อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 625 ฉันตั้งไตหรือไง ตอนที่ 626 วังใต้ดินลึกลับ
ตอนที่ 625 ฉันตั้งไตหรือไง ตอนที่ 626 วังใต้ดินลึกลับ
ตอนที่ 625 ฉันตั้งไตหรือไง
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็จัดข้าวของจำพวกเต็นท์และของใช้จำเป็น เตรียมออกไปเที่ยวที่หุบเขานรก
ฟังแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าหุบเขาแห่งนี้อันตรายแค่ไหน
เมื่อก่อนมีชื่อว่าหุบเขาเหวลึก ต่อมามีนักผจญภัยกับพวกช่างภาพเข้าไปสำรวจ เสียชีวิตกันไปหลายคน จึงถูกเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อนี้
ภูมิศาสตร์ของเมืองเยียนอวิ๋นมีความพิเศษ ขนาดพื้นที่ภายในเมืองไม่ได้มาก แต่กลับสลับซับซ้อนไปด้วยหุบเขาแม่น้ำ หุบเขาผา และหุบเขาช่องแคบ
หุบเขานรกเป็นหนึ่งในหุบเขาที่อันตรายที่สุดของเมืองเยียนอวิ๋นและของประเทศ คนท้องถิ่นไม่มีทางเข้าใกล้สถานที่ที่ชวนขนลุกแบบนี้แน่นอน
แต่มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกลับอยากไปในที่แห่งนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ฝึกฝนของนักผจญภัย
อันตรายของป่าเซียนโหยวส่วนใหญ่มาจากพืชมีพิษ แมลงมีพิษ และสัตว์ดุร้าย อันตรายของหุบเขานรกมาจากสภาพแวดล้อมและภูมิศาสตร์ที่มีความพิเศษ
ชั้นหินที่ดูแข็งแกร่ง แต่เมื่อเหยียบลงไปมีความเป็นไปได้สูงที่จะตกลงไปในหุบเหวลึก ไม่เหลือแม้แต่ซากศพและกระดูก
ทั้งสองคนขับรถไปที่หุบเขาผาที่อยู่ด้านนอกของหุบเขานรก จอดรถเสร็จก็หยิบของให้ครบเดินไปด้านบน
“อากาศในหุบเขาผามีความชุ่มชื้น กลิ่นไม่เหมือนตามป่า กลิ่นป่าจะเป็นแบบผสมผสาน แต่กลิ่นของที่นี่จะมีแต่ความสดชื่น เหมือนหญิงสาวแรกแย้ม แต่ป่าจะมีความหลากหลาย”
“ซาลาเปาน้อย แล้วฉันล่ะ เป็นแบบไหน เธอชอบแบบไหน”
“…คุณเหมือนเทพบุตร เป็นแบบที่ฉันชอบ”
ตี้อู๋เปียนพอใจสุดๆ
แต่เรื่องที่งอนกันเรื่องคำเรียกแบบคนรักจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคลียร์ เพราะเธอยังเอาแต่เรียกชื่อเขาเต็มยศ
“ซาลาเปาน้อย เธอยังไม่ได้ตั้งชื่อแบบที่เธอเอาไว้เรียกฉันคนเดียวเลยนะ”
มู่เถาเยา “…มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ต้องสิ! จะให้ฉันเรียกเธอซาลาเปาน้อยฝ่ายเดียวได้ยังไง เธอก็ตั้งให้ฉันด้วยสิ!”
“งั้นคุณเรียกฉันว่าเสี่ยวเยาเยาแบบทุกคนก็ได้”
“ไม่เอา”
“…”
ผู้ชายคนนี้ชักทำตัวเป็นเด็กเข้าทุกวัน แถมยังทำตัวเยอะเหมือนเมื่อก่อนด้วย
“ซาลาเปาน้อย จะเรียกไม่เรียก ไม่เรียกฉันจะไม่ไปไหน!”
มู่เถาเยา “…”
ตามใจจนเคยตัว! อยากลองดีใช่ไหม!
ช่างเถอะ อยากได้ก็จะตั้งให้แล้วกัน ใครใช้ให้เธอตามใจเขาจนเคยตัวล่ะ!
“เสี่ยวตี้ เสี่ยวอู๋ เสี่ยวเปียน เลือกมาสักอัน”
ตี้อู๋เปียนโวยวายด้วยความโมโห “เธอไม่ตั้งใจตั้งเลยสักนิด!”
มู่เถาเยาถามด้วยความลังเล “แล้วฉัน…ตั้งไตหรือไง”
ตี้อู๋เปียนโมโหจนขำ
แต่ว่าเขาก็ชอบตั้งไตนะ แต่ก็อยากให้ตั้งใจกว่านี้หน่อย
“ถ้าเธอไม่อยากเรียกว่าที่รักหรือเบบี๋ งั้นเรียกสามีก็ได้”
มู่เถาเยา “…”
นี่สินะเป้าหมายที่แท้จริงที่งอแงไม่เลิก!
