อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 584 กลิ่นหึง / ตอนที่ 585 ดึงดูดเขา
ตอนที่ 584 กลิ่นหึง
มู่เถาเยารู้ดีถึงความสงสัยภายในใจครอบครัวน่า ดังนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จจึงเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำยาพิเศษค่อยๆ เช็ดใบหน้าต่อหน้าพวกเขา
ไม่นานใบหน้าที่แท้จริงก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน
ตลอดทั้งกระบวนการประหนึ่งเปลี่ยนหน้ากันเลยทีเดียว
“หา…”
ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันยกเว้นฮาเซินน้อยวัยหกขวบ
“นี่มัน…นี่มันจะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว…” ลาจูตะลึงจนดวงตาแทบถลนหลุดจากเบ้า
“ลูกสาว!” ดวงตากลมโตของน่าซือถูก็เบิกโพลง
“ลูกสาวแห่งชาติจริงๆ ด้วย!” เฮ่อสี่รู้สึกเซอร์ไพรส์อย่างหนัก
มู่เถาเยายิ้ม พูดกับครอบครัวน่า “อันที่จริงหนูชอบให้คนอื่นเรียกหมอมู่มากกว่าค่ะ” เพราะเธอชอบอาชีพนี้มาก
“หมอมู่! ลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน!” น่าเค่อเลี่ยก็จำใบหน้านี้ได้
อย่าเห็นว่าเขาอายุเยอะแล้ว แต่เขาก็ดูการแข่งขันกีฬานะ! ยิ่งไปกว่านั้นปกติเขาดูข่าวสารบ้านเมือง ย่อมรู้ว่าลูกสาวแห่งชาติหมายถึงใคร
มู่เถาเยาอมยิ้มพยักหน้า “ใช่ค่ะ เมื่อครู่ก่อนกินข้าวหมอเทวดาหยวนหรือก็คืออาจารย์ใหญ่ของหนูโทรมาค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ หนูแปลงโฉมเพื่อให้ออกไปไหนได้สะดวก”
เพราะมองออกว่าครอบครัวน่ารู้สึกสับสนในใจ อยากเชื่อใจกินยาของเธอ แต่ก็ไม่ค่อยกล้า อีกใจก็ไม่อยากทำให้เสียน้ำใจ กอปรกับตอนนี้หิมะตกหนัก ออกไปโรงพยาบาลลำบาก แต่จะไม่รักษาก็ไม่ได้…
เมื่อครู่ตอนคุยสาย เธอจงใจพูดชื่ออาจารย์ใหญ่ อาจารย์ก็บอกให้เธอล้างหน้ากลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นล้างหน้าออกก็เป็นเรื่องดี อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ใจดีให้ที่พักแก่พวกเธอ
ใครดีมาก็ดีตอบ
ครอบครัวน่าพอเห็นใบหน้านี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอต้องแปลงโฉม จึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“พี่สาวสุดยอดเลยฮะ! แปลงโฉมได้ด้วย!” ฮาเซินน้อยตบมือด้วยความดีใจ
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบศีรษะของเขา
พอน่าซือถูได้ยินคำว่า ‘สุดยอด’ ถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่พวกเขากลับมาอย่างไร
“ลูกสาว…เอ่อ หมอมู่ครับ เมื่อกี้พวกเรา…เหาะกลับมาเหรอครับ”
“ใช้วิชาตัวเบาเหาะกลับมาค่ะ ฉันเรียนหมอเรียนวิทยายุทธ์กับอาจารย์ทั้งสองท่านมาตั้งแต่อายุหนึ่งขวบ”
น่าซือถูพูดด้วยความตื่นเต้น “มิน่าถึงได้เก่งขนาดนี้! งั้นเสี่ยว…หมอมู่ยังจะลงแข่งขันกีฬาครั้งหน้าอีกไหมครับ”
“ไม่แล้วค่ะ ฉันจะไปทำงานวิจัยด้านการแพทย์ค่ะ”
น่าเค่อเลี่ยอดพยักหน้าไม่ได้ “อันนี้ดี!”
ในสายตาของเขา แชมป์โลกไม่ได้สร้างประโยชน์ให้สังคมได้มากเท่าบุคลากรด้านการวิจัย
คุยกันประมาณหนึ่งชั่วโมงเด็กน้อยฮาเซินก็ง่วง เฮ่อสี่เตรียมพาเขาไปอาบน้ำเข้านอน จากนั้นถึงเพิ่งนึกได้ว่าที่บ้านมีห้องรับรองแขกอยู่แค่ห้องเดียว
ถึงแม้จะมองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่รู้ว่าใช่…
เฮ่อสี่ลองหยั่งเชิงถาม “เสี่ยวมู่จ๊ะ พวกเรามีห้องพักแขกแค่ห้องเดียว ถ้าไม่ถือสามานอนห้องฮาเซินไหมจ๊ะ เตียงของฮาเซินยาวเมตรแปดสิบ เสี่ยวลู่ตัวสูงเกินไป นอนลำบาก…”
ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยา
อันที่จริงเขาอยากให้เธอนอนด้วยกัน เขาจะได้กอด จูบ กระชับความสัมพันธ์
ฮาเซินหาวพลางไปจูงมือมู่เถาเยา “พี่สาวนอนกับผมนะฮะ”
ตี้อู๋เปียนพูดขึ้นทันที “ไม่ได้”
ครอบครัวน่าหันมองตี้อู๋เปียน
เหมือนพวกเขาจะได้กลิ่นหึง
แต่ฮาเซินเพิ่งหกขวบ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ
“ซาลาเปาน้อยของผมไม่ชอบนอนกับเด็กครับ” ไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว
มู่เถาเยา “…”
ไม่นะ เธอออกจะชอบ! เธอเคยนอนกับเด็กมาตั้งหลายคนแล้ว!
น่าซือถู “ฮาเซิน มานอนกับพ่อแม่นะ ยกห้องให้พี่สาวนอน”
“ฮะ” ฮาเซินน้อยตอบตกลงทันที
มู่เถาเยาลูบศีรษะฮาเซินน้อย ยิ้มมุมปากพูดกับครอบครัวน่า “พวกเราใช้ห้องเดียวก็พอค่ะ”
เดิมทีก็มาขออาศัยค้างคืน แล้วจะกล้าให้เจ้าของบ้านตัวน้อยยกห้องให้ได้ยังไง
ตี้อู๋เปียนดีใจจนมีฟองอากาศสีชมพูลอยเต็มหัวใจ
ลาจูยิ้มพูด “งั้นเดี๋ยวป้าพาไปที่ห้องนะ”
น่าซือถูกับเฮ่อสี่ช่วยขนสัมภาระของทั้งสองคนขึ้นไปชั้นสอง
ห้องไม่ใหญ่ ประมาณยี่สิบห้าตารางเมตร ตกแต่งแบบเก่า แต่ดูอบอุ่น
เฮ่อสี่หอบหมอนผ้าห่มออกมาจากตู้สองชุดแล้วไปวางบนเตียงอุ่น “ผ้าห่มกับหมอนซักแล้วถึงเก็บเข้าตู้ เสี่ยวมู่กับเสี่ยวลู่เอาพวกผ้าขนหนูแปรงสีฟันมาหรือเปล่า”
มู่เถาเยายิ้มพูด “พวกเราเอาของใช้ทุกอย่างมาค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สะใภ้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกเธอซักผ้าแล้วมาตากตรงนี้ได้นะ คืนเดียวก็แห้งแล้วจ้ะ” เฮ่อสี่ชี้ราวตากผ้าที่อยู่ข้างเตียงอุ่น
ใต้ราวตากผ้ามีกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะหยดลงพื้น
“ได้ค่ะ”
“งั้นก็รีบพักผ่อนกันนะ ถ้ามีอะไรก็มาเคาะเรียกได้ ห้องพวกเราอยู่ห้องแรกหัวบันไดเลย พ่อกับแม่อยู่ชั้นหนึ่ง”
มู่เถาเยาพยักหน้า
หลังจากครอบครัวน่าออกไปแล้วตี้อู๋เปียนก็ปิดประตู “ซาลาเปาน้อยไปอาบน้ำก่อน ฉันจะจัดของให้”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาหยิบอุปกรณ์อาบน้ำของตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็เดินสวมชุดนอนออกมาอย่างสบายตัวพร้อมเสื้อผ้าที่ซักแล้ว
