อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 569 สวยกว่าฤดูใบไม้ร่วง / ตอนที่ 570 ไม่เคยคิดจะแต่งงาน
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 569 สวยกว่าฤดูใบไม้ร่วง / ตอนที่ 570 ไม่เคยคิดจะแต่งงาน
ตอนที่ 569 สวยกว่าฤดูใบไม้ร่วง / ตอนที่ 570 ไม่เคยคิดจะแต่งงาน
ตอนที่ 569 สวยกว่าฤดูใบไม้ร่วง
รถสองคันออกเดินทางจากโรงแรม หลังจากนั้นหนึ่งวันก็แยกกันด้วยความอาลัยอาวรณ์
จางผิงผิงกับสามีกลับบ้าน มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเดินทางท่องเที่ยวต่อ
เดือนตุลาคมฤดูใบไม้ร่วง สายลมดุจมือมารดาที่ลูบผมดำขลับของบุตรสาวอย่างนุ่มนวล
ตี้อู๋เปียนกดชัตเตอร์แชะๆ บันทึกภาพของหญิงสาวกับใบเมเปิ้ลสีแดงที่อยู่ด้านหลัง ป่าสนสีทอง…ซ้อนกันเป็นชั้นๆ งดงามสะดุดตา
น้ำทะเลสาบที่ใสบริสุทธิ์สะท้อนเมฆสีครามตัดกับหลากสีสัน เช่น สีขาว สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน คล้ายภาพวาดที่อิ่มด้วยสีมีชีวิตชีวา
มู่เถาเยาชื่นชมจากใจ “ฤดูใบไม้ร่วงที่นี่มีความสวยงามแบบระบบนิเวศดั้งเดิม สมกับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดของประเทศเหยียนหวง”
เมื่อเทียบกับแสงสีในเมืองใหญ่ เธอชอบธรรมชาติป่าเขาตามชนบทมากกว่า
ตี้อู๋เปียนยกกล้อง กดชัตเตอร์พลางพูด “เธอสวยกว่าฤดูใบไม้ร่วง”
มู่เถาเยา “…”
ระยะนี้เธอรู้สึกว่าพี่สามดูแปลกๆ ชอบชมเธอเวลาที่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย! เล่นเอาเธอไม่รู้จะพูดยังไงต่อ!
หรือต้องชมกลับด้วย
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะ…ถนัดแต่ชมเด็กๆ
“ซาลาเปาน้อย ในเมื่อเธอว่าที่นี่สวย ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกเรามาตั้งแคมป์ในเขากันไหม แบกเต็นท์เดินเข้าไปข้างใน ผ่านป่าหลากสีสันไปดูทุ่งหญ้าตัดกับภูเขาสีแดง จากตรงนี้ไปก็เป็นแนวเขาทอดยาวต่อเนื่องแล้ว”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนอยู่ตรงนี้ตลอดช่วงเช้าแล้วเดินกลับตอนที่นักท่องเที่ยวเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ซาลาเปาน้อย กลางวันอยากกินอะไร”
ถึงแม้ต่อให้พวกเขาไม่กินข้าวสักครึ่งเดือนก็ไม่มีทางรู้สึกหิว แถมยังมียาบำรุงสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ความอยากก็ยังมี อย่างไรเสียความหนักเบาของอาหารก็ไม่เท่าไรสำหรับพวกเขา
“อืม ซาลาเปาน้อย ออกมาเที่ยวตั้งหลายวันแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
มู่เถาเยาถามด้วยสีหน้างุนงง “รู้สึกยังไงงั้นเหรอคะ ต้องให้เขียนเป็นเรียงความสิ่งที่ได้รับไหม”
ตี้อู๋เปียน “…ฉันหมายความว่า เธอออกมาเที่ยวกับผู้ชายที่ทั้งหล่อและรูปร่างดีตั้งนานขนาดนี้ ไม่มีความคิดอื่นเลยเหรอ”
ดวงตากวางน้อยมองตี้อู๋เปียนด้วยความใสซื่อ “เป็นต้นว่า”
“…” เขายังพูดไม่ชัดเจนพออีกเหรอ
อีคิวของซาลาเปาน้อยถูกไอคิวกินหมดแล้วเหรอ
“…เธอว่าชายหญิงออกไปเที่ยวตามลำพัง ทั้งสองคนควรมีความสัมพันธ์แบบไหน”
“พี่น้อง พ่อลูก แม่ลูก สามีภรรยา แฟน”
“แล้วของพวกเราล่ะ”
“พี่น้อง” มู่เถาเยาทำสีหน้าเหมือนบอกว่า ‘ถามอะไรโง่ๆ’ เธอก็เรียกพี่ชายมาตั้งนานแล้ว!
ตี้อู๋เปียนกระอักเลือดท่วมอยู่ในใจ
“…ซาลาเปาน้อย ฉันอยากมีภรรยา”
“เอาสิคะ พี่สามหายดีแล้ว สร้างครอบครัวมีลูกได้”
อึม ทำไมพอพูดเรื่องสร้างครอบครัวมีลูก เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไร
ตี้อู๋เปียนหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับแล้วหันกลับไปมองหน้ารถ “ฉันรอเขารู้ตัวอยู่ แต่ก็ไม่อยากรอนานเกินไป”
มู่เถาเยาตกใจ มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนมองผู้ชายไม่ดี
ตี้อู๋เปียน “…”
“มีผู้หญิงที่ชอบแล้วเหรอคะ”
“อึม ชอบมาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนไม่กล้าบอกเพราะปัญหาสุขภาพ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ! หลายปีมานี้พวกเราอยู่ด้วยกันบ่อย ไม่สังเกตเห็นเลยว่าพี่สามชอบใคร รู้จักกันตอนออกไปทำงานเหรอคะ”
ดูเหมือนจะมีแค่ตอนนั้นที่เธอไม่รู้ว่ามีใครบ้างโผล่เข้ามาในชีวิตเขา
“…ไม่ใช่”
“งั้นฉันรู้จักไหม”
“อึม สนิทเลยแหละ”
“ใครเหรอคะ พี่หลันฉือ? พี่กู้หาน? พี่อีเหิง? พี่ฟางฝ่าง? หรือว่าศิษย์น้องของฉัน” มู่เถาเยาร่ายชื่อออกมาไม่หยุด
“…”
พอเห็นตี้อู๋เปียนมีสีหน้าขื่นขม มู่เถาเยาก็อดตะลึงดวงตาเบิกโพลงไม่ได้ “คงไม่ใช่เสี่ยวอินใช่ไหม แต่เสี่ยวอินคบกับอันนั่วหลายปีแล้ว พี่สามจะไปแทรกไม่ได้นะ!”
“ไม่ใช่!”
“หรือจะเป็น…พี่รองของฉัน?” เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนพวกเขาชอบส่งสายตากันบ่อยๆ (สายตาเชือดเฉือน)
ตี้อู๋เปียนโมโหจนเหยียบเบรกอย่างแรง
“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลย เรื่องจริงเหรอคะ ถ้าพี่รองของฉันตอบตกลง ฉันก็ไม่ว่าอะไร คนในครอบครัวฉันก็ไม่น่าจะ…”
“ซาลาเปาน้อย! อยากให้ฉันอกแตกตายเหรอ!” ตี้อู๋เปียนโมโหจนดวงตาแดงก่ำ
“เอ่อ…ใจเย็นๆ…อันที่จริงเรื่องมันก็ไม่ได้อะไร…”
ตี้อู๋เปียนปลดเข็มขัดนิรภัย หันตัวไปหาเธอ สองมือประคองใบหน้าเธอแล้วจูบ “คนที่ฉันชอบคือเธอ! ไม่ใช่พี่รองของเธอ ไม่ใช่พวกผู้หญิงที่เธอพูดมา! ชอบเธอ เข้าใจไหม!”
