อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 535 สายตาพ่นไฟ / ตอนที่ 536 เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
ตอนที่ 535 สายตาพ่นไฟ / ตอนที่ 536 เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
ตอนที่ 535 สายตาพ่นไฟ
พวกมู่เถาเยาอยู่ที่เมืองหลวงหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นก็ไปเมืองเย่ว์ตู
โจวซือหย่วน เซี่ยซิงเฉิน เซียวถง เฉินหมิ่น และนักกีฬาที่เป็นแชมป์คนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย
หลังงานแข่งขันกีฬาทุกคนจะมีวันหยุดที่ค่อนข้างยาวนาน
หลังจากที่ผ่านมาได้คลุกคลีกันหลายเดือน มู่เถาเยามีเพื่อนเพิ่มขึ้นเยอะทีเดียว
แต่เรื่องที่ทำให้เธอกลุ้มนิดหน่อยคือ มีสายจากวงการบันเทิงเข้ามาตลอด ถึงขั้นที่มีโทรไปหาโค้ชกับพวกศาสตราจารย์ด้วย
พอจบการแข่งขัน ตัวตนของเธอที่จบดอกเตอร์สองใบและเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนก็ได้ถูกเปิดเผย รวมถึงเหตุการณ์ ‘ซูเปอร์สาวน้อย’ ที่ช่วยทวงเงินเดือนเมื่อสี่ปีก่อนก็ถูกขุดขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ครอบครัวของหวังซูเหยาจึงตั้งใจโทรมาถามมู่เถาเยาเรื่องผลกระทบ
แน่นอนว่าชื่อเสียงในเน็ตเป็นไปในทางที่ดีหมด ไม่มีด้านลบแม้แต่น้อย
ประเด็นร้อนที่ถูกค้นในเน็ตระยะนี้นอกจากนักกีฬามากพรสวรรค์ มู่เถาเยาสุดยอดหัวกะทิแล้วก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรอีก
ชาวเน็ตยังได้ตั้งฉายาอย่างเป็นกันเองให้เธอว่า ‘ลูกสาวแห่งชาติ’ ไม่ว่าจะไปไหนก็เจอแต่คนพูดว่า ‘ลูกสาวฉันอย่างนั้นอย่างนี้’ ‘ลูกสาวเก่งอย่างนั้นอย่างนี้’ ‘ลูกสาวบอกให้ทำแบบนั้นแบบนี้’ เป็นต้น
แต่สถานะที่เป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ยังไม่ถูกเปิดเผยออกไป
เพราะคนที่รู้ตัวตนของเธอไว้ใจได้ทั้งนั้น พวกเขาไม่มีทางพูดออกไปก่อนที่มู่เถาเยากับตระกูลเย่ว์จะประกาศต่อสาธารณะ
โชคดีที่สถานะลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนมีน้ำหนักมากพอ ชาวเน็ตจึงไม่ขุดคุ้ยต่อ
แต่ก็ต้องมีคนตั้งข้อสงสัยแน่นอน
เพราะแบบนี้เฉินหมิ่นที่เป็นแชมป์เรือใบจึงถามขึ้นมาก่อน “เสี่ยวเยาเยา ทำไมไม่เห็นพ่อแม่กับคนในครอบครัวเธอเลยล่ะ”
หากว่ากันตามเหตุผล มู่เถาเยาสร้างเกียรติให้ประเทศขนาดนี้ คนในครอบครัวเธอควรปรากฏตัวต่อสาธารณชนด้วยถึงจะถูก เป็นต้นว่าออกมาพูดคุยว่าเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกอย่างไรถึงยอดเยี่ยมขนาดนี้ เป็นต้น
มู่เถาเยายิ้มพูด “พวกเขาไม่อยู่ประเทศเหยียนหวง แต่ทุกคนก็เคยเห็นพี่รองของฉันแล้ว”
