อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 593 ใครจะไม่รุ่มร้อนได้ ตอนที่ 594 ฉันจะเชื่อฟังเธอไปตลอด
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 593 ใครจะไม่รุ่มร้อนได้ ตอนที่ 594 ฉันจะเชื่อฟังเธอไปตลอด
ตอนที่ 593 ใครจะไม่รุ่มร้อนได้ ตอนที่ 594 ฉันจะเชื่อฟังเธอไปตลอด
ตอนที่ 593 ใครจะไม่รุ่มร้อนได้
หยิบของให้ครบ รูดปิดเต็นท์ให้เรียบร้อย ทั้งสองคนใช้วิชาตัวเบาเหาะไปประหนึ่งแข่งกัน
ย่อมเป็นมู่เถาเยาที่เฉือนชนะไปนิดหน่อย แต่สูสีกันมากทีเดียว
“ซาลาเปาน้อย อีกไม่นานฉันก็จะเอาชนะเธอได้แล้ว!” ดวงตาของตี้อู๋เปียนเป็นประกาย รู้สึกฮึกเหิมตื่นเต้นมาก
“อยากเอาชนะฉันขนาดนั้นเลยเหรอ”
มู่เถาเยาแอบไม่ยอม แต่กลับจนปัญญา เพราะเธอก็พยายามเต็มที่แล้ว
เธอฝึกวิทยายุทธตั้งแต่เด็ก แถมยังฝึกมาสองชาติ แต่ปรากฏว่ากลับถูกคนที่เพิ่งฝึกมาปีกว่าตามทันแล้ว!
ปวดใจเหลือเกิน!
“ฉันอยากนำเธอ วันหน้าจะได้ปกป้องเธอ”
“โลกนี้ปลอดภัยมาก คนทั่วไปไม่ได้ใช้วิทยายุทธขั้นสูงยกเว้นกลุ่มคนพิเศษ มีความสามารถเอาไว้ปกป้องตัวเองก็พอแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีต่างหากที่สำคัญ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันเยี่ยมมากแล้ว ประเทศเหยียนหวงต้องการคุณ!”
ตี้อู๋เปียนดีใจมาก อุ้มมู่เถาเยาขึ้นมาแล้วหมุนตัวหลายรอบ “ซาลาเปาน้อย พวกเรามาร่วมมือกันผลักดันเผ่าหมาป่าพระจันทร์กับเหยียนหวงให้เป็นมหาอำนาจของโลก ประเทศไหนที่คิดร้ายจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับพวกเรา!”
“โอเค วางฉันลง อาบน้ำก่อน”
ตี้อู๋เปียนวางมู่เถาเยาลงแล้วจูงมือไปเดินหาจุดน้ำตื้น
ใช้กล้องส่องทางไกลมองไปรอบๆ ก่อน เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนถึงวางกระเป๋าเป้ลง เอากล้องส่องทางไกลให้มู่เถาเยา จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าพลางเดินลงแม่น้ำ
เขาอาบก่อนเพื่อสำรวจดูว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายหรือเปล่า
“ตี้อู๋เปียน…”
เมื่อครู่มู่เถาเยาใช้กล้องส่องทางไกลมองสำรวจรอบๆ พอหันไปก็เห็นตี้อู๋เปียนถอดเสื้อผ้าออกหมดกำลังเดินลงแม่น้ำ เธอรีบหันตัวไปอีกด้าน
คนคนนี้จะเปลือยล่อนจ้อนทำไมไม่บอกก่อน คิดว่าตัวเองเป็นเด็กสามสี่ขวบเลยไม่อายหรือไง
แต่รูปร่างกล้ามเนื้อของเขาสวยมาก ไหล่กว้างเอวคอด กล้ามเป็นมัดๆ กำยำดูมีพละกำลัง!