ถ้าให้พ่อเธอได้ยินคำว่าสามี ได้มีร้องไห้จนน้ำท่วมเผ่าแน่! แบบที่ปลอบยังไงก็ไม่ได้ผล!
ตี้อู๋เปียนงอแงกระทืบเท้า “ซาลาเปาน้อย! คุยกับฉันอยู่แต่เหม่อคิดถึงผู้ชายบ้าที่ไหนอีก!”
มู่เถาเยาเหล่มองเขา “สำหรับพ่อฉันแล้ว คุณต่างหากที่เป็นผู้ชายบ้า”
เอาเถอะ ตอนนี้เขาก็บ้าจริงๆ
เขาถึงได้พยายามให้หลุดพ้นจากฉายาที่ไม่ไพเราะนี่ไง!
ใครจะไปคิดว่าซาลาเปาน้อยไม่ร่วมมือด้วยเลยสักนิด!
ไหนว่าผู้หญิงชอบเข้าข้างแฟนไง ทำไมเธอถึงเข้าข้างพ่อเต็มร้อยแบบนี้!
“เอาล่ะ เลิกงอแงได้แล้ว รีบไปเถอะ ข้างในต้องสวยแน่”
“มีเหรอจะดูดีไปกว่าฉัน” ตี้อู๋เปียนเดินตามไปอย่างจนปัญญาทั้งที่ยังโกรธอยู่
มู่เถาเยาหันกลับมายิ้มตาโค้งง้อเขา “ไม่เลย คุณดูดีที่สุด!”
“ไม่ถูกสิ เธอต่างหาก”
“…”
ทำไมพูดอะไรก็ผิด เธอง้อไม่ถูกแล้วนะ
ทำไมเอาใจผู้ชายยากกว่าทำการทดลองอีก
ทันใดนั้นตี้อู๋เปียนก็หลุดขำสีหน้าของเธอ
เดินเข้าไปจูบปากเธอ “ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน ไปเถอะ ไปผจญภัยกัน”
มู่เถาเยาถอนหายใจ
เฮ้อ ถูกจดไว้อีกหนึ่งกระทงแล้ว
ช่างเถอะ เอาปัจจุบันไว้ก่อน
ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าต่อ ผ่านหุบเขาผาที่แสนงดงามเข้าไปในป่าทึบ
ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว สรรพสิ่งคืนชีพ แต่สิ่งที่คืนชีพไม่ได้มีแค่พวกต้นไม้ใบหญ้า ยังมีงูที่หลับใหลในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย
เมื่ออากาศเริ่มกลับมาอบอุ่น กอปรกับสภาพแวดล้อมที่ชื้น ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สัตว์ประเภทงูเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง เพราะหลังจากที่พวกมันตื่นจากจำศีลก็จะหิวมาก ย่อมต้องออกล่าอาหาร
แต่มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไม่กลัวงู
ต่อให้พวกเขาไม่พ่นยา งูก็กัดพวกเขาไม่ได้ ต่อให้กัด มันก็แค่ได้แต่ทิ้งรอยฟันให้พวกเขา
กินหญ้าพิษชีวิตกับน้ำตาของเจ้าขาวปุยไปแล้ว พิษที่รุนแรงที่สุดก็ยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้
“ซาลาเปาน้อย ที่นี่งูเขียวไผ่น่าจะเยอะที่สุดหรือเปล่า”
“เหมือนจะเป็นแบบนั้น” งูพิษที่พวกเขาเจอส่วนใหญ่เป็นงูเขียวไผ่
“ฉันจะถามพวกมันหน่อยว่าหุบเขานรกข้างหน้ามีสถานที่อะไรพิเศษไหม แล้วค่อยถามพวกต้นไม้ใบหญ้าว่าที่นี่มีสมุนไพรวิเศษอะไรบ้าง”
มู่เถาเยาอดขำไม่ได้ “ฉันลืมความสามารถพิเศษของคุณไปเลย”
“อันที่จริงปกติฉันก็ลืมไปแล้ว แต่พอเข้ามาในที่แบบนี้ถึงเพิ่งนึกออก”
เมื่อไรที่เข้ามาในป่าเขาก็จะนึกถึงสมุนไพร พอนึกถึงสมุนไพรก็จะจำได้ว่าตัวเองมีพลังวิเศษ
ตอนที่ 626 วังใต้ดินลึกลับ
เดินผ่านป่าทึบมาตลอดทาง เก็บสมุนไพรหายากไปหลายต้น มู่เถาเยาดีใจจนเป็นฝ่ายเข้าไปจุ๊บตี้อู๋เปียนก่อน
นับตั้งแต่รู้จักเขา ชีวิตเธอก็ง่ายขึ้น อยากได้สมุนไพรอะไรก็มีหมด!
ดังนั้นคนคนนี้ต้องเป็นของเธอเท่านั้น!