เย่ว์จือกวงไม่ได้ตามมาเมืองเย่ว์ตูด้วย แต่กลับพร้อมคณะนักกีฬาของเผ่าหลังการแข่งขันจบลง
เผ่าหมาป่าพระจันทร์ถ่อมตัวลึกลับเป็นทุนเดิม แถมเย่ว์จือกวงยังเป็นคนคุมการเงินของเผ่าและเป็นบุคคลพิเศษ ไม่เคยปรากฏตัวด้านการเมืองการปกครอง คนข้างนอกจึงไม่ค่อยรู้จักเขา
เขาอยู่ข้างนอกก็เปิดเผยตัวในนามเจ้าของเทียนเย่ว์กรุ๊ปมหาเศรษฐีระดับโลก
ในระดับโลกมีแต่คนเคยได้ยินชื่อเสียงแต่ไม่เคยเห็นตัวจริง ลึกลับยากจะคาดเดา
นักกีฬาของประเทศเหยียนหวงไม่มีทางรู้จักเย่ว์จือกวงแน่นอน
เฉินหมิ่นนึกถึงผู้ชายรูปงามที่หุ่นดียิ่งกว่านักกีฬาอาชีพขึ้นมาทันที เขาถาม “คุณเย่ว์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอจริงเหรอ”
เคยเจอตอนอยู่เมืองนอก แต่เห็นคนละแซ่ก็เลยไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชายแท้ๆ
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง พยักหน้า “พี่ชายแท้ๆ พ่อเดียวกันแม่เดียวกันค่ะ”
“อ้อ”
เฉินหมิ่นแอบเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้ทำดีกับ ‘พี่ชายแฟน’ ให้มากกว่านี้
“เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้ว่างไหม พาเที่ยวเมืองเย่ว์ตูได้หรือเปล่า”
พอคำพูดนี้ออกมา คนทั้งห้องต่างหันไปมองเฉินหมิ่น
พวกสาวๆ มองด้วยสายตานึกสนุก ส่วนพวกผู้ชาย อืม สายตาพ่นไฟ โดยเฉพาะตี้อู๋เปียน
คนคนนี้กล้าขอเดตกับซาลาเปาน้อยต่อหน้าเขาเลยเหรอ! ไม่เห็นหัวกันเลยหรือไง!
ขณะที่มู่เถาเยายังไม่ทันตอบ ตี้อู๋เปียนก็พูดขึ้นก่อน “ซาลาเปาน้อยไม่ว่าง”
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียนด้วยความสงสัย
เธอว่างนะ!
ตี้อู๋เปียน “เธอรับปากเยี่ยนหังกับอู๋ซวงไว้ว่าจะพาไปหาอาจารย์สามไม่ใช่เหรอ”
มู่เถาเยาครุ่นคิด นึกไม่ออกว่าพูดแบบนี้ตอนไหน แต่เธอต้องพาเยี่ยนหังกับอู๋ซวงไปเยี่ยมอาจารย์สามอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนเพิ่งกลับมาจะไปมาแล้ว แต่ตอนนี้อยู่เมืองเดียวกัน ยังไงก็ควรเจอกันทุกวัน
“อาจารย์เหรอ หมอเทวดาที่เล่าลือกันใช่ไหม งั้นขอไปทักทายคุณหมอเทวดาด้วยได้ไหม” เฉินหมิ่นพูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ใช่หมอเทวดาหยวนที่เป็นอาจารย์ใหญ่ของฉันหรอกค่ะ แต่เป็นอาจารย์สามลู่จือฉิน อาจารย์สามเป็นหมอที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในวงกว้าง”
ชื่อเสียงของอาจารย์สามลู่จือฉินไม่เหมือนอาจารย์ใหญ่ โด่งดังแค่แถบหมู่บ้านชนบท อย่างเช่นในหมู่บ้านตงจี๋ที่ศิษย์น้องอยู่
ไม่ค่อยมีคนในเมืองรู้จักอาจารย์สาม อย่างไรเสียอาจารย์สามก็ลาออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่มาถึงแล้ว
