อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 588 เหมาะแก่การเล่นมุกเสี่ยวที่สุด / ตอนที่ 589 ชักเอาใหญ่
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 588 เหมาะแก่การเล่นมุกเสี่ยวที่สุด / ตอนที่ 589 ชักเอาใหญ่
ตอนที่ 588 เหมาะแก่การเล่นมุกเสี่ยวที่สุด / ตอนที่ 589 ชักเอาใหญ่
ตอนที่ 588 เหมาะแก่การเล่นมุกเสี่ยวที่สุด
หลังจากครอบครัวน่าซือถูกลับไปแล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็หยิบแว่นตากันหิมะของทหารจากในกระเป๋ามาใส่ เดินตามรอยเท้ากวางเรนเดียร์ เพราะทางที่กวางเรนเดียร์เดินบ่อยก็จะกลายเป็นเส้นทางไปแล้ว และจุดไหนที่เป็นเส้นทางหิมะก็จะไม่หนา
หิมะบนเขาไม่จับตัวเป็นน้ำแข็งจึงหนามากๆ
แม้พวกเขาจะไม่กลัวหนาว แต่ก็ไม่อยากเดินหนึ่งก้าวเท้าจมแล้วต้องคอยยกเท้าอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่อยากใช้กำลังภายในกับทุกเส้นทาง
ตี้อู๋เปียนจูงมู่เถาเยาเดินไป ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ตามทางในโลกที่มีแต่สีขาว
ระหว่างทางเดินไปยอดเขา พวกเขาเจอชัวหลัวอังคูไปแล้วสองหลัง
ทั้งสองคนเข้าไปดูด้วยความสงสัย ในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากกองฟืนเล็กน้อย
แต่ถ้าดูจากข้างนอก มันเหมือนหมวกหัวแหลมของซานตาคลอส ก็แค่มันเป็นสีขาว
“ซาลาเปาน้อย ถ้าบนยอดเขาก็มีชัวหลัวอังคู พวกเราก็นอนค้างบนเขากันเถอะ”
บนเขาเงียบสงบ ไม่มีใครรบกวน เหมาะแก่การหยอดคำหวานที่สุด!
“ขึ้นไปดูก่อนค่อยว่ากันค่ะ”
“ได้”
กินช็อกโกแลตนิดหน่อยอยู่ในชัวหลัวอังคู จากนั้นทั้งสองคนก็ขึ้นเขาต่อ
อาจเพราะหิมะหนาปกคลุมพื้น ไม่มีอะไรให้กิน ตลอดทางจึงมีแต่รอยเท้ากวางเรนเดียร์ ก็ไม่รู้ว่าพวกมันไปไหนกันแล้ว
ท้องฟ้าสีคราม มีนกตัวใหญ่บินอยู่เรื่อย ๆ
พื้นสีขาว บางช่วงมีสัตว์ตัวน้อยที่ควรอยู่ในสภาพอากาศที่มีหิมะวิ่งออกมาให้เห็นบ้าง
บนต้นไม้ที่กิ่งแห้งถูกปกคลุมด้วยสีขาว กลายเป็นพุ่มไม้สีขาวที่เย็นยะเยือก
ถูกหิมะกดจนโค้งงอ พอตายก็มีสภาพเป็นต้นสนหิมะที่รูปร่างแปลกประหลาด
แต่ละต้นล้วนสวยงามมาก
มู่เถาเยาอดพูดชมไม่ได้ “เหมือนโลกนิทานเลย!”
“สายธารคีรีดุจภาพวาด โฉมงามดุจหยก ส่วนฉันนั้นมีเธอคนเดียวก็เพียงพอ” ตี้อู๋เปียนหันไปมองสาวน้อยของเขา แต่สายตาหวานลึกซึ้งถูกบดบังด้วยแว่นกันหิมะ
มู่เถาเยา “…”
เล่นมุกเสี่ยวอีกแล้ว เนียนเลยนะ! ภาพลักษณ์พังไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!
ช่วงหลายวันนี้เธอโดนหยอดคำหวานจนจะเป็นเบาหวานแล้ว!
เธอเดินต่อหน้านิ่ง ไม่มีท่าทีจะตอบอะไร
ตี้อู๋เปียนเห็นท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ของเธอก็มีความสุขยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย
พอเดินไปถึงตรงที่ไม่เห็นรอยเท้ากวางเรนเดียร์แล้ว ทั้งสองคนก็ใช้วิชาตัวเบาเหยียบกิ่งไม้เหาะไป ไม่นานก็ถึงยอดเขา
“ใบไม้ผลิบุปผานานาพรรณ ใบไม้ร่วงเหลียวมองชมจันทร์ หน้าร้อนสายลมโปร่งสบาย หน้าหนาวฟังเสียงหิมะ สี่ฤดูในหนึ่งปีสวยกันคนละแบบ” มู่เถาเยาอารมณ์ดีชื่นชมทัศนียภาพหิมะอย่างมีความสุข
“ความสวยของทั้งสี่ปีมารวมกันยังสู้เธอคนเดียวไม่ได้เลย”
มู่เถาเยา “…” จะให้ตอบยังไง
ทำไมระยะนี้เธอมักรู้สึกว่าตัวเองโง่ลง พูดไม่ออกอยู่บ่อยๆ
ตี้อู๋เปียนยิ้มมุมปากตบศีรษะมู่เถาเยาที่สวมหมวกไหมพรมหัวแหลมสีแดงเบาๆ จากนั้นก็หยิบกล้องส่องทางไกลจากกระเป๋าสะพายหลังออกมาสังเกตดูรอบๆ ชี้ไปทิศทางตรงกันข้ามกับที่พวกเขามา “ซาลาเปาน้อย ทางนั้นดูเรียบ แถมมีแสงสะท้อน น่าจะมีทะเลสาบ น้ำกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว เธอดูสิ”
มู่เถาเยารับกล้องส่องทางไกลมาแล้วมองไปยังทิศทางที่ตี้อู๋เปียนบอก
“น่าจะเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง เดี๋ยวพวกเราไปดูกัน”
“อึม”
“พวกเราน่าพาเจ้าขาวปุยมาด้วย มันต้องชอบแน่ ๆ”
พวกเขาไปแต่ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ให้เจ้าขาวปุยสนุกได้เต็มที่
ถึงแม้เขาเทพจันทราจะมีพื้นที่ใหญ่มาก แต่เจ้าขาวปุยอยู่ที่นั่นมานาน แถมมันยังเร็วมาก วิ่งรอบเขาเทพจันทราใช้เวลาไม่เท่าไร ไม่ต่างกับถูกขังคุก ต่อให้เป็นพื้นที่ของตัวเองก็ตาม
“ครั้งหน้าออกมาเที่ยวกับอาจารย์ค่อยพามันมา” เวลาของพวกเขาสองคนไม่ต้องพามาหรอก สัตว์ก็เป็นก ข ค ได้!
ตี้อู๋เปียนถอดถุงมือใส่เข้ากระเป๋าสะพายแล้วแขวนกระเป๋าบนกิ่งไม้ เริ่มจับกล้องถ่ายรูป “ซาลาเปาน้อยมาถ่ายรูปกัน”
มู่เถาเยา “…ทำไมคุณถึงได้ชอบถ่ายรูปขนาดนี้”
“ฉันไม่ได้ชอบถ่ายรูป แค่ชอบถ่ายเธอ”
“…งั้นถ่ายไม่กี่รูปส่งให้ทุกคนได้เห็นก็พอแล้ว”
“ฉันชอบถ่ายเธอ เพราะวันหน้าจะได้เอาไว้คุยกับลูกสาวของพวกเรา…”
มู่เถาเยาเอาหิมะยัดปากตี้อู๋เปียนด้วยความเขินอาย ไม่ยอมให้เขาพูดต่อ
ตี้อู๋เปียนเอากล้องแขวนบนกิ่งไม้ มือข้างหนึ่งโอบเอวคอดของมู่เถาเยา มืออีกข้างเชยคางเธอ ประกบริมฝีปากแดงของเธอเป็นเชิงรุกเร้า
สัมผัสเย็นเฉียบทำให้มู่เถาเยาสะดุ้ง
อยากผละออกโดยอัตโนมัติ แต่กลับถูกจับท้ายทอยไว้
ลมหายใจที่รดกันทำให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งตัว
ตี้อู๋เปียนไม่ยอมหยุดง่ายๆ จนกว่าจะถึงขีดสุดของตัวเอง
จับศีรษะมู่เถาเยาไปพักไว้ตรงกระดูกไหปลาร้าของตัวเอง พอลมหายใจสงบลงแล้วถึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ซาลาเปาน้อย เธอเรียนไม่ได้เรื่องเลยนะ ไม่ก้าวหน้าเลยสักนิด ฉันต้องสอนเธอเยอะๆ แล้ว”
พอพูดจบก็จะจูบอีกรอบ
มู่เถาเยาถอยหลังทันที
แข้งขาเธอเริ่มอ่อนแรง ถ้าจูบอีกคงยืนไม่อยู่แล้วแน่!