ฮี่ๆ…มู่เถาเยาแอบมีความสุขอยู่คนเดียว
ตี้อู๋เปียนก็มีความสุข เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มู่เถาเยาเป็นฝ่ายจุ๊บเขาก่อน
“ซาลาเปาน้อย วันนี้เดินถึงแค่ตรงนี้แล้วกัน พวกเราหาที่กางเต็นท์กันเถอะ”
“อืม ตรงนี้เป็นขอบหุบเขา ทั้งเนินทั้งขรุขระ ต้องลองหาดูก่อน”
“เขียวน้อยบอกว่าให้เดินขึ้นไปข้างบนอีกหน่อย ตรงนั้นมีเนินหินขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างเรียบ”
เขียวน้อยที่ว่านี้ก็คืองูเขียวไผ่ เรียกรวมกันว่าเขียวน้อยหมด เพราะหน้าตาพวกมันเหมือนกัน พวกเขาแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน
“ได้”
ทั้งสองคนเดินขึ้นต่อ ด้านหลังมีงูเขียวไผ่ตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง
ภาพแบบนี้ถ้าใครเห็นคงต้องกลัวขนหัวลุก
แต่สำหรับมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนแล้ว พวกมันก็เหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย สวยงามและเชื่องมาก
พอไปถึงจุดที่พวกเขียวน้อยบอกก็ถือได้ว่าเป็นตรงไหล่เขา
เนินหินขนาดใหญ่ตรงนี้ยื่นออกไปจากหน้าผารูปตัววี คล้ายสะพานแขวน ด้านล่างเป็นเหว ตรงกลางกลวง ดูอันตรายมาก บางคนจะเป็นลมตั้งแต่ยังไม่ก้าวเดินออกไปด้วยซ้ำ
ตี้อู๋เปียนเอามีดพกกรีดลงไปบนพื้นหิน มีเพียงรอยเล็กๆ
โยนก้อนหินที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไปตรงขอบเนินหินที่ยื่นออกไปในหุบเหวลึก แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นกับตรงนั้นเลยสักนิด นี่ก็แสดงว่ามันหนาแน่นมาก ยังไม่เกิดการสึกกร่อน
ตี้อู๋เปียนเดินขึ้นไปด้วยความระมัดระวังแล้วกระโดด ไม่มีสะเทือน จึงแน่ใจแล้วว่าเนินหินขนาดใหญ่ที่กางเต็นท์ได้ประมาณสามหลังตรงนี้ไม่มีทางแตกหักเพราะพวกเขานอนอยู่ด้านบนแน่
“ซาลาเปาน้อย ขึ้นมาสิ”
มู่เถาเยาจึงขึ้นไปสำรวจหนึ่งรอบ พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาจึงเดินไปตรงขอบแล้วมองลงไปตรงหน้าผา
จากตรงนี้สามารถได้ยินเสียงกระแสน้ำอย่างดุดันในหุบเขา แต่มองไม่เห็นก้นบึ้ง แสดงให้เห็นว่าน้ำที่อยู่ด้านล่างไหลเร็วขนาดไหน
“ซาลาเปาน้อย ตอนเย็นพวกเราไม่ต้องกางเต็นท์นอนหรอก ปูผ้าเอาก็พอ เกิดตรงนี้ถล่มพวกเราจะได้เหาะหนีทัน”
“อืม ของก็ไม่ต้องเอามาวางบนนี้ กลัวหยิบหนีไม่ทัน”
“งั้นก็แขวนไว้บนต้นไม้ข้างใน ไฟฉายจะได้แขวนไว้ตรงนั้นด้วย”
มู่เถาเยาพยักหน้า
พอจัดข้าวของเสร็จแสงก็เริ่มหมดลง
ตี้อู๋เปียนไล่งูเขียวไผ่ที่มากันยั้วเยี้ยออกไป หยิบผ้าห่มในกระเป๋าออกมาปูบนพื้น
มู่เถาเยาโรยยากันงูกับแมลงที่รอบๆ ผ้าห่ม ทั้งสองคนนั่งขัดสมาธิเดินกำลังภายในพลางฟังเสียงน้ำไหลแรงด้านล่าง
ต่อมาก็จูบแล้วนอน ไม่กล้าทำกิจกรรมอื่น กลัวเนินตรงนี้ได้รับแรงสะเทือนแล้วพวกเขาจะตกลงไปในสภาพล่อนจ้อน…แบบนั้นยิ่งน่าอาย!
วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่ทั้งสองคนก็ตื่นแล้วเดินกำลังภายในตามปกติ
พอดวงอาทิตย์ออกมาก็เลิก
“ซาลาเปาน้อย พวกเราเอาของไว้ตรงนี้แล้วลงไปสำรวจด้านล่างหน่อยเป็นไง”
“ได้” มู่เถาเยาก็กำลังคิดแบบนั้นพอดี
ครั้นแล้วคนหนึ่งก็เอากล้องถ่ายรูปแขวนคอ มือถือกล้องส่องทางไกล อีกคนสะพายกล่องยาใบน้อย ถือมีดพก ในกระเป๋าสะพายหลังมีของใช้อย่างเชือกปีนผา ไฟฉาย น้ำดื่ม เป็นต้น
ตี้อู๋เปียนนำหน้า มู่เถาเยาตามหลัง กระโดดเหาะลงไปตามความสูงของหน้าผา
เมