีความสุขไปด้วย
“ปีหน้าอันเหยี่ยก็จะมาอยู่ด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ” เด็กทั้งสามพูดพร้อมกัน
ตี้อู๋โยวพยักหน้า “ใช่แล้ว อันเหยี่ยจะมาอยู่ตอนเจ็ดขวบ”
“เยี่ยมไปเลย!” เด็กทั้งสามคนดีใจมาก
ซย่าโหวจิ่งเหยา “ตอนนี้อาจารย์ย่าเล็กมาเรียนที่เมืองหลวงแล้ว จะมาหาพวกเราบ่อยๆ ไหมครับ พวกเราคิดถึงทุกคนมากเลย”
เด็กอีกสองคนก็มองทุกคนด้วยสีหน้าคาดหวัง
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ก็ต้องมาเยี่ยมพวกเธอบ่อยๆ อยู่แล้ว”
ซย่าโหวโซ่วอดแกล้งพวกเขาไม่ได้ “เสี่ยวเยาเยาต้องเรียน ต้องฝึกซ้อม แถมยังต้องกลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์ กลับหมู่บ้านเถาหยวน กลับเมืองเย่ว์ตู ไม่มีเวลามากขนาดมาเยี่ยมพวกนายได้หรอก”
พวกเด็กผู้ชาย “…”
“อาจารย์รองคะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูเลิกเรียนแล้วมาก็ได้”
ปู่ทวดถัง “ทุกเย็นเสี่ยวเยาเยาต้องไปฝึกซ้อมไม่ใช่เหรอ”
“แค่เดือนเดียวค่ะ ให้พวกโค้ชเห็นฝีมือของหนูก่อน ถ้าพวกเขายอม หนูกะว่าตลอดปิดเทอมหน้าหนาวปีหน้าหรือเดือนมิถุนากรกฎาก่อนการแข่งขันเริ่มค่อยฝึกซ้อมค่ะ แบบนี้จะไม่ได้ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตปกติด้วย”
อาจารย์แม่รอง “ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นชีวิตตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อน แต่แค่ปิดเทอมหน้าหนาวหรือเดือนมิถุนากรกฎามันแค่เดือนครึ่งเวลาจะพอเหรอ”
“น่าจะพอแล้วค่ะ รอหนูปรึกษาพวกโค้ชก่อนค่อยตัดสินใจค่ะ ปีนี้หนูต้องเก็บหน่วยกิต ถ้าเป็นไปได้จะเก็บให้หมดในหนึ่งปีค่ะ”
แบบนี้ปีหน้าเธอก็จะมีเวลาเหลือเฟือไปช่วยตี้อู๋เปียนตามหาดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตแล้ว
รอพ้นงานแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เวลาห้าปีของตี้อู๋เปียนก็ใกล้หมดเต็มที
ซย่าโหวโซ่วปวดใจ “เสี่ยวเยาเยา ระวังจะเหนื่อยเกินไปนะ”
“อาจารย์รองคะ ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ หนูเอาเท่าที่ตัวเองไหวค่ะ”
พวกผู้อาวุโสพยักหน้า
มู่ซือจิ่น “ย่าเยาเยางานยุ่งมาก หรือสุดสัปดาห์ให้พวกเราเป็นฝ่ายไปหาดีไหมครับ พี่อู๋โยวครับ ได้ไหมครับ”
ตี้อู๋โยวพยักหน้า “อืม ได้สิ สองปีนี้จะให้พวกนายเป็นกรณีพิเศษ พอถึงสุดสัปดาห์จะให้คนมารับออกไป”
พวกเด็กๆ อายุยังไม่ถึงสิบขวบ เดิมทีสุดสัปดาห์ควรให้กลับบ้านอยู่แล้ว แต่ครอบครัวพวกเขาไม่ได้อยู่เมืองหลวง สุดสัปดาห์ว่างๆ จึงให้อยู่ในค่ายทหารไป
โชคดีที่กลุ่มเยาวชนก็มีหลายคนที่ครอบครัวอยู่เมืองอื่น จึงไม่เหงากันเท่าไร
ทั้งสามคนดีใจมาก
มู่เถาเยาลูบหัวทีละคนอีกครั้ง “พวกเธอคุยกันไปนะ ขอพี่ไปดูซังเฟยกับเยี่ยเซียวก่อน”
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน และอวิ๋นสุ่ยเหยาพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไปด้วย”
มู่เถาเยามองตี้อู๋โยว
เขาพยักหน้า พาพวกสาวๆ ไปยังสนามฝึก
วันนี้มีการประลอง ถึงตาซังเฟยกับเยี่ยเซียวสู้กันพอดี
ซังเฟยตกเป็นรองเยี่ยเซียว
“อาเยี่ยครับ”
เยี่ยหู่ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพตระกูลเยี่ยกำลังตั้งใจดูลูกศิษย์สู้กับซังเฟยทหารที่มีศักยภาพมากที่สุด พอได้ยินเสียงเรียกจึงหันไป
“อู๋โยว มาดูพวกเด็กๆ เหรอ เอ๊ะ เสี่ยวเหยาก็อยู่ด้วย แล้วสาวๆ อีกสามคนเป็นใครเหรอ”
สองคนที่อยู่ในลานประลองพอเห็นพวกมู่เถาเยาก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็สู้กันอย่างดุเดือดต่อ
“อาเยี่ยครับ นี่เสี่ยวเยาเยากับเสี่ยวหว่านจากหมู่บ้านเถาหยวน อีกคนคือเสี่ยวเหมียนลูกสาวของอธิการบดีเจียงมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูครับ”
เยี่ยหู่มีสีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันที “ไอ๊หยา นี่เหรอเสี่ยวเยาเยา!”
นับตั้งแต่เยี่ยอิ่งลูกไม่รักดีกับเยี่ยเซียวที่เป็นลูกศิษย์เอาแต่ชมเด็กสาวคนนี้อย่างไม่ขาดสาย เขาอยากรู้จักบ้างก็ยาก ยังเสียดายอยู่ที่ไม่เคยเจอหน้า
“อาเยี่ย” มู่เถาเยา มู่หว่าน และเจียงเฟิงเหมียนเรียกอีกฝ่ายตามตี้อู๋โยวกับอวิ๋นสุ่ยเหยา
“ดีๆๆ! พวกเราดูพวกเขาประลองก่อน เสี่ยวเยาเยาช่วยชี้แนะด้วยนะ”
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าฝีมือต่อสู้ของมู่เถาเยาเก่งถึงขั้นไหน แต่เป็นถึงลูกศิษย์ปิดสำนักของยอดฝีมืออันดับหนึ่ง คงไม่ด้อยไปกว่าใครแน่ ไม่อย่างนั้นลูกชายหัวดื้อของเขากับลูกศิษย์คงไม่มีทางเลื่อมใสแบบน้อมคารวะทั้งตัว
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า
ทุกคนหยุดคุย ดูการประลองอย่างเงียบๆ
พวกทหารหลายหน่วยก็ละสายตาสงสัย หันกลับไปสนใจสองคนที่กำลังต่อสู้กัน
สิบกว่านาทีต่อมาซังเฟยกับเยี่ยเซียวก็หยุดลง รีบสาวเท้าเดินเข้ามา
“เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา”
เคยไปอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนมานาน พวกเขาจึงคุ้นเคยกับพวกเด็กสาว จึงเรียกด้วยความสนิทสนม
พวกเด็กสาวพากันขานรับ
ดวงตากวางน้อยของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม “พวกเรามาดูพวกซือจิ่นค่ะ เลยแวะมาหาด้วย”
ซังเฟยยิ้ม “เสี่ยวเยาเยา ได้ยินว่าตอนนี้มาเรียนที่เมืองหลวงแล้วเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ อยู่เมืองหลวงจนกว่าจะถึงงานแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติครั้งถัดไป”
“เยี่ยมไปเลย! ไว้ผมมีวันหยุดจะไปหานะ”
“ค่ะ”
เยี่ยเซียวยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยา เมื่อกี้พวกเราสู้กันเป็นยังไงบ้าง”
“ก้าวหน้าขึ้นมากเลยค่ะ! เร็วก็เร็วอยู่หรอก แต่มันยังไม่มั่นคงพอ…” มู่เถาเยาไล่เรียงปัญหาของพวกเขาออกมาเป็นข้อๆ
ผู้บัญชาการเยี่ยได้ฟังก็นึกสนุก “เสี่ยวเยาเยา อาอยากประลองด้วยหน่อย”
มู่หว่านพูดด้วยความฮึกเหิม “อาเยี่ยคะ ไม่ต้องเสี่ยวเยาเยาหรอกค่ะ มาสู้กับหนูดีกว่า”
“ฮ่าๆ เอาสิ มาๆๆ…”
มู่หว่านมัดผมหางม้าให้เป็นก้อนซาลาเปา ตั้งท่า บุคลิกเปลี่ยนไปทันที
“อาเยี่ยไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“ได้เลย เข้ามา”
ผู้บัญชาการเยี่ยรู้ว่าเด็กสาวที่ชื่อมู่หว่านคนนี้ฝึกต่อสู้กับสำนักซย่าโหวมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่ได้ดูถูกเธอ
ทั้งสองคนออกหมัดออกเท้า สลับกันรุกสลับกันรับ ดูสนุกกว่าการประลองของซังเฟยกับเยี่ยเซียวเมื่อครู่
การประลองดุเดือดจนมีพวกทหารมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ
มู่เถาเยารู้สึกเหนือความคาดหมาย ถามตี้อู๋โยว “อาเยี่ยมีพื้นฐานวิทยายุทธ์ ได้รับถ่ายทอดมาจากไหนเหรอคะ”
“เห็นพ่อพี่บอกว่าอาเยี่ยฝึกจากหนังสือที่ซื้อมาจากข้างทาง” ตี้อู๋โยวกระซิบตอบ
เขาอยากขำ แต่ก็กลั้นไว้
มู่เถาเยา “…ไม่ทำตัวเองบาดเจ็บก็ถือว่าโชคดีมากแล้วค่ะ”
“ตอนเด็กๆ ไม่รู้ก็เลยไม่กลัว แต่ก็ทำให้อาเยี่ยลองผิดลองถูกจนรู้กฎเกณฑ์ของมัน แถมยังสู้กับคนวัยเดียวกันจนไม่มีใครสู้ได้ ต่อมาเกิดเหตุไม่คาดคิด หนังสือหายไป ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย”
ตี้อู๋โยวกลั้นขำ
มู่เถาเยาก็อยากหัวเราะ