เดิมทีคิดจะค่อยเป็นค่อยไป แต่เธอก็คิดไปไกลเสียเหลือเกิน!
มู่เถาเยาตัวแข็งทื่อเพราะถูกจู่โจมสารภาพ
สมองเบลอไปหมด ตั้งสติคิดไม่ได้
ตี้อู๋เปียนประคองใบหน้าที่ผ่านการแปลงโฉมของเธอ พูดด้วยความจริงจัง “ซาลาเปาน้อย ระยะนี้การกระทำของฉันมันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอ ทำไมเธอถึงไม่ลองคิดไปในทางชู้สาว ต่อให้เป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ไม่มีทางตัวติดกันขนาดนี้ เธอยังจะเห็นฉันเป็นพี่ชายอีกไหม”
มู่เถาเยาไม่ได้สติกลับมา
เรื่องนี้ทำเธอช็อกมาก ยังตั้งสติไม่ได้
ตี้อู๋เปียนจูบเธออีกครั้ง พูดด้วยความจนปัญญา “ถึงฉันจะไม่มีน้องสาวก็ไม่ได้คิดอยากมี ฉันขาดภรรยา ขาดลูกสาว”
อึม แม้กระทั่งชื่อลูกสาวเขาก็คิดไว้แล้ว!
ตอนที่ 570 ไม่เคยคิดจะแต่งงาน
เลือกร้านอาหารที่ดูมีระดับหน่อยแล้วตี้อู๋เปียนก็จอดรถ ปลดเข็มขัดนิรภัยให้มู่เถาเยาที่ยังคงอึ้งอยู่แล้วจูงเธอเข้าร้านอาหาร
สั่งอาหารจานเด็ดของร้าน ตี้อู๋เปียนใช้ทิชชูเปียกเช็ดมือให้มู่เถาเยาก่อนแล้วถึงเอาผ้าขนหนูร้อนที่ผ่านการฆ่าเชื้อเช็ดมือเธออีกรอบ ตั้งใจเช็ดอย่างทะนุถนอม
เล็บที่ถูกตัดสั้นสะอาดสะอ้านมาก มีความแวววาวอย่างคนสุขภาพดี
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียนบริการเธอด้วยสีหน้างุนงง
ตี้อู๋เปียนเช็ดพลางพูดด้วยความจนปัญญา “ซาลาเปาน้อย ฉันชอบเธอมันทำเธอช็อกขนาดนี้เลยเหรอ”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ
ตี้อู๋เปียนลูบศีรษะเธอเหมือนลูบศีรษะเด็ก “เดิมทีมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ จำเป็นต้องคิดนานขนาดนี้เลยเหรอ ซาลาเปาน้อย ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเราเปลี่ยนไป แต่เราก็ยังปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม เธอไม่ต้องคิดมากนะ” อย่างมากก็แค่มีการจูงมือ หอมแก้ม อะไรแบบนี้เพิ่มเข้ามา
ในความเป็นจริงนอกจากมู่เถาเยาจะรู้สึกมึนงงกับการที่ตี้อู๋เปียนชอบเธอแล้ว ที่มากกว่าคือความไม่เข้าใจ
เมื่อชาติก่อนมีตั้งหลายตระกูลที่อยากส่งชายหนุ่มรูปงามมาเติมเต็มวังหลังของเธอ แต่ก็ไม่มีสักตระกูลเดียวที่ทำสำเร็จ เพราะเธอลั่นวาจาไว้ว่าส่งมาก็ฆ่าทิ้ง และจะไม่ให้ค่าตระกูลนั้นอีก
ดังนั้นนอกจากตอนเด็กที่เธอหอมแก้มเสด็จพ่อ ท่านตา น้าชาย และเยี่ยนหังแล้ว ก็ไม่มีชายใดได้สัมผัสริมฝีปากของเธออีก
เธอมาโลกนี้ด้วยจิตวิญญาณของคนที่โตแล้ว ดังนั้นต่อให้สภาพร่างกายยังเป็นเด็ก เธอก็ไม่มีทางไปหอมแก้มหรือจูบใคร แม้แต่อาจารย์ทั้งสองคนเธอ เธอก็ไม่เคยหอมแก้ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนตระกูลเย่ว์ที่เพิ่งจะเจอกันหลังอายุสิบแปดปี