เฉินหมิ่น “ในเมื่อเป็นอาจารย์ของเธอก็ต้องเก่งมากแน่นอน ฉันอยากทำความรู้จักกับคุณหมอเทวดาหน่อย ได้ไหม”
“แน่นอนค่ะ หันซูเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สามค่ะ” มู่เถาเยาจูงลู่หันซูเข้ามาตรงหน้าพวกแชมป์โลก
ลู่หันซูยิ้มพยักหน้าให้ทุกคน
หลี่เทียนอวี่แชมป์ยิมนาสติกถามขึ้น “เสี่ยวเยาเยามีอาจารย์หลายคนเหรอ”
“สามคนค่ะ อาจารย์หมอสองคน อาจารย์สอนต่อสู้หนึ่งคนค่ะ สอนฉันมาตั้งแต่เด็ก”
พอมู่เถาเยาพูดถึงพวกอาจารย์ก็อดยิ้มไม่ได้ ดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวชวนมอง
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์สอนต่อสู้ของเธอเปิดสำนักอยู่ที่ไหนเหรอ”
เหอจื้อเฉิงแชมป์มวยที่รูปร่างใหญ่บึกบึนคลั่งไคล้ศิลปะการต่อสู้มาก เขาย่อมให้ความสนใจ
“อาจารย์รองไม่ได้เปิดสอนหรอกค่ะ แต่คนทั้งหมู่บ้านเราเรียนกับอาจารย์กันหมด”
“ทั้งหมู่บ้านเหรอ”
“ค่ะ คนหมู่บ้านเถาหยวนซานของเราไม่ว่าชายหญิงเด็กแก่ก็เรียนต่อสู้หมดค่ะ”
พวกแชมป์โลกต่างตะลึง ยากที่จะจินตนาการภาพเหล่านั้น
ตอนที่ 536 เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
อยู่ที่เมืองเย่ว์ตูอีกหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นพวกมู่เถาเยาก็กลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน
เซียวเซียว หมิ่นชีสยา หวังหมิ่นชิ่น และพวกแชมป์โลกก็ตามไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานด้วย
พอกินอาหารกลางวันเสร็จ มู่เถาเยากับมู่หว่านในฐานะเจ้าบ้านก็ขับรถนำเที่ยวพาทุกคนไปดูตามที่ต่างๆ
ตี้อู๋เปียนจนปัญญาเหลือเกิน
เขาอยากออกไปเที่ยวตามลำพังกับมู่เถาเยาใจจะขาดแล้ว
ต้องข้างกายไม่มีใครเท่านั้นความสนใจของซาลาเปาน้อยถึงจะมาอยู่ที่เขา
บางครั้งเขาก็อยากซ่อนเธอไว้ไม่ให้ใครเห็น…
แต่ตอนนี้คนทั้งโลกรู้จักซาลาเปาน้อยแล้ว เขาจินตนาการได้เลยว่า ต่อให้พวกเขาออกไปเที่ยวตามลำพังก็จะต้องมีคนไม่รู้จักมารบกวนแน่ อย่างคนที่เข้ามาขอลายเซ็นอะไรทำนองนั้น
ไม่งั้นก็แปลงโฉมทั้งสองคนเลยดีไหม
“พี่สาม?” ตี้อู๋เปียนดึงสติกลับมา
“พวกเราลงรถแล้วนะคะ พี่สามจะนั่งอยู่บนรถเหรอคะ”
“ฉันไปด้วย” ตี้อู๋เปียนพูดพลางลงจากเบาะข้างคนขับ
มู่เถาเยากับมู่หว่านพาทุกคนไปเก็บผลไม้ตามฤดูกาล
พวกเด็กๆ วิ่งเล่นท่ามกลางต้นผลไม้กันอย่างสนุกสนาน
เยี่ยนหังมองกลุ่มเด็กที่แสนไร้เดียงสาด้วยความจนใจ สีหน้าเหมือนที่ตอนนั้นมู่เถาเยามองพวกมู่หว่านวิ่งเล่น