น่าขายหน้าขนาดนี้เธอไม่เอาด้วยหรอก!
เป็นไปไม่ได้! เธอออกจะฉลาด! เรียนเก่งจะตาย!
ตี้อู๋เปียนหยิบกล้องถ่ายรูป ถ่ายเก็บภาพตอนเขินอายของเธอเอาไว้
“รีบลบเลยนะ” มู่เถาเยาจะเข้าไปแย่งกล้องถ่ายรูปด้วยความดุดัน รูปแบบนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้!
ตี้อู๋เปียนปล่อยตัวเองล้มไปบนหิมะอ่อนนุ่มโดยไม่ฝืน มู่เถาเยาเลยล้มไปบนตัวเขาด้วย
ถอดแว่นกันหิมะของทั้งสองคนออก จากนั้นก็จูบกันบนร่องหิมะรูปคนนี้เข้าสู่บทเรียนอีกครั้ง
ตอนที่ 589 ชักเอาใหญ่
ตี้อู๋เปียนปล่อยมู่เถาเยาออกในขีดจำกัดที่ยังควบคุมตัวเองได้ จากนั้นก็ออกมาจากหลุมนั้นแล้วล้มตัวนอนแผ่กางแขนกางขาบนพื้นหิมะ
เขาต้องการใช้ความเย็นจากหิมะมาดับความร้อนรุ่ม
เงยหน้าหันมองมู่เถาเยาที่ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากแดงเจ่อเล็กน้อย เขาพูดอย่างน่าสงสาร “ซาลาเปาน้อย ฉันทรมานมาก”
ใบหน้าแก้มยุ้ยแบบเด็กของมู่เถาเยาแดงระเรื่อ เธอแสร้งตอบเขาเหมือนใจเย็น “หาเรื่องเองนะ” ยังจะมีหน้ามาพูด!
“ฉันชอบ ไว้เอาอีก”
“…”
มู่เถาเยาไม่อยากสนใจคนชอบเล่นมุกเสี่ยว เธอไปเก็บแว่นกันหิมะขึ้นมาใส่ กระโดดขึ้นต้นไม้ที่สูงที่สุด
อุณหภูมิร่างกายเธอก็สูง ต้องการทำให้เย็นลงเหมือนกัน
แต่เธอรู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายมาก มันเป็นความรู้สึกแบบอยากลิ้มลองอยากศึกษา
แม้จะมีทฤษฎี ร่างกายจะตอบสนองหรือให้ความรู้สึกอย่างไรเมื่อถึงความพึงพอใจในแต่ละระดับ แต่พอเจอกับตัวเองถึงพบว่าคำอธิบายในทฤษฎีทั้งหลายมันไม่ตรงมาก เพราะสิ่งที่อยู่ในตำรามีแต่การตอบสนองทางร่างกาย
ความรู้สึกบางอย่างต้องสัมผัสเอง เพราะมันยังมีการตอบสนองทางจิตใจบนพื้นฐานการตอบสนองทางร่างกายเพิ่มไปอีก
มู่เถาเยาอยู่ในห้วงความคิดจนเหม่อลอย ตี้อู๋เปียนพาเธอลงมาจากต้นไม้แถมยังจุ๊บอีกทีเธอถึงจะได้สติกลับมา
สายตาของมู่เถาเยาเลื่อนลงอย่างไม่รู้ตัว มองอวัยวะบางส่วนของตี้อู๋เปียน
ตี้อู๋เปียน “…ซาลาเปาน้อย ถ้ายังมองแบบนี้ต่อไป อยากท้าทายมันใช่ไหม แม้ฉันจะอยากมากก็ตาม…”
มู่เถาเยาไม่ฟังแล้ว รีบสกัดจุดของเขา
คนคนนี้ตั้งแต่ออกมาก็ชักเอาใหญ่ พูดจาทะลึ่งเรี่ยราด! ไม่มีต้องร่างคำพูดก่อนด้วย!