หากมองในมุมของหมอ ผู้ชายที่มีรูปร่างแบบนี้คือสมบูรณ์แบบมาก
นึกถึงเมื่อสี่ปีก่อนที่เขารูปร่างผอมแห้งอ่อนแอ ต่างกับตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน
“ซาลาเปาน้อย อยากมาอาบด้วยกันเหมือนคู่นกเป็ดน้ำไหม ฉันถูหลังให้เธอได้นะ” ตี้อู๋เปียนที่ยืนตรงน้ำระดับอกยิ้มตะโกนเรียก
มู่เถาเยาใบหน้าร้อนผ่าว พูดโดยไม่หันไปมอง “ไม่เอา คุณระวังใต้เท้าด้วย เดี๋ยวจะลื่นหรือมีงูน้ำอะไรพวกนั้น”
“ได้ ซาลาเปาน้อย เธอต้องเป็นองครักษ์เฝ้าให้ดีๆ นะ ห้ามให้ใครเห็นเรือนร่างของฉัน! ร่างกายของฉันเป็นของเธอคนเดียว ใครก็ห้ามมอง!”
“…”
คนบางคนชักจะหน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ ควายสิบตัวก็ฉุดไม่อยู่แล้ว
มู่เถาเยาเดินไปไกลอีกหน่อย ไม่ฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ
ตี้อู๋เปียนหัวเราะเสียงดัง ว่ายอยู่ในแม่น้ำอย่างมีความสุขสักพักถึงตั้งใจอาบน้ำซักเสื้อผ้า
แน่นอนว่าแค่ใช้น้ำอุ่นในแม่น้ำอาบแบบลวกๆ อย่างไรเสียใช้ชีวิตอยู่ในป่าแบบนี้ก็เอาสะดวกเข้าไว้ ไม่มียาสระผมหรือครีมอาบน้ำอะไรทั้งนั้น
เสร็จแล้วเขาก็สวมเสื้อผ้าที่เปียกขึ้นฝั่ง ใช้กำลังภายในทำให้เสื้อผ้ากับผมแห้ง
“เสร็จแล้วซาลาเปาน้อย เธอมาเถอะ”
มู่เถาเยาถึงได้หันตัวเดินไปริมแม่น้ำ
ตี้อู๋เปียนรับกล้องส่องทางไกลมาแล้วตั้งใจส่องดูรอบๆ สิบกว่านาทีผ่านไปถึงให้มู่เถาเยาลงน้ำ
มู่เถาเยาสวมเสื้อผ้าลงน้ำ สระผมเสร็จถึงถอดเสื้อผ้า
หญิงสาวที่ชอบอาบน้ำอยู่ด้านหลัง ตี้อู๋เปียนอยากหันกลับไปดูมาก แต่ก็พยายามอดทนไว้
ความคิดตีกันเหลือเกิน
ความทรมานแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจได้นอกจากคนที่ประสบกับตัว
มู่เถาเยาไม่รู้ว่าใครบางคนกำลังอดทนอดกลั้น เธอรีบสระผม อาบน้ำ ซักเสื้อผ้าแล้วขึ้นมา อย่างไรเสียนี่ก็อยู่กลางแจ้ง
ตี้อู๋เปียนคอยสังเกตความเคลื่อนไหวทางด้านหลังอยู่ตลอด พอมู่เถาเยาขึ้นมาเขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ
เสื้อผ้าที่เปียกชื้นแนบตัวเธอ เผยให้เห็นรูปร่างอันสะโอดสะอง
ตี้อู๋เปียนรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย ตามมาด้วยมีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมา เลือดสีแดงหยดลงบนพื้นน้ำแข็ง
“ช่วงนี้ร้อนในเหรอ ไม่ถูกสิ คุณกับฉันกินอะไรเหมือนกันหมด”
เดิมทีมู่เถาเยาอยากเข้าไปจับชีพจรให้เขา แต่กลับถูกตี้อู๋เปียนเบี่ยงตัวหลบ “ตัวฉันร้อน”
จากนั้นเขาก็พุ่งลงน้ำราวกับหนีอะไร แถมยังไม่ลืมพูดว่า “ซาลาเปาน้อย เธอรีบทำให้ผมกับเสื้อผ้าแห้งเร็วๆ”
“อ่อ”
