อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 576 ดวงอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอก / ตอนที่ 577 ช่วยทำให้ทั้งชีวิต
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 576 ดวงอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอก / ตอนที่ 577 ช่วยทำให้ทั้งชีวิต
ตอนที่ 576 ดวงอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอก
ฝนตกประมาณครึ่งชั่วโมงก็หยุด แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ดูท่าทางเหมือนอีกสักพักก็จะตกอีก
มู่เถาเยาไม่อยากคุยหัวข้อแบบ ‘ฉันอยากแต่งงาน’ กับเธอ จึงออกจากเต็นท์เหมือนหนีตาย เหยียบหญ้าที่เปียกชื้นไปเดินดูรอบๆ “อากาศหลังฝนตกสดชื่นมาก ชวนให้รู้สึกสบาย”
ตี้อู๋เปียนยืนข้างมู่เถาเยา “ถ้าเป็นคนทั่วไปคงรู้สึกหนาวมาก” แต่พวกเขายังสวมแค่เสื้อกันหนาวตัวบาง
“อึม ถึงตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่อุณหภูมิกลางวันก็ประมาณสิบห้าองศา กลางคืนประมาณห้าองศา หลังฝนตกยิ่งต่ำลง ยิ่งไปทางเมืองของตะวันตกเฉียงเหนือก็ถือว่าเข้าหน้าหนาวแล้ว”
“ซาลาเปาน้อย พวกเราใช้วิชาตัวเบาเหาะไปดูยอดเขาที่ไกลหน่อยกันไหม”
“ได้”
พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว ไม่รู้ว่าข้างหน้ายังมีอีกกี่ยอดเขา ใช้วิชาตัวเบาไปดูไกลหน่อยก็ดีเหมือนกัน
ตี้อู๋เปียนไปหยิบกล่องยาใบน้อยกับกล้องถ่ายรูปในเต็นท์ และยังหยิบกล้องส่องทางไกล รูดซิปเต็นท์ปิดแล้วเดินกลับมา
ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปรอบๆ ก่อน ป้องกันแถวไหนมีคนเห็นพวกเขาใช้กำลังภายใน
ตรวจสอบเสร็จสิ้น เอากล้องส่องทางไกลให้มู่เถาเยาตรวจดูอีกรอบ
“ไม่พบคนค่ะ”
มือข้างหนึ่งของตี้อู๋เปียนถือกล่องยา มืออีกข้างจูงมือมู่เถาเยาแล้วเหาะไปข้างหน้า ราวกับขี่อยู่บนเมฆ คล้ายทะลุผ่านตำหนักสวรรค์ เหมือนอยู่แดนทวยเทพ
ทะเลหมอกลอยอยู่ใต้เท้าของพวกเขา มีไอน้ำชื้นๆ และสายลมใบไม้ร่วงพัดมา ชวนให้สดชื่น
ทั้งสองคนเหาะวนหนึ่งรอบแล้วลงสู่พื้นที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง ชมทะเลหมอกที่ลอยอยู่หนาแน่น
ทะเลทุ่งหญ้าบนเขาสูงที่ทอดยาวต่อเนื่องผสมผสานกับทะเลหมอกหนาแน่นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แดนสวรรค์ แต่ยิ่งกว่าแดนสวรรค์
ตี้อู๋เปียนสะพายกล่องยาไว้บนหลัง เอากล้องที่ห้อยคอไว้ออกมา พูดขึ้นชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว “ซาลาเปาน้อย มาถ่ายรูปเร็ว”
มู่เถาเยายอมรับชะตากรรมนางแบบอีกครั้ง
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาฟ้าเริ่มครึ้ม ทั้งสองคนจึงกลับ
“ซาลาเปาน้อยเข้าเต็นท์ไปก่อน ทำให้กางเกงแห้ง ฉันจะไปเอาของมากิน” กางเกงของพวกเขาเปียกชื้นไปหมด
“อึม”
มู่เถาเยานั่งอยู่ในเต็นท์ ใช้กำลังภายในทำให้กางเกงแห้ง
ตี้อู๋เปียนหยิบขนม ผลไม้ และน้ำจากในเต็นท์อีกหลัง จากนั้นก็ทำให้กางเกงตัวเองแห้ง ทั้งสองคนนั่งกินขนมเป็นอาหารเย็นอยู่ในเต็นท์แคบ ๆ
พูดคุยสัพเพเหระจนกระทั่งฝนตกปรอยๆ อีกครั้ง
ดูเวลาก็เริ่มดึกแล้ว ตี้อู๋เปียนจึงไปนอนที่เต็นท์ตัวเอง
เสียงฝนตกลงบนเต็นท์เหมือนเพลงกล่อมนอน ไม่นานทั้งสองคนก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้นต่างออกมาจากเต็นท์ของตัวเองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
ทะเลหมอกที่หนาทึบปกคลุมทะเลทุ่งหญ้ามิดชิด ให้ความรู้สึกอลังการลึกลับและโรแมนติก
เมื่อมีลมพัด ทะเลหมอกก็ลอยไปทางหนึ่งเหมือนควัน ค่อยๆ เคลื่อนไป
เวลานี้ทิวทัศน์แบบนี้ทำให้มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนต่างต้องมนต์สะกด
ตี้อู๋เปียนกลับเข้าไปเอากล้องถ่ายรูปในเต็นท์ ให้นางฟ้าแสนสวยอยู่ท่ามกลางแดนสวรรค์
เมื่อแสงแรกโผล่พ้นปลายสุดของทะเลหมอก ชั่วขณะนั้นทะเลหมอกหนาทึบก็ถูกฉาบด้วยลำแสงสีทองปนแดง
ในขณะที่ดวงอาทิตย์สีแดงกำลังลอยขึ้น ลำแสงเปล่งประกาย ร้อนแรงทรงพลัง ทำเอาท้องฟ้ากลายเป็นสีเพลิง
ดวงอาทิตย์ขึ้นสอดรับกับทะเลหมอก ทำให้มู่เถาเยาที่เห็นทิวทัศน์สวยงามจนชินแล้วยังต้องเคลิบเคลิ้มไปกับความงดงามนี้
ตี้อู๋เปียนกดชัตเตอร์รัวๆ ด้วยความตื่นเต้น
ในสายตาของเขา ไม่ว่าดวงอาทิตย์ขึ้นหรือทะเลหมอก ก็ล้วนแต่เป็นพื้นหลังให้สาวน้อยของเขาทั้งนั้น
ทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในโลกมนุษย์มารวมกันก็ยังสู้สาวที่อยู่ในใจเขาไม่ได้
มู่เถาเยามีชุดกระโปรงสไตล์โบราณเยอะ เวลาที่ไม่ได้ไปเก็บสมุนไพรเธอชอบสวมชุดกระโปรงที่เรียบง่ายและใส่สบายพวกนั้น แต่เธอไม่ใส่ชุดโบราณแบบแท้ๆ เพราะมันไม่สะดวกเคลื่อนไหวเท่าไร
แต่เธอก็มีบริษัทที่ทำชุดโบราณโดยเฉพาะ
คนสมัยนี้ชอบวัฒนธรรมแบบโบราณมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยินดีที่เห็นแบบนั้น บริษัทครีเอทีฟกู่อวิ้นของเธอก็เลยเกิดขึ้น
ตราบใดที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย อะไรที่ทำเงินได้เธอก็เอาหมด อย่างไรเสียศูนย์วิจัยก็ต้องใช้เงินอย่างไม่สิ้นสุด
แน่นอนว่าถ้าทำแล้วเธอก็จะทำให้ดี ไม่ใช่ทำกำไรได้เสร็จก็เลิก
ตี้อู๋เปียนยื่นมือไปโบกตรงหน้ามู่เถาเยาที่กำลังเหม่อ “ซาลาเปาน้อย? คิดอะไรอยู่”
“อึม แค่คิดเรื่องเสื้อผ้า ฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่ซับซ้อน ออกไปข้างนอกเน้นสะดวก”
เธอเป็นคนง่ายๆ เรื่องแต่งตัว ขอแค่สะอาดสะอ้าน สวมใส่สบายเป็นพอ รูปแบบ สี อะไรพวกนั้นเธอไม่ติด
“ฉันจะช่วยพกมาเอง บางครั้งใส่อะไรที่มันรับกับสภาพแวดล้อมก็ดีนะ เหมือนเรากินขนมไหว้พระจันทร์ตอนเทศกาลไง”
มู่เถาเยาไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ไม่คัดค้าน เพราะครั้งหน้าจะได้ออกมาเที่ยวเมื่อไรก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้
ดูทะเลหมอกกับดวงอาทิตย์ขึ้นเสร็จทั้งสองคนก็กินอาหารเช้าแล้วเก็บของสัมภาระ ลงจากเขาด้วยวิชาตัวเบาจนถึงป่าหลากสีจึงเดินออกไปตามปกติ
พวกเขาจำต้องกลับทางเดิมเพราะรถจอดอยู่ที่ป่าหลากสี
กลับถึงโรงแรมเดิมที่เคยพัก ทั้งสองคนโทรหาคนในครอบครัวก่อนแล้วถึงอาบน้ำล้างหน้า สั่งอาหารเย็นร้อนๆ ขึ้นมากิน
ตอนเย็นไม่ได้ออกไปไหน มู่เถาเยาเคลียร์อีเมลเรื่องงาน ส่วนตี้อู๋เปียนก็จัดการพวกรูปถ่าย
แม้จะยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง แต่บรรยากาศกลับอบอุ่น
ทั้งสองคนใช้ชีวิตกันตามปกติ แต่ความรู้สึกกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
ตอนที่ 577 ช่วยทำให้ทั้งชีวิต
พักอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้หนึ่งวัน มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็เดินทางต่อ
ทะเลทราย ทุ่งหญ้า ป่าไม้ ร่องรอยอารยธรรม ภูเขาหิมะ…ถนนหลวงแต่ละสายต่างมีทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนกัน บ้างก็อลังการแบบกลิ่นอายโบราณ บ้างก็ดูลึกลับน่าค้นหา…ชวนให้เกิดความรู้สึกอินกับเรื่องราวต่างๆ
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็จากตะวันตกเฉียงเหนือไปยังเหนือสุด จากฤดูใบไม้ร่วงเข้าสู่ฤดูหนาว
หาโรงแรมแล้วจอดรถ พวกเขาสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดเพิ่มอีกหนึ่งชั้นทับเสื้อตัวเดียวที่อยู่ข้างใน
อุณหภูมิที่แสดงบนหน้าจอมือถือในเวลานี้คือลบยี่สิบองศา
เนื่องจากกินน้ำตาสีแดงของเจ้าขาวปุยเข้าไป พวกเขาจึงไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อน แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไปในเมืองที่หิมะตกหนักแบบนี้ พวกเขาจึงสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดที่ไม่หนาและไม่บางเกินไป
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ก็ยังคงถูกคนในพื้นที่กับนักท่องเที่ยวที่แต่งตัวแทบจะเป็นหมีมองด้วยสายตาประหลาด แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
ทำเรื่องเข้าพักเสร็จก็เข้าห้องล้างหน้าล้างตาแล้วไปกินอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม
กินเสร็จก็กลับห้อง อาบน้ำชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดมาตลอดทาง ล้างหน้าที่แปลงโฉม จากนั้นทั้งสองคนก็อยู่ในห้องรับแขกคุยกับคนในครอบครัว เสร็จแล้วก็ดูตามแพลตฟอร์มท่องเที่ยวอ่านแผนท่องเที่ยวที่ชาวเน็ตแชร์กันไว้
เมืองหิมะแห่งนี้แม้แต่มู่เถาเยาก็ไม่เคยมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตี้อู๋เปียนเลย
เพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก และก็ไม่ใช่แดนสวรรค์แห่งการเล่นสกี แถมตอนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจึงน้อยมาก โรงแรมเงียบสงัดอย่างเห็นได้ชัด
“ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้พวกเราย้ายจากในเมืองไปหมู่บ้านชนบทดีไหม ตกเย็นนอนเตียงอุ่นแบบโบราณ ฉันยังไม่เคยนอนบนเตียงที่ก่อไฟข้างใต้เลย น่าสนุกดีนะ”
“ได้ค่ะ แต่อากาศที่นี่แห้งมาก นอนเตียงแบบนั้นจะยิ่งแห้ง อาบน้ำเสร็จคุณต้องทาโลชั่นเยอะๆ ผิวจะได้ไม่แห้งจนคัน”
“ได้เลย”
“ใบหน้าก็ฉีดสเปรย์บ่อยๆ พวกเรายังมีอีกสามขวด ไม่ต้องประหยัด”
“อึม งั้นตอนนี้ฉันฉีดหน่อย เมื่อกี้อาบน้ำเสร็จยังไม่ได้ฉีด”
มู่เถาเยาลุกไปหยิบสเปรย์น้ำมา
“ซาลาเปาน้อย ฉันถือไอแพดอยู่ มีเชื้อโรค ฉีดให้หน่อยสิ”
“งั้นหลับตาค่ะ”
ตี้อู๋เปียนหลับดวงตาคู่งามลงทันที
มู่เถาเยาหันขวดสเปรย์ไปทางใบหน้าที่หล่อเหลาใสปิ๊งแล้วฉีดสเปรย์กลิ่นไม้กฤษณาที่เป็นผลิตภัณฑ์จากหมู่บ้านเถาหยวน จากนั้นก็ช่วยตบเบาๆ ให้ซึมเข้าผิว
สเปรย์น้ำไม้กฤษณาช่วยให้ผิวชุ่มชื่น สบาย เหมาะที่จะใช้ในพื้นที่ที่อากาศแห้ง
มู่เถาเยาชอบใช้ไม่ใช่เพราะสรรพคุณของมัน แต่เพราะชอบกลิ่น ความสดชื่น เบาสบาย ติดนาน ของไม้กฤษณา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเธอจึงเป็นเซ็ตที่ทำจากไม้กฤษณาทั้งหมด
ตี้อู๋เปียนดื่มด่ำกับมือนุ่มๆ ของมู่เถาเยาที่ตบใบหน้าเขาเบาๆ เพื่อช่วยให้สเปรย์น้ำไม้กฤษณาซึมลงผิว
“ซาลาเปาน้อย ช่วยทาครีมบำรุงพวกนั้นให้ด้วยสิ”
“เอ๊ะ เมื่อก่อนคุณไม่ชอบทาครีมไม่ใช่เหรอ”
ตี้อู๋เปียนลืมตาพูด “ฉันอยากแก่ช้าลงหน่อย ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยเธอยังเป็นพี่สาว แต่ฉันกลายเป็นลุงไปแล้ว มันจะดูเป็นคนละวัยได้”
เนื่องจากหน้าตาดีเป็นทุนเดิม เมื่อก่อนเขาเลยรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีแต่จะทำให้ดูสาว แต่ตอนนี้รูปร่างของเขาสูงใหญ่บึกบึน กล้ามท้องก็แปดแพ็คแล้ว ลายเส้นกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายสวยกำลังดี เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทาครีมบำรุงผิวก็ไม่ดูออกสาวแล้ว
“…ฉันใบหน้าตุ๊กตา ต่อให้อายุห้าสิบก็ไม่ดูแก่ ดูอย่างอาฉันสิ ตอนนี้ยังเหมือนคนอายุยี่สิบกว่าอยู่เลย”
“ฉันถึงต้องบำรุงผิวไง วันหน้าแก่ตัวลงจะได้ไม่แตกต่างกับเธอเยอะ กลัวออกไปข้างนอกคนเขาจะคิดว่าฉันเป็นพ่อเธอ”
มู่เถาเยา “…”
ถ้าพ่อขี้แยของเธอได้ยินคำพูดนี้จะต้องซัดเขาหนึ่งยกแน่!
มู่เถาเยาเห็นน้ำบนหน้าตี้อู๋เปียนซึมหมดแล้วจึงลุกขึ้น “ฉันจะไปหยิบครีมมาทาให้”
“อึม”
มู่เถาเยาเข้าไปหยิบครีมไม้กฤษณาที่ตัวเองใช้จากในห้องออกมา
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำจากไม้กฤษณาไม่เพียงแต่จะมีสรรพคุณยอดนิยมอย่างเช่น เติมความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำในผิว ผิวพรรณกระจ่างใสแล้ว ยังมีสรรพคุณเฉพาะของไม้กฤษณาด้วย ช่วยซ่อมแซมและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น เป็นต้น
เดิมทีผิวของมู่เถาเยาก็ขาวอมชมพู นุ่มเหมือนเต้าหู้ แถมยังเปล่งประกายเหมือนไข่มุกชั้นยอด สรรพคุณทั้งหลายแหล่สำหรับเธอแล้วนั้น แค่เติมน้ำให้ผิวยามปกติก็เพียงพอแล้ว แต่เธอชอบกลิ่นหอมของกฤษณา จึงเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขั้นพื้นฐานตั้งแต่อายุสิบแปดเป็นต้นมา ใช้แต่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม้กฤษณาของหมู่บ้านเถาหยวน
มู่เถาเยาเปิดพวกขวดกับกระปุกพลางพูด “ผิวของพวกเราต่างกันไม่มาก ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชุดนี้ก็เหมาะกับคุณเหมือนกัน เดี๋ยวพอกลับไปคุณก็เอาไปใช้หนึ่งชุด ฉันช่วยทาให้ก็จำลำดับเอาไว้นะ”
“อึม”
“ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าเสร็จก็ฉีดสเปรย์น้ำ ตามด้วยเซรั่ม ครีมบำรุงดวงตา อิมัลชั่น สุดท้ายก็ครีมมอยส์เจอไรเซอร์ ปกติผู้หญิงถ้าออกไปข้างนอกตอนกลางวันจะต้องทาครีมกันแดดด้วย แต่ฉันชอบใช้อุปกรณ์กันแดดมากกว่า”
หมวก หน้ากากปิดปาก แว่นตาดำ เป็นสามอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ป้องกันแดด
เธอไม่ชอบทาอะไรเหนอะๆ บนใบหน้า เดิมทีก็ทาครีมบำรุงไปหลายชั้นแล้ว
“ซาลาเปาน้อย ฉันจำไว้แล้ว”
“อึม พรุ่งนี้ถ้าจะนอนเตียงอุ่นแบบโบราณล่ะก็ หลังอาบน้ำเสร็จก็มาร์คหน้าเติมน้ำให้ผิวหน่อย”
ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยาด้วยดวงตาเปล่งประกาย “มาร์คให้หน่อยนะ”
มู่เถาเยาปิดพวกกระปุกครีมพลางสอน “หัดเรียนรู้เอาเองบ้าง ขนาดเด็กยังรู้เลยว่าเรื่องของตัวเองก็ต้องทำเอง”
“ซาลาเปาน้อย ฉันอยากให้เธอทำให้ทั้งชีวิตเลย” ตี้อู๋เปียนจับมือมู่เถาเยาแล้วส่งสายตาออดอ้อน
“…”