เฉินหมิ่นคิดว่าเยี่ยนหังเข้ากับคนอื่นไม่ได้จึงอุ้มเขาขึ้นมาด้วยความสงสาร “เด็กน้อย ทำไมไม่ไปเล่นกับพวกพี่ๆ ล่ะ ดูน้องสาวเราสิ ออกจะสนุก”
เขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นญาติกับมู่เถาเยา จึงจงใจ ‘เอาใจ’
เยี่ยนหัง ‘คนสูงวัย’ ที่ไม่ได้ต้องการให้อุ้มพูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย “ผมไม่ชอบเล่น เฉินหมิ่น…พี่ฮะ รีบปล่อยผมลง”
ตี้อู๋เปียนยื่นมือไป
เยี่ยนหังลังเลเล็กน้อยแล้วยื่นแขนน้อยๆ ให้
ถ้าจะต้องถูกอุ้ม งั้นให้ว่าที่พี่เขยอุ้มยังจะดีเสียกว่า
เธอ อา และอาจารย์ก็เลยไม่ค่อยอุ้มเขา อย่างมากก็แค่จูงมือ
เซียวถงพูดด้วยความแปลกใจ “ยังเด็กขนาดนี้ก็ไม่ชอบให้อุ้มแล้วเหรอ เด็กไม่กี่ขวบไม่ใช่ว่าติดพ่อแม่กับติดเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันหรอกเหรอ”
มู่หว่านยิ้มพูด “เยี่ยนหังเหมือนเสี่ยวเยาเยา ไม่ชอบให้ใครอุ้มตั้งแต่เดินได้ ไม่ชอบให้ใครป้อนด้วย สองพี่น้องเหมือนกันทุกอย่างไม่ว่าจะการใช้ชีวิตประจำวันหรือเรื่องอื่นๆ แถมยังฉลาดเหมือนกันด้วยค่ะ”
แน่นอนว่าเธอจำเรื่องตอนขวบสองขวบไม่ได้หรอก แต่คนในหมู่บ้านพูดถึงบ่อย เธอไม่อยากรู้คงไม่ได้
เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า “นั่นสิ พี่เยาเยาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก”
มู่เถาเยา “…” นี่ก็พูดเกินไป!
ตี้อู๋เปียนไม่อยากให้ชายอื่นรู้เรื่องของมู่เถาเยามากเกินไปจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ซาลาเปาน้อย พวกเธอพาพวกเด็กๆ เก็บผลไม้เสร็จก็กลับเถอะ แดดแรง ฉันกับพวกผู้ชายจะไปตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ ตอนเย็นจัดปาร์ตี้ปลาย่างต้อนรับทุกคนดีไหม”
มู่เถาเยาพยักหน้าตามน้ำไป “งั้นพี่สามดูแลทุกคนด้วย ระวังจะตกอ่างเก็บน้ำ ตกบึง มันลึกมาก”
“อืม”
ตี้อู๋เปียนเรียกพวกผู้ชายแล้วขับรถนำเที่ยวไปทางอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านเถาหยวนซาน
แน่นอนว่าไม่ได้ตกปลาที่อ่างเก็บน้ำ เพราะอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านเถาหยวนซานเป็นแหล่งน้ำดื่มระดับหนึ่ง
รอบๆ อ่างเก็บน้ำมีบึงมากมาย ในนั้นเลี้ยงปลาที่เอามาจากลำธารและที่อื่นๆ ไว้ ก็ถือว่าเป็นปลาที่อยู่ตามธรรมชาติ
กอปรกับที่นี่สภาพภูมิประเทศดีคุณภาพน้ำดี ปลาที่อยู่ที่นี่จึงเติบโตได้ดี
คนทั้งหมู่บ้านเถาหยวนซานชอบกินกันหมด มู่เถาเยาก็ด้วย
พอพวกสาวๆ เห็นพวกเขาไปแล้วก็เก็บลูกท้อ ลำไย เก็บได้สามเข่งก็พากันกลับ
“เอ๊ะ ทำไมมีแค่พวกเธอล่ะ อู๋เปียนกับพวกหนุ่มๆ ไปไหนกัน” อาจารย์แม่รองถาม
“พวกเขาไปตกปลาค่ะ พี่สามบอกว่าเย็นนี้จะปาร์ตี้ปลาย่างกัน”
เหล่าผู้อาวุโสพยักหน้า
หยวนเหยี่ยมองมู่หว่าน “เสี่ยวหว่าน อีกไม่นานก็เปิดเทอมแล้ว อวิ๋นไคไม่กลับบ้านหน่อยเหรอ”
“อีกสองวันหนูจะกลับไปกับเขาค่ะ พอเปิดเทอมก็จะบินจากทางตะวันตกไปเมืองหลวงเลยค่ะ” มู่หว่านยิ้มๆ ไม่มีความเขินอายสักนิดที่จะต้องบินไปเจอว่าที่พ่อแม่สามี
“ก็ดี อวิ๋นไคมาหมู่บ้านเถาหยวนซานบ่อย เธอว่างๆ ก็ตามเขาไปบ้าง”
“ค่ะ”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มถาม “เสี่ยวหว่าน พวกเธอกะจะแต่งงานกันเมื่อไร”
เด็กที่เห็นมาตั้งแต่เล็กๆ ก็ไม่ต่างจากหลานสาวของเขา เขาย่อมเป็นห่วง
“พวกเรายังเรียนอยู่เลยนะคะอาจารย์รอง ไม่รีบค่ะ”
“งั้นแต่งหลังเรียนจบไหม” ซย่าโหวโซ่วถามต่อ
“หนูกะรอแต่งพร้อมเสี่ยวเยาเยาค่ะ”
มู่เถาเยา “…” เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!
อาจารย์แม่รองมองมู่เถาเยาแล้วยิ้มพูด “งั้นอวิ๋นไคคงต้องรอนานแล้วนะ”
ซย่าโหวโซ่วพูดในใจ เพราะอู๋เปียนก็ต้องรอเหมือนกัน
มู่เถาเยาพูดเตือน “เสี่ยวหว่าน เหมือนฉันจะเคยได้ยินพวกเธอคุยกันว่าแต่งหลังเรียนจบ”
มู่หว่านส่ายหน้า “นั่นอวิ๋นไคพูด ฉันไม่ได้รับปาก”
“พวกเธอความรักสุกงอมแล้วก็แต่งได้”
มู่หว่านยิ้มตาโค้ง “ฉันรอเธอ”
“ฉันไม่มีทางแต่งงาน”
เยี่ยนหังขมวดคิ้ว “พี่ฮะ”
มู่เถาเยาตบศีรษะของเขาเบาๆ “ตัวแค่นี้อย่าห่วงนักเลย”
พวกมู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนไม่สงสัยที่เยี่ยนหังรู้ความหมายคำว่า ‘แต่งงาน’ แต่เซียวเซียว หวังหมิ่นชิ่น และหมิ่นชีสยาต่างไม่คิดจริงจัง
จั่วอีเหิงยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา เยี่ยนหังยังเด็ก เขาจะห่วงว่าเธอจะแต่งงานหรือไม่แต่งได้ยังไงกัน”
อย่างไรเสียก็มาหมู่บ้านเถาหยวนซานไม่บ่อย พวกจั่วอีเหิงกับกู้หานจึงไม่ได้รู้จักเยี่ยนหังดีเท่าไร
มู่เถาเยายิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่ถามขึ้น “พี่อีเหิงอีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว มีเป้าหมายหรือยังคะ”
เธอรู้ว่าคนตระกูลจั่วมีจุดประสงค์ในการย้ายมาอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ซึ่งจุดประสงค์นี้ไม่ได้เป็นผลร้ายต่อหมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอจึงยินดีต้อนรับ
“มีแล้วจ้ะ…” เธอถูกใจคนสำนักซย่าโหวอยู่คน
มู่เถาเยาครุ่นคิดก็พอจะรู้ว่าใครแล้ว
คนสำนักซย่าโหวที่อยู่เมืองหลวงมีอยู่ไม่กี่คน เดาไม่ยาก
ทุกคนไม่รู้ว่าพวกเธอสนทนาแฝงความหมาย คิดว่าพูดเรื่องงาน จึงไม่ได้ร่วมด้วย
ทุกคนกินผลไม้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งพวกผู้ชายตกปลากลับมา