อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 529 โดนสายตาแหลมคม / ตอนที่ 530 โม้ไปถึงต่างประเทศ
ตอนที่ 529 โดนสายตาแหลมคม
วันนี้อาจจะเป็นวันธรรมดาสำหรับคนอื่นที่แค่ญาติหรือเพื่อนตั้งท้อง แต่สำหรับมู่เถาเยาแล้ว นี่คือวันสำคัญที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า เธอจึงดีใจเป็นพิเศษ คอยย่างเนื้อมาเติมให้พวกผู้ใหญ่อย่างขยันขันแข็งเหมือนผึ้งงาน
สายตาของตี้อู๋เปียนมองตามเธอที่เดินไปเดินมาตลอด
คนที่อยู่ที่นี่ต่างรู้ทันความคิดของเขา ยกเว้นตัวมู่เถาเยาเองกับพวกเด็กๆ แต่ต่างก็ดีใจที่ได้เห็นแบบนี้
แน่นอนว่าทุกคนก็แอบสงสารอยู่นิดหน่อย
สาวน้อยออกจะฉลาดหลักแหลมปานนั้น แต่กลับไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าซื่อบื้อ
แต่เย่ว์หลั่งที่เป็นพ่อมีความสุขสุดๆ !
ตราบใดที่ลูกสาวของเขายังไม่รู้ตัว ลูกก็จะยังอยู่กับเขาไปอีกหลายปี!
พอคิดว่าอีกหน่อยลูกสาวจะต้องแต่งงาน เขาก็ปวดใจจนหายใจไม่ออก!
“ลูกรัก มานั่งพักหน่อย ไม่ต้องทำแล้ว”
มู่เถาเยาหันกลับไปยิ้มตอบ “หนูไม่เหนื่อยค่ะพ่อ”
“ไม่เหนื่อยก็มานั่งกินอะไรหน่อย ทุกคนกินกันอยู่ ลูกยังไม่ได้กินเลยนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูทำตรงนี้เสร็จจะไปกินค่ะ”
เนื่องจากคนเยอะ พวกหนุ่มสาวจึงเสนอให้มาทำบาร์บีคิวกินกันที่ล่างเขาชิงซิ่ว ซึ่งมู่เถาเยาก็ชอบบรรยากาศแบบนี้
ย่างปลาในมือเอาไปส่งให้โต๊ะของผู้อาวุโสเสร็จมู่เถาเยาก็กลับไปนั่งข้างเย่ว์หลั่งกับเป่ยซี
“ลูกรัก กินปีกไก่ราดน้ำผึ้งนี่สิ” เย่ว์หลั่งหยิบปีกไก่หนึ่งไม้จากจานบนโต๊ะแล้วเอาตะเกียบรูดออกจากไม้มาใส่ชามให้มู่เถาเยากิน
“ค่ะ” มู่เถาเยารับตะเกียบกับชามมากินปีกไก่ราดน้ำผึ้งอย่างเอร็ดอร่อย
อันที่จริงเธอชอบปีกไก่โรยยี่หร่ามากกว่าปีกไก่ราดน้ำผึ้ง เพราะชาติที่แล้วไม่มีเครื่องปรุงอย่างยี่หร่า
เวลานี้ตี้อู๋เปียนถือจานหอยนางรมย่างพร้อมเก้าอี้ของตัวเองมา รับสายตาดุจคมมีดของเย่ว์หลั่ง
“ซาลาเปาน้อย กินหอยนางรมสิ ฉันย่างเอง”
มู่เถาเยากลืนไก่ในปากแล้วถึงตอบ “วางไว้ก่อน ขอกินปีกไก่ให้หมดก่อน”
เย่ว์หลั่งสะใจในทันที
ตี้อู๋เปียนวางจานบนโต๊ะ จากนั้นก็แกะหอยนางรมย่างกระเทียมใส่ชามเล็กทีละตัว
หอยนางรมตัวอ้วน แม้จะมีไม่กี่ตัว แต่ก็เต็มชามกระดาษ
เย่ว์หลั่ง เป่ยซี ราชาตี้ คุณนายอวิ๋นเหอ ต่างมองมู่เถาเยาที่กินอย่างเอร็ดอร่อย
คุณนายอวิ๋นเหอยิ้มพูด “นับตั้งแต่ฉันฝึกยุทธ์ก็ไม่ต้องระวังเรื่องกินอีก กินเท่าไรก็ไม่กลัวอ้วนแล้ว”
“คุณป้าคะ ถ้าระบบย่อยดี อาหารเย็นกินเร็วหน่อย กินเยอะก็ไม่เป็นไรค่ะ” มู่เถาเยากินพลางคุยกับพวกเขา
เป่ยซีพูดต่อ “ใช่ค่ะ คนฝึกยุทธ์ร่างกายแข็งแรง ลำไส้ดี ย่อยเร็ว”
ราชาตี้ยิ้มพูด “ผมว่าพวกเด็กสาวบ้านเราก็ไม่เหมือนเด็กสาวบ้านอื่นที่เอาแต่พูดได้ทั้งวันว่าอยากลดน้ำหนัก ต้องกินน้อยๆ แบบนี้สิดี กินได้คือมีบุญ”