ทิ้งคำพูด “พวกเราไปดูทะเลสาบน้ำแข็งกัน” เสร็จมู่เถาเยาก็หยิบกล้องถ่ายรูปกับกล้องส่องทางไกลเหาะลงจากเขาก่อน
ตี้อู๋เปียนคลายจุดให้ตัวเอง จากนั้นก็ก้มมองอวัยวะที่ไม่เชื่อฟังสมอง มีความคิดของตัวเอง เขาสั่งสอนมัน “แค่เธอมองก็ขยับเลยนะ แกมันไม่สำรวมเลย!”
แต่เขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้! เป็นความรู้สึกที่เกิดจากผู้หญิงของเขา!
เขายิ้มมุมปากหยิบกระเป๋าสะพายหลังจากกิ่งไม้ลงมา เก็บแว่นตากันหิมะขึ้นมาใส่อีกครั้ง จากนั้นก็เหาะตามร่างบางข้างหน้าลงจากเขาไป
ทั้งสองคนเหาะไปหยุดที่หน้าทะเลสาบ
“เอ๊ะ ตรงนี้มีแค่ชั้นน้ำแข็งบางๆ บางจุดน้ำแข็งแตกจนเห็นน้ำแล้ว…แถมยังมีไอร้อนลอยขึ้นมาด้วย!”
“พื้นร้อนหรือเปล่า ซาลาเปาน้อย ดูที่ปลายน้ำสิ เหมือนมีอะไรขยับอยู่”
มู่เถาเยาหยิบกล้องส่องทางไกลส่องดู “มันคืออะไร…อึม ดูคล้ายนกกระเรียนมงกุฎแดง”
สายตาของตี้อู๋เปียนมองไล่จากปลายน้ำแล้วมองไปรอบๆ จากนั้นสายตาก็ไปหยุดที่บนเขาหิมะ “ซาลาเปาน้อย ล่างเขาหิมะลูกนั้นน่าจะเป็นต้นสายของแม่น้ำที่ไม่แข็งตัวหรือเปล่า”
มู่เถาเยาพยักหน้า “เดินลงไปเรื่อย ๆ น่าจะไปถึงพื้นที่ชุ่มน้ำ ก็แค่พื้นที่หิมะปกคลุมมันกว้างมาก หิมะก็หนา ต่อให้เป็นสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้กับกวางเรนเดียร์ก็เคลื่อนตัวตามใจชอบไม่ได้ คนทั่วไปยิ่งไม่มีทางเดินจากตรงนี้ไป”
อาจเพราะสาเหตุนี้ครอบครัวน่าถึงไม่ได้บอกพวกเขาว่าเดินจากตรงนี้ไปเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำหรือเปล่า
“ซาลาเปาน้อย พวกเราลองไปดูปลายน้ำก่อน เย็นหน่อยค่อยไปดูต้นน้ำ ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย ตอนเย็นก็ดูแสงออโรร่าที่ข้างเขาหิมะกัน ทำเลตรงนั้นดูใช้ได้”
“โอเค”
ตี้อู๋เปียนจับมือมู่เถาเยา ทั้งสองคนเหาะไปพร้อมกัน เหยียบหิมะแต่ไม่ทิ้งร่องรอย
เหาะไปหยุดตรงจุดที่ห่างจากนกกระเรียนมงกุฎแดงไม่ไกล เชยชมรูปร่างอันงดงามของพวกมัน
ขนตรงคอ เท้า ส่วนหางเป็นสีดำ นกกระเรียนมงกุฎแดงอีกสองตัวสีขาวล้วน ไขว้คอ ยืนเขย่งเท้า กางปีกครึ่งหนึ่ง ร้องเพลงให้กัน สะกดตามาก
ตี้อู๋เปียนมองไปมองมาสายตาก็ไปอยู่ที่มู่เถาเยา
ขนาดสัตว์ยังอยู่เป็นคู่ชู้ชื่น มันทำให้เขาตาร้อนมาก!