พอมู่เถาเยาทำผมกับเสื้อผ้าแห้งเสร็จถึงเดินไปริมแม่น้ำ “ขึ้นมาให้ฉันดูหน่อย”
“ฉันไม่เป็นไรซาลาเปาน้อย” เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว แต่ตัวยังร้อนอยู่
“ขอฉันดูหน่อย”
ตี้อู๋เปียนขึ้นมาบนฝั่ง ทำตัวให้แห้งเสร็จถึงยื่นมือให้มู่เถาเยาจับชีพจร
“เหมือนจะร้อนในจริงๆ นะ ในกล่องยาไม่มียาระงับด้วย ไว้ออกไปค่อยลองถามครอบครัวน่าดูว่ามีบ้างไหม ถ้าไม่มีค่อยไปซื้อร้านยา”
“…ซาลาเปาน้อย เธอต่างหากที่เป็นยารักษาฉัน”
“อะไรนะ”
“ผู้ชายที่เลือดพลุ่งพล่านมองผู้หญิงที่ตัวเองชอบด้วยความโหยหา ใครจะไม่รุ่มร้อนได้”
มู่เถาเยามองดวงตากะลิ้มกะเหลี่ยของตี้อู๋เปียนเสร็จถึงเข้าใจ ชักมือกลับอย่างหมดคำจะพูด พร้อมทั้งพูดเตือนเหมือนหมอพูด “คิดเยอะจะเป็นการทำร้ายร่างกาย”
ตี้อู๋เปียนยื่นมือไปโอบเอวคอดของมู่เถาเยาแล้วทำสีหน้าออดอ้อน “ใครๆ ต่างก็รู้วิธีที่ไม่ทำให้ตัวเองทรมาน เธอเป็นหมอยิ่งรู้ดี”
มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม ปรับสมดุลหยินหยาง”
“…อยากเอาชนะฉันไม่ใช่เหรอ งั้นก็รอวันที่ชนะฉันก่อนแล้วกัน”
ตี้อู๋เปียน “…”
ตอนที่ 594 ฉันจะเชื่อฟังเธอไปตลอด
เก็บข้าวของให้เรียบร้อย กินอะไรนิดหน่อย จากนั้นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็เดินลงไปทางปลายน้ำต่อ
ผ่านไปครึ่งวัน ภาพที่เข้ามาในสายตายังคงเป็นสีขาวโพลน
ตี้อู๋เปียนใช้กล้องส่องทางไกลมองไปข้างหน้า ทัศนียภาพหิมะขาวเต็มพื้นที่ “ที่ราบหิมะของเหลิ่งจี๋กว้างใหญ่จริงๆ พื้นที่ไม่ใหญ่เท่าป่าเซียนโหยว แต่เหลิ่งจี๋หนาวเย็น ไม่มีกลิ่นอายของความมีชีวิตเท่าไร เหมือนคนละโลกกับป่าเซียนโหยวเลยนะ”
“แม้ว่าที่นี่จะเปรียบเหมือนแดนสวรรค์ แต่กำลังมนุษย์มีขีดจำกัด ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่หนาวจัดเป็นเวลานานได้ ไม่อย่างนั้นหากอุณหภูมิต่ำกว่าขีดสุดของอุณหภูมิร่างกายจะเกิดภาวะตัวเย็น อย่างอุณหภูมิที่ติดลบหลายสิบองศาแบบนี้ หากร่างกายเกิดภาวะแบบนั้นสถานการณ์จะรุนแรงมาก เพราะจะทำให้อวัยวะภายในเสื่อมถอย อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต”
“คนที่มีความพิเศษกว่าคนอื่นมักได้มองเห็นทิวทัศน์ที่มากกว่าและสวยกว่าคนปกติ”
“อืม ใครๆ ถึงได้อยากเป็นยอดคนยังไงล่ะ” มู่เถาเยาพูด
ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ที่ใดที่มีคนก็ย่อมเกิดการแย่งชิง ก็แค่สนามต่อสู้แตกต่างกันก็เท่านั้น
ตี้อู๋เปียนลูบศีรษะของมู่เถาเยา “พวกเราออกมาเที่ยว อย่าคิดเยอะเลยนะ”
มู่เถาเยาอึ้งไปชั่วขณะแล้วพยักหน้า “อืม” ชอบเป็นห่วงจนชินถึงคิดมากได้ง่ายๆ
ครอบครัวเธอกลมกลืนไปกับโลกนี้แล้ว ควรลืมเรื่องในชาติก่อนเสียให้หมด
มือของตี้อู๋เปียนเคลื่อนจากศีรษะของมู่เถาเยาลงไปข้างล่างแล้วจับมือเธอ “พวกเราเดินลงไปต่อแล้วค่อยเลาะแม่น้ำกลับขึ้นไป”
“ได้”
โลกของหิมะไม่ต่างกันมาก สงบเงียบราวกับไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากพวกเขา
ทั้งสองคนเดินไปอีกสักพักก็เดินกลับจากป่าสนที่ถูกหิมะปกคลุมจนขาว นอกจากนี้ยังได้เดินเที่ยวรอบๆ ภูเขาหิมะด้วย
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกินอาหารแล้วล้างหน้าแปรงฟันมารอดูแสงออโรร่า
เวลาหกโมงกว่าดวงดาวก็ขึ้นเต็มท้องฟ้า
เวลาสี่ทุ่ม แสงออโรร่าสีเขียวที่สว่างกว่าดวงจันทร์และดวงดาวก็ปรากฏขึ้น
ตามมาด้วยแสงออโรร่าหลากหลายรูปร่างสารพัดสีอย่างสีม่วง สีเหลือง สีแดง สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีทอง เป็นต้น ทำให้ดวงดาวที่เต็มท้องฟ้าแทบถูกกลืนหายไป
อากาศยิ่งหนาว มวลอากาศก็ยิ่งสะอาด แสงออโรร่าที่เห็นก็ยิ่งชัดเจนสะดุดตา
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนต่างตะลึงในความงดงามตระการตาของแสงออโรร่าจนลืมถ่ายภาพ
“ธรรมชาติต่างหากที่เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!” มู่เถาเยาพูดพึมพำกับท้องฟ้ายามราตรีที่แสนสะกดใจ
ตี้อู๋เปียนได้ยินเสียงของมู่เถาเยาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว รีบไปคว้ากล้องถ่ายรูปมา
ถ่ายไปหลายรูป ตี้อู๋เปียนกำลังจะเช็ดเลนส์กล้อง แต่มู่เถาเยาจับมือเขาไว้ “เลิกเช็ดเถอะ รีบดูเข้า ไม่รู้ว่าแสงออโรร่าจะคงอยู่นานแค่ไหน โอกาสหายากนะ”
ตี้อู๋เปียนวางกล้องถ่ายรูปลง โอบมู่เถาเยาเข้ามาแล้วจูบริมฝีปากแดงของเธอท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีที่แสนงดงาม
ทัศนียภาพที่งดงามกว่านี้ก็สู้สาวน้อยที่อยู่ข้างกายเขาคนนี้ไม่ได้
แม้จะอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังคงคิดถึงโหยหาเธออยู่ตลอด ไม่ได้เก็บเอาทิวทัศน์สวยงามมาใส่ใจ
เมื่อทั้งสองคนเริ่มหายใจไม่ถนัด จำต้องผละออกจากกัน แสงออโรร่าก็หายไปหมดแล้ว ท้องฟ้ายามราตรีเหลือเพียงหมู่ดาว
มู่เถาเยาเหลือบมองตี้อู๋เปียนเชิงตำหนิ
ติดจูบมากเกินไปหรือเปล่า นับตั้งแต่ได้จูบครั้งแรก เขาก็ชอบเอะอะก็จูบ ไม่ดูเวล่ำเวลา ไม่แยกแยะสถานที่
ตี้อู๋เปียนลูบศีรษะมู่เถาเยาด้วยความรู้สึกขำ “ตอนพวกเราไปพักผ่อนที่โรงแรมบ่อน้ำพุร้อนเมืองข้างๆ ก็น่าจะได้เห็นแสงออโรร่าอีกนะ”
“งั้นพวกเรากลับพรุ่งนี้เลยไหม”
“อืม ได้เห็นแสงออโรร่าแล้วก็กลับเถอะ ครอบครัวน่าจะได้สบายใจด้วย”