ตากผ้าเปียกที่ราวเสร็จมู่เถาเยาก็มองเสื้อผ้าตัวเอง ใบหน้าร้อนเล็กน้อย เพราะอีกเดี๋ยวตี้อู๋เปียนก็ต้องตากผ้า
ชุดชั้นในของชายหญิงตากไว้ด้วยกัน…
เอ่อ เดี๋ยวตอนตี้อู๋เปียนอาบน้ำเธอใช้กำลังภายในทำให้ผ้าแห้งดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะดูอึดอัด…หรือเปล่า
ตอนที่ 585 ดึงดูดเขา
มู่เถาเยาอาศัยช่วงที่ตี้อู๋เปียนไปอาบน้ำ ใช้กำลังภายในทำให้เสื้อผ้าตัวเองแห้งแล้วเก็บเข้ากระเป๋าสัมภาระ จากนั้นก็ถอดชุดนอน ใส่ชุดชั้นในสำหรับออกกำลังกายแล้วทาโลชั่นบนเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ
ปกติอาบน้ำเสร็จเธอจะไม่ใส่ชุดชั้นใน แต่ตอนนี้พักห้องเดียวกับผู้ชาย ยังไงก็ต้องป้องกันไว้ก่อน
ทาโลชั่นเสร็จก็สวมชุดนอน มู่เถาเยาสเปรย์น้ำไม้กฤษณาบนใบหน้า ตบเบาๆ ให้ซึมจากนั้นก็มาร์คหน้าต่อ
เวลานี้ตี้อู๋เปียนที่สวมกางเกงในตัวเดียวเดินถือเสื้อผ้าเปียกออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นราวตากผ้าโล่งจึงถามด้วยสายตาสงสัย “ซาลาเปาน้อย เสื้อผ้าเปียกของเธอล่ะ”
ถูกหุ่นของชายหนุ่มรูปงามดุจเทพบุตรโจมตี มู่เถาเยาก็ใบหน้าร้อนผ่าว แต่ดีที่มีมาร์คหน้าแปะอยู่ คนอื่นจึงมองไม่ออก
เธอเป็นหมอ ย่อมเห็นรูปร่างของผู้ป่วยชายมาไม่น้อย ตอนอยู่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูกับโรงพยาบาลก็สัมผัสกับหุ่นสตาฟของคนมามาก แต่ว่าคนตรงหน้า…ทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนกัน…
มู่เถาเยาหัวไว เอามือปิดตรงหัวใจที่เต้นแรง พยายามละสายตา แสร้งพูดเป็นธรรมชาติ “ฉันใช้กำลังภายในทำให้เสื้อผ้าแห้งเก็บเข้ากระเป๋าไปแล้ว”
“…ตากคืนเดียวก็แห้งแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องใช้กำลังภายในด้วย กำลังภายในไม่ต้องใช้เงินก็เลยใช้ตามสบายใจใช่ไหม”
มู่เถาเยาหลุดหัวเราะ
ตี้อู๋เปียนแขวนเสื้อผ้าเปียกของตัวเอง เดินเข้าไปนั่งข้างมู่เถาเยาให้เธอมาร์คหน้าให้
ต้นขาที่เนื้อแน่นแข็งแรงแนบชิดมู่เถาเยา แถมเพิ่งออกจากห้องน้ำมาร่างกายยังอุ่นอยู่ มู่เถาเยารู้สึกว่าขาที่อยู่ภายใต้กางเกงนอนกำลังร้อนผ่าว แต่กลับไม่กล้าเอาขาออกเพราะกลัวเขาจะคิดว่าเธอคิดมาก
ตี้อู๋เปียนแอบดีใจ สีหน้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หยิบมาร์คหน้ามาฉีกออกหนึ่งแผ่น “ซาลาเปาน้อย ช่วยหน่อยสิ”
มู่เถาเยามาร์คหน้าให้เขาเสร็จก็ชี้โลชั่นบนโต๊ะ
ตี้อู๋เปียนก็ทาโลชั่นที่ขาต่อหน้ามู่เถาเยา แถมยังเจตนายื่นขาที่กล้ามแน่นไปทางเธอ
มู่เถาเยา “…”
ตี้อู๋เปียนทาโลชั่นเสร็จทั้งสองขาก็ทาตัว จากนั้นก็หันหลังไปทางมู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย ฉันทาหลังไม่ถึง ช่วยหน่อยสิ”
มู่เถาเยา “…”
พูดว่าช่วยหน่อยจนติดปากแล้วสินะ
“ซาลาเปาน้อย?”
“…คุณทาเองเถอะ”
“มันทาไม่ถึง”
“…”
มู่เถาเยาบากหน้ากดโลชั่นทาตัวใส่มือ สองมือถูกันแล้วทาลงบนหลังของตี้อู๋เปียน
ฝ่ามืออ่อนนุ่มเคลื่อนไปบนแผ่นหลังที่สัดส่วนแสนสมบูรณ์แบบ ร่างกายของตี้อู๋เปียนหดเกร็ง
มู่เถาเยาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอชักมือกลับแสร้งทำเป็นเหมือนใจเย็น “เสร็จแล้ว”
ตี้อู๋เปียนไม่กล้าขยับ เพราะอวัยวะบางส่วนในร่างกายของเขาได้…
มู่เถาเยาดึงแผ่นมาร์คหน้าออก นวดหน้าให้เซรัมบำรุงซึมเข้าผิว จากนั้นก็เข้าห้องน้ำล้างหน้า
เธอเห็นตัวเองหน้าแดงผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แอบเขินอาย อยากเอามาร์คหน้าขึ้นมาบังไว้เสียจริง
“โอเค”
ตี้อู๋เปียนตอบ อาศัยจังหวะที่มู่เถาเยาไม่สนใจรีบเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ รออวัยวะบางส่วนสงบแล้วค่อยออกไป
ครั้งนี้ไม่กล้าให้มู่เถาเยาช่วยทาครีมบำรุงแล้ว เพราะพอมือของเธอถูกเขา ร่างกายก็ตอบสนองทันที
กว่าเขาจะทำให้สงบได้ไม่ง่าย อย่าทำให้มันขึ้นมาอีกจะดีกว่า
แม้เขาจะแสนรอคอยให้เรื่องที่งดงามที่สุดเกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่บ้านคนอื่น
มู่เถาเยาทาครีมบำรุงเสร็จก็เริ่มปูเตียง
ตี้อู๋เปียนทาครีมบำรุงพลางฟังเสียงด้านหลัง เริ่มใจลอยแบบที่ควบคุมไม่ได้อีกแล้ว
มู่เถาเยาปูเตียงเสร็จก็ขึ้นเตียงไปอยู่ในสุด ดึงผ้าห่มมาคลุมขา นั่งเหม่อพิงหัวเตียง
เวลานี้เธอถึงรู้สึกได้ว่าดูแปลกๆ พิกล
อาจเพราะบรรยากาศชวนให้เคลิ้มเล็กน้อย สมองของเธอก็เลยปรากฏคำว่า ‘หนุ่มสาวอยู่ในห้องเดียวกัน’ ไม่ใช่ ‘ชาวยุทธภพไม่คิดเล็กคิดน้อย’
ตี้อู๋เปียนทาครีมที่หน้าเสร็จก็ขึ้นเตียง มองผ้าห่มลายดอกที่อยู่ตรงตำแหน่งที่นอนเขาด้วยความเสียดาย
ทำไมถึงมีผ้าห่มสองผืนนะ
หนุ่มสาวอย่างพวกเขาพละกำลังเหลือเฟือ ผ้าห่มผืนเดียวก็พอห่มสองคนแล้ว!
ตี้อู๋เปียนปัดผ้าห่มไปกองด้านหนึ่งแล้วนั่งชิดมู่เถาเยา จากนั้นก็จับใบหน้าที่กำลังเหม่อลอยหันมาหาตัวเอง สายตาร้อนรุ่ม มองอย่างลึกซึ้ง
มู่เถาเยาได้สติกลับมา แต่กลับถูกสายตาของเขาสะกดอีกครั้ง
ประกายในดวงตาดำขลับคู่นั้นร้อนแรงจนทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอร้อนรุ่มไปด้วย
“ซาลาเปาน้อย” น้ำเสียงแหบแห้งคล้ายคนที่กระหายมานาน
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่ลบการแปลงโฉมออกไปแล้ว
“ซาลาเปาน้อย ฉันอยากจูบเธอ” ต่อให้ร่างกายจะทรมาน แต่ก็ต้านทานความดึงดูดของเธอไม่ไหว
ความจริงจัง ลึกซึ้ง คาดหวังในดวงตาคู่งามนี้ทำให้มู่เถาเยากลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
ตี้อู๋เปียนใช้สองมือประคองใบหน้าเธอ นิ้วโป้งสัมผัสริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอ จากนั้นก็บรรจงจูบ
สมองของมู่เถาเยาว่างเปล่า รู้สึกเหมือนลอยอยู่บนปุยเมฆ
(ที่เหลือขอไม่บรรยายต่อแล้วกัน)