ตี้อู๋เปียน “นี่ก็คือข้อดีของการฝึกยุทธ์ครับ คนฝึกยุทธ์มีน้อยมากที่จะผอมเกินหรืออ้วนเกิน”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ออกกำลังกายบ่อยๆ ร่างกายก็จะดูอ่อนเยาว์ทั้งภายในและภายนอก กินของบำรุงยังได้ผลไม่ดีเท่าออกกำลังกายเลยค่ะ สภาพร่างกายที่ได้จากการออกกำลังกายจะมั่นคงยิ่งกว่าค่ะ”
ราชาตี้ “เสี่ยวเยาเยา พวกเราเชื่อฟังหนู ออกกำลังกายเยอะๆ คงความอ่อนเยาว์ พวกอาจารย์ของหนูก็คือแบบอย่างของลุง”
มู่เถาเยาได้ฟังก็หันไปมองอาจารย์
ในบรรดาผู้สูงวัย หยวนเหยี่ย ซย่าโหวโซ่ว ปู่ทวดถัง สามคนนี้อายุเยอะที่สุด แต่สภาพจิตใจกลับดีที่สุด
ใบหน้ามีเลือดฝาด ผิวพรรณไม่มีรอยคล้ำแบบคนอายุเยอะ ผมก็ยังดำอยู่ ไม่มีสภาพหลังค่อมดูอ่อนแอแบบที่คนอายุเยอะควรมี
ออกกำลังกาย+ดูแลตัวเอง+ฝังเข็ม ได้ผลลัพธ์อันน่าตกใจ มู่เถาเยาพึงพอใจมาก
“พอคุณลุงคุณป้าเกษียณแล้วก็ไปอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานระยะหนึ่งสิคะ ให้อาจารย์ใหญ่ช่วยฝังเข็มให้ วันหน้าก็จะมีสภาพร่างกายแบบพวกอาจารย์ได้ค่ะ”
ราชาตี้กับคุณนายอวิ๋นเหอพยักหน้าพร้อมกัน
“น่าเสียดายที่วิธีฝังเข็มแบบนี้ต้องมีกำลังภายในคอยช่วยด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเผยแพร่ออกไปให้คนภายนอกได้รับประโยชน์ด้วย”
ราชาตี้ “เสี่ยวเยาเยา คนของสำนักแพทย์โบราณก็ฝึกยุทธ์ด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ทุกคนฝึกได้อย่างจำกัด ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ร่วมกับการฝังเข็ม อันนั่วกินของดีไปมากก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเลยค่ะ”
คุณนายอวิ๋นเหอรู้สึกเสียดาย
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย พวกเรายังฝากความหวังไว้ที่รุ่นต่อไปได้…จริงสิ ฉันเห็นเยี่ยนหังดูสนใจฝึกยุทธ์กับเรียนแพทย์นะ วันหน้าเขาต้องทำได้ดีแน่”
“อืม” เยี่ยนหังย่อมได้อยู่แล้ว
ชาติที่แล้วเยี่ยนหังก็เรียนการแพทย์ เพียงแต่ไม่เก่งเท่าเธอ เพราะไม่ใช่แค่อาจารย์สอน เธอเองก็สอนน้องเรื่องอื่นๆ อีกเยอะมาก เขาไม่สามารถแบ่งสมาธิเรียนแพทย์ได้อย่างเพียงพอ
ชาตินี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงแล้ว เวลาเหลือเฟือ ขอแค่เยี่ยนหังอยากเรียนต้องเรียนได้ดีกว่าเธอแน่
คุณนายอวิ๋นเหอ “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ นี่ก็ใกล้ถึงงานแข่งขันกีฬาแล้ว หลังจากนั้นจะเอายังไงต่อ เรียนต่ออีกไหม”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่ไปเรียนมหา’ลัยแล้วค่ะ หนูกับพี่สามว่าจะพาพวกอาจารย์กับปู่ๆ ย่าๆ ไปเที่ยวสักหน่อยค่ะ พอกลับมาก็คงตั้งใจวิจัยด้านการแพทย์ค่ะ”
ราชาตี้กับคุณนายอวิ๋นเหอพากันหันไปมองลูกชายคนเล็ก
โอกาสพาคนแก่ออกไปเที่ยวมีเยอะแยะ ทำไมลูกชาย…ถึงจีบสาวไม่เป็นเลยสักนิด!