ปรากฏว่า…ถูกตี้อู๋เปียนจูบไปตั้งหลายครั้ง
ที่น่าประหลาดคือ เธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือรู้สึกแย่
เธอจึงไม่เข้าใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับตี้อู๋เปียนกันแน่
ในเมื่อเริ่มพูดแล้วตี้อู๋เปียนก็ไม่อยากให้เธอต้องค้างคาใจ “ซาลาเปาน้อย ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปเธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับมัน อย่าว่าแต่เป็นแฟนเลย ต่อให้แต่งงานกันแล้วเธออยากทำอะไรก็ทำได้ อย่างมากจากที่เดินทางสองแห่งก็เปลี่ยนเป็นสามแห่ง”
สองแห่งที่ว่าคือเผ่ากับหมู่บ้านเถาหยวน สามแห่งคือเผ่า หมู่บ้านเถาหยวน เมืองหลวง
พอได้ยินคำว่า ‘แต่งงาน’ มู่เถาเยาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พูดอย่างใจเย็น “ฉันไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน”
“ทำไมไม่คิดล่ะ คนรอบตัวเรามีใครบ้างไม่มีความสุข ทำเธอกลัวการมีชีวิตคู่”
“ฉันไม่ได้กลัว ก็แค่ไม่อยาก ชีวิตคู่มีเรื่องยิบย่อยเยอะ” เลี้ยงลูกคือปัญหาใหญ่ จะคลอดออกมาแล้วทิ้งให้คนในครอบครัวหรือพี่เลี้ยงดูแลก็ไม่ได้หรือเปล่า
วันหน้าเธออยากอุทิศตนเพื่อการแพทย์ มีเวลาเลี้ยงลูกที่ไหนกัน!
ถ้าลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่ายก็ดีไป แต่ถ้าดื้อเธอกลัวว่าตัวเองจะไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น!
“มีเรื่องยิบย่อยที่ไหนกัน เธอดูอย่างน้าสะใภ้สิ ก็ยังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไม่ใช่เหรอ”
มู่เถาเยาแย้ง “พี่สามกับอาเขยไม่เหมือนกัน ฉันกับอาก็ไม่เหมือนกันด้วย พวกเรามีแค่เวลากับกำลังครึ่งหนึ่งของพวกเขา เอามาเทียบกันไม่ได้หรอก”
ตี้อู๋เปียนต้องทำงานเพื่อบ้านเมือง วันหน้าไม่เพียงแต่เธอจะต้องปกครองเผ่า ยังต้องทำงานวิจัย แตกต่างกับอาและอาเขยมากทีเดียว
“ซาลาเปาน้อย เธอ…”
เวลานี้พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองคน
ตี้อู๋เปียนคีบกับข้าวใส่ชามของมู่เถาเยาพลางพูด “ซาลาเปาน้อย เธอไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกนั้น แค่เดินตามฉันก็พอ ฉันจะพาเธอเข้าสู่บทบาทเอง กินข้าวก่อน พวกเรายังมีเวลาคุยเรื่องนี้อีกเยอะ”
ครั้นแล้วมู่เถาเยาจึงตั้งหน้าตั้งตากินข้าว
หลังกินเสร็จก็ไม่คุยเรื่องนี้ต่อ ไปหาซื้อของตามที่วางแผนไว้
ถึงแม้ผลของการสารภาพรักจะไม่เป็นไปตามที่ตี้อู๋เปียนคิด แต่มู่เถาเยาก็ไม่ได้หลบหน้า ทั้งสองคนยังคงปฏิบัติต่อกันเหมือนเมื่อก่อนไม่มีอึดอัด
ตี้อู๋เปียนแอบดีใจ อย่างน้อยสาวของเขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ
“ซาลาเปาน้อย ซื้อผลไม้อะไรดี”
“พวกเรากินสาลี่ให้หมดก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเสียเอา”
“ได้ ซื้อองุ่นไว้กินคืนนี้หน่อยแล้วกัน แล้วก็ซื้อส้มโอกับแอปเปิลไปทิ้งไว้บนรถ พรุ่งนี้เอาสาลี่กับส้มโอเข้าไปในภูเขา”
ส้มโอเปลือกหนา ไม่ต้องกลัวช้ำ พกพาง่าย
แอปเปิลก็เก็บไว้ได้นานภายใต้อุณหภูมิปกติ
“อืม”
มู่เถาเยาเลือกองุ่นพวงใหญ่ที่ลูกอวบน่ากินเอาใส่ถุงบรรจุอาหาร จากนั้นก็เลือกส้มโอกับแอปเปิลต่อ
เนื่องจากหมู่บ้านเถาหยวนมีผลไม้หลากหลายชนิด เธอจึงเลือกผลไม้เป็น
เลือกผลไม้เสร็จก็เอาไปชั่งแล้วไปซื้อขนมขบเคี้ยวกับน้ำดื่ม นอกจากนี้ยังซื้อขนมไหว้พระจันทร์ผิวเย็น กับพวกของใช้จำเป็นอย่างกระดาษทิชชูอีกนิดหน่อย
“เต็มรถเข็นสองคันแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
“ได้ พวกเรากลับไปตอนนี้ก็ได้ดูวิวกลางคืนพอดี ถึงเมืองนี้จะเล็ก แต่วิวกลางคืนใช้ได้เลยนะ”
“อึม”
พอกลับถึงโรงแรม ตี้อู๋เปียนก็ล้างองุ่นแล้วยกไปตรงระเบียง
ทั้งสองคนนั่งริมระเบียงชมจันทร์พลางกินขนมไหว้พระจันทร์กับผลไม้
“ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้ก็เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว คิดถึงบ้านหรือเปล่า” ปีนี้เกินมาหนึ่งเดือน เทศกาลไหว้พระจันทร์จึงมาช้าไปหน่อย
“พอไหวค่ะ” เธอไม่ยึดติดกับเทศกาล ปกติอยู่ด้วยกันบ่อยย่อมดีกว่าไปเจอแค่เฉพาะวันหยุดเทศกาล
พอมู่เถาเยาพูดจบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ในห้องรับแขกก็ดังขึ้น
ตี้อู๋เปียนลุกก่อน กดบ่ามู่เถาเยาไว้พลางพูด “เธอนั่งนี่ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
“ค่ะ”
ตี้อู๋เปียนหยิบโทรศัพท์มือถือสองเครื่องมา
มู่เถาเยารับของตัวเอง พอเห็นหน้าจอก็ยิ้ม อาจารย์ใหญ่โทรมา
กดรับสาย หน้าจอแสดงภาพของกลุ่มคน คุยกันจอแจ
ทั้งสองคนคุยกับคนหมู่บ้านเถาหยวนเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงวางสาย จากนั้นมู่เถาเยาก็โทรหาคนในครอบครัวที่อยู่เผ่าหมาป่าพระจันทร์กับเมืองเย่ว์ตู บอกทุกคนว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปในภูเขา อาจไม่มีสัญญาณ
สุดท้ายยังได้ส่งข้อความหากลุ่มเพื่อน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเธอทำไมไม่ตอบ