ทันใดนั้นมู่เถาเยาก็นึกขึ้นมาได้ “ไม่ถูกสิ ทำไมถึงมีนกกระเรียนมงกุฎแดงอยู่ที่เหลิ่งจี๋เวลานี้ พวกมันต้องอพยพไปอยู่ทางใต้กันแล้วสิ…แต่ก็ไม่ถูกอีก นกกระเรียนมงกุฎแดงอพยพไปก็เพื่อดำรงชีวิต เพราะพอหน้าหนาวน้ำในทะเลสาบจับตัวเป็นน้ำแข็งพวกมันก็จับปลาจับกุ้งกินไม่ได้แล้ว ถึงจำเป็นต้องอพยพไปทางใต้…”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “ใช่ ที่นี่มีทะเลสาบที่ไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง พวกมันเลยไม่จำเป็นต้องอพยพไปทางใต้”
มู่เถาเยาเดินเบาๆ ไปหานกกระเรียนสองตัวนั้น ตี้อู๋เปียนก็เดินตามเธอ
นกกระเรียนสองตัวมองข้ามพวกเขาอย่างสิ้นเชิง มัวแต่ร้องเพลงเต้นระบำ
เปรี๊ยะ น้ำแข็งที่อยู่ใต้เท้าของทั้งสองคนแตกออก
เสียงน้ำที่ไหลอยู่ข้างล่างชัดเจนขึ้น
“ทะเลสาบแห่งนี้ดูกว้างมากเลยนะ ซาลาเปาน้อย พวกเราเหาะไปดูปลายน้ำกัน”
“อึม”
ทั้งสองคนเหยียบน้ำแข็งที่อยู่บนผิวน้ำ ลงไปยังทิศทางเดียวกับที่น้ำไหล
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังคงมีแต่พื้นที่ขาวโพลน แสดงให้เห็นว่าพื้นที่หิมะแห่งนี้กว้างใหญ่ขนาดไหน
มองเห็นบ้านไม้หลังคาแหลมที่สองฝั่งน้ำบ้างประปราย ทั้งสองคนเข้าไปสอดส่องเล็กน้อย
ในบ้านบางหลังมีรังสัตว์ตัวเล็กอยู่ด้วย
เดินเลาะตามริมน้ำไปเรื่อย ๆ ก็ยังพบนกกระเรียนมงกุฎแดงอีกไม่น้อย
“ซาลาเปาน้อย ไม่รู้ว่าข้างล่างยังอีกไกลแค่ไหน เอาถึงแค่ตรงนี้ก่อนดีกว่า พวกเราเล่นสักพักก็ไปต้นน้ำกันเถอะ”
“ได้ค่ะ”
กระโดดไปบนน้ำแข็งชั้นหนาตรงริมน้ำ มู่เถาเยาถอดถุงมือออก ย่อตัวลงวักน้ำเล่น “น้ำอุ่นดีจัง”
ตี้อู๋เปียนเลิกคิ้ว “ถ้าร้อนกว่านี้อีกนิดก็แช่บ่อน้ำร้อนกลางป่าได้เลยนะ ซาลาเปาน้อย ฉันว่าพวกเราควรไปแช่น้ำพุร้อนกลางหิมะกันหน่อย เปิดประสบการณ์ร้อนเย็นในเวลาเดียวกัน”
“ได้ค่ะ เมืองข้างๆ มีบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง อยู่ติดกับลานสกีแปดหมื่นตารางเมตร ดูเหมือนจะอยู่อีกด้านของพื้นที่หิมะผืนนี้”
“อึม ถ้าวันนี้พวกเราเห็นแสงออโรร่า พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ไปกัน”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เมืองข้างๆ เป็นเมืองยอดนิยมสำหรับดูแสงออโรร่า คนเยอะมาก พวกเขาดูจากที่นี่แล้วค่อยไปดีกว่า