ตี้อู๋เปียนเจอพ่อแม่ทำสายตารังเกียจใส่ก็มีสีหน้าจนปัญญาสุดๆ
เขาไม่พยายามที่ไหน ซาลาเปาน้อยต่างหากที่ตีความผิดไป!
เฮ้อ ไว้ถึงเวลาค่อยเข้าทางพวกผู้ใหญ่แล้วกัน
ตอนที่ 530 โม้ไปถึงต่างประเทศ
มู่เถาเยาใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่เมืองเย่ว์ตูแล้วกลับเมืองหลวง เตรียมเดินทางไปต่างประเทศพร้อมคณะนักกีฬาตัวแทนทีมชาติ
ตี้อู๋เปียนไม่ได้ไปพร้อมกัน แต่เขาไปเข้าพักโรงแรมที่อยู่นอกหมู่บ้านนักกีฬาก่อน
โรงแรมแห่งนี้เป็นกิจการของอวิ๋นไป๋ มีความเป็นส่วนตัวสูง แถมตี้อู๋เปียนยังเข้าประเทศนี้มาด้วยสถานะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอวิ๋นไป๋ ไม่ได้เปิดเผยตัวในที่สาธารณะ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครจำได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแปลงโฉมแล้วด้วย
โค้ชเถียนยิ้มพูด “คุณชายเล็กครับ ระยะนี้เสี่ยวเยาเยาคงไม่ได้ออกมาบ่อย…”
“ผมรู้ครับ พวกคุณต้องทำอะไรก็ทำไป ผมจะอยู่ในโรงแรมนี้”
มู่เถาเยาพูด “พี่สามให้คนของโรงแรมพาออกไปเดินเที่ยวเถอะค่ะ ประเทศนี้สวยมาก แถมอีกตั้งนานกว่าการแข่งขันจะเริ่ม ไหนพี่สามจะต้องทำงานอีก…”
อย่างไรเสียที่นี่ก็ประเทศอื่น งานของเขามีความพิเศษ ใช้อินเทอร์เน็ตของข้างนอกจะทำให้ความลับของประเทศรั่วไหลได้…
“ไม่เป็นไร ฉันรอเธอแข่งเสร็จค่อยออกไปเดินเที่ยวด้วยกัน ซื้อของฝากกลับไป เธอตั้งใจแข่ง ไม่ต้องห่วงฉัน ในโรงแรมมีหนังสือเยอะ ฉันไม่เบื่อหรอก”
“ก็ได้ค่ะ ว่างๆ ฉันจะออกมากินข้าวด้วย”
“อืม” ตี้อู๋เปียนคีบซี่โครงเปรี้ยวหวานใส่ชามของมู่เถาเยาพลางพูด “กินสิ”
โค้ชเถียนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน
กินข้าวเสร็จตี้อู๋เปียนก็เรียกหยางฟานคนดูแลของโรงแรมมาแนะนำให้พวกเขารู้จัก
หยางฟานก็เป็นคนประเทศเหยียนหวง ถูกย้ายมาจากเจียงตู
เขาไม่รู้ว่ามู่เถาเยาเป็นใคร แต่รู้จักโค้ชเถียน เพราะเขาเป็นผู้ชาย ติดตามการแข่งขันกีฬาตลอด
หยางฟานจับมือโค้ชเถียน พูดด้วยความดีใจ “โค้ชเถียน ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วครับ”
เขานึกไม่ถึงว่าจะได้เจอโค้ชของแชมป์กีฬาระดับประเทศที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้นไม่คิดว่าจะรู้จักกับคนตระกูลตี้ด้วย
“ผู้จัดการหยางติดตามกีฬาด้วยเหรอครับ” โค้ชเถียนก็ดีใจ
“ใช่ครับใช่ ผมดูการแข่งขันกีฬานานาชาติทุกครั้งมาตั้งแต่สมัยเรียนครับ”