ถึงพวกเขาจะไม่กลัวหนาว แต่อย่างไรเสียก็อยู่ในป่า จะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำก็ไม่สะดวก อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่เหมือนป่าเซียนโหยวหรือพวกที่ราบทุ่งหญ้า
อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็จืดชืดเกินไป เรียกได้ว่าไม่มีอะไรนอกจากสีขาวโพลนของหิมะ ก็ไม่แปลกที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะไม่มีนักท่องเที่ยวเท่าไร
มู่เถาเยาพยักหน้า “คุณว่ากลับก็กลับ”
ตี้อู๋เปียนจูงมู่เถาเยาเข้าเต็นท์ “ซาลาเปาน้อย ต่อไปไม่ว่าทำอะไรก็เอาความต้องการของเธอเป็นหลัก เธออยากได้แบบไหนก็แบบนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่ฉันจะเชื่อฟังเธอทั้งหมด”
“…”
เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้ว! หยอดคำหวานโจมตีเธออีกแล้ว!
เธอจะป้องกันยังไงได้
“ซาลาเปาน้อย ใครสำคัญที่สุดในใจเธอเหรอ”
“อาจารย์”
อาจารย์สามคน อา เยี่ยนหัง อู๋ซวง สำคัญเท่ากันหมด รองลงมาก็พวกศิษย์พี่ของสำนักแพทย์โบราณกับสำนักซย่าโหว คนหมู่บ้านเถาหยวนซาน คนตระกูลเย่ว์
อย่างน้อยตอนนี้ก็จัดลำดับแบบนี้
“ต่อไปต้องเพิ่มฉันอีกคนนะ” เขาจะทำเป็นหึงส่งเดชไม่ได้
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ความหมายชัดเจนมากว่า ‘คุณจะเทียบกับอาจารย์ของฉันได้ยังไง!’
ตี้อู๋เปียนแค่มองก็เข้าใจแล้ว เจ็บปวดหัวใจ
“ซาลาเปาน้อย อันที่จริงคนรักต่างหากที่สำคัญที่สุดในชีวิต รองลงมาถึงเป็นพ่อแม่ ลูกๆ ตอนนี้เธอไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ต่อไปเธอจะรู้เอง”
มู่เถาเยาตั้งใจคิดจริงจัง
จากคำพูดของตี้อู๋เปียน ในความคิดของอาเธอ อาเขยสำคัญกว่าเธออีกเหรอ ในความคิดของอาจารย์ ลุงตี้อู่สำคัญกว่าเธออีกเหรอ
เป็นไปไม่ได้!
พอเห็นเธอจะเหม่ออีกเขาจึงจุ๊บปากเธอ “เลิกคิดได้แล้ว ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ ปล่อยให้ที่เหลือเป็นเรื่องของฉัน รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นพวกเรากลับกัน”
“อืม”
ทั้งสองคนมุดเข้าถุงนอน หลับสนิทตลอดคืนจนฟ้าสว่าง
ฝึกวิทยายุทธตามปกติเสร็จก็เก็บของเดินทางกลับ
แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน จึงเปลี่ยนเส้นทางเดินอ้อมหน่อย
เนื่องจากหิมะหนามาก เดินตามปกติไม่ได้ ทั้งสองคนจึงใช้วิชาตัวเบาตลอดทาง
กลับถึงบ้านครอบครัวน่าตอนประมาณบ่ายสี่โมง
ผู้อาวุโสทั้งสองพอเห็นพวกเขากลับมาก็ดีใจจนเกือบหลั่งน้ำตา
ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขากลัวเด็กสองคนนี้เกิดเรื่องขึ้นในภูเขาขนาดไหน!