“ฮ่าๆ ดีครับ ปีนี้ผู้จัดการหยางได้ตะลึงแน่!” โค้ชเถียนมองมู่เถาเยา
“สาวน้อยคนนี้ก็เป็นนักกีฬาด้วยเหรอครับ” มองแวบเดียวผู้จัดการหยางก็รู้แล้วว่ามู่เถาเยาเป็นใคร
“เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่แค่นักกีฬานะครับ! เธอเป็นผู้ทรงความรู้ที่จบดอกเตอร์ถึงสองใบ! มีใบประกอบโรคศิลปะ ตั๋วทนาย…” พอได้พูดถึงลูกศิษย์คนโปรด (เขาคิดเอาเอง) ก็พูดได้ไม่มีเบรก
ใบหน้าขาวนวลของมู่เถาเยาเริ่มแดงเล็กน้อย
โม้ไกลถึงต่างประเทศแล้ว!
ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยาดึงชายเสื้อของโค้ชเถียนด้วยความรู้สึกขำ แต่โค้ชเถียนกำลังติดลม ไม่ได้สังเกตเลยสักนิด
มู่เถาเยาไม่กล้าขัดจังหวะการพูดของโค้ชเถียน อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่สนิทกับหยางฟาน จะขัดจังหวะการพูดโม้เหมือนทำกับคนในครอบครัวไม่ได้
หยางฟานยิ้มกว้างฟังจนจบ ไม่มีท่าทางเหมือนทำไปตามมารยาทเลยสักนิด
“เก่งมากเลยครับ! ชาวเหยียนหวงที่อยู่ที่นี่จะรอดูคุณได้แชมป์นะครับ!”
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการหยาง ขาบาดเจ็บเหรอคะ” ถึงแม้คนทั่วไปจะมองไม่เห็น แต่เธอมองออกตั้งแต่แวบแรกว่าดูไม่ปกติ
“สายตาเฉียบคมมากเลยครับ! เมื่อเช้าผมล้มตอนมาทำงานครับ” เขาเกือบถูกรถชนเพราะช่วยคุณยายคนหนึ่งไว้
“ตัวผู้จัดการหยางมีกลิ่นยา สีหน้าก็ไม่ค่อยดีค่ะ”
หยางฟานลูบใบหน้าตัวเอง “ไม่ค่อยดีเหรอครับ ผมคิดว่าตัวเองเนียนแล้วเสียอีก…”
โค้ชเถียนพูดด้วยความกระอักกระอ่วน “ผมดูไม่ออกเลยสักนิดครับ ไม่ได้กลิ่นยาเลยด้วย”
“ในห้องอาหารกลิ่นอาหารแรงค่ะ โค้ชไม่ได้กลิ่นก็ไม่แปลกค่ะ”
มู่เถาเยาหยิบกล่องยาใบน้อย เรียกผู้จัดการหยางไปนั่งที่โซฟา ให้เขาพับขากางเกงขึ้น
พอหยางฟานพับขากางเกงขึ้นก็เห็นรอยม่วงคล้ำตรงน่อง “เมื่อเช้าดูไม่หนัก พ่นยาแล้วด้วย…”
“ตอนหกล้มจะเกิดการบาดเจ็บทั้งทางผิวหนังและเส้นประสาท ก่อให้เกิดการชาบริเวณนั้น แต่พอหายชาก็จะเริ่มบวมและมีเลือดออก เราจะรู้สึกเจ็บ นี่เป็นอาการทั่วไปค่ะ…ฉันจะช่วยฝังเข็มไล่เอาเลือดที่คั่งอยู่ออกนะคะ…”
“คือ…”
“ผู้จัดการหยางครับ เสี่ยวเยาเยาเป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนแห่งประเทศเหยียนหวงเลยนะครับ รักษาแผลฟกช้ำให้คุณแค่นี้ถือเป็นการเล่นใหญ่ที่ต้องให้หมอระดับเธอมารักษา ต้องทราบก่อนนะครับว่าเธอทำงานวิจัยโรครักษายากกับวิจัยค้นคว้ายาตัวใหม่โดยเฉพาะ!”
มู่เถาเยาเปิดกล่องยาหยิบม้วนเข็มออกมา “ถ้าผู้จัดการหยางไม่สนใจแผลนี้พรุ่งนี้จะอาการหนักกว่านี้นะคะ”
หยางฟานเหลือบมองตี้อู๋เปียน
เขาสังเกตเห็นก่อนแล้วว่าสายตาของเจ้าชายเล็กอยู่ที่สาวน้อยคนนี้ตลอด เห็นได้ชัดว่าตามมาเพราะสาวน้อยคนนี้ลงแข่งกีฬา
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อยยินดีรักษาให้คุณก็อย่าดื้อเลยนะ”
เขารู้ว่าในสายตาของเธอไม่ว่าจะโรคใหญ่หรือโรคเล็กก็คือโรค เพียงแต่โรคเล็กน้อยหมอทั่วไปก็รักษาได้ เธอเป็นมนุษย์ แยกร่างไม่ได้ ทำได้เพียงเอาเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดไปทุ่มเทให้กับสิ่งที่เธอถนัด ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักษาโรคเล็กน้อย
หยางฟาน “งั้นก็ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
มู่เถาเยาหยิบเข็มทองออกมาฝังเข็ม ไม่นานก็สังเกตเห็นได้ว่ารอยม่วงเริ่มจางหาย ไม่มีเลือดคั่งค้างอีก
หยางฟานพูดด้วยความตะลึง “วิชาฝังเข็มของประเทศเราสุดยอดเลยครับ! นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ผมไม่เชื่อเลยนะครับว่ายังมีการฝังเข็มที่เห็นผลเร็วแบบนี้ด้วย” แถมยังใช้เข็มทองที่อ่อนขนาดนี้!
มู่เถาเยาเก็บเข็ม หยิบขวดยาน้ำออกมาหยดใส่ก้านสำลีแล้วทาบริเวณแผล จากนั้นก็ยื่นให้หยางฟานพร้อมขวดยา
“ทายาเช้ากลางวันเย็น สามวันก็หายกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ ถ้าร่างกายฟกช้ำตรงไหนอีกก็ทาได้นะคะ”
จากนั้นก็หยิบยาอีกขวดออกมาจากกล่องยา “อันนี้เป็นยาสำหรับแผลที่มีเลือดออก ทาแล้วไม่เจ็บค่ะ”
หยางฟานยิ้มกว้างใช้สองมือรับไป “ขอบคุณมากครับ”
มู่เถาเยาพยักหน้า บอกสิ่งที่ต้องพึงระวังเสร็จก็เอาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อเข็มทองแล้วเก็บเข้าม้วน ปิดกล่องยา “พี่สามคะ ฉันกับโค้ชกลับหมู่บ้านนักกีฬาก่อนนะคะ”
“อืม ฉันจะไปส่งที่หน้าหมู่บ้าน”
หยางฟานดึงขากางเกงลงแล้วลุกขึ้น “ผมจะไปจัดหารถให้ครับ”
มู่เถาเยา “ไม่ต้องหรอกค่ะผู้จัดการหยาง ระยะทางแค่นี้เอง พวกเราเดินกลับได้ ถือเป็นการเดินย่อยด้วยค่ะ”
อันที่จริงก็ไม่ถือว่าใกล้ คนทั่วไปเดินคงใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
ตี้อู๋เปียนก็พูดขึ้น “คุณไปทำงานเถอะ ต่อไปก็ไม่ต้องสนใจผมหรอก มีอะไรผมจะเรียกหาเอง”
“ได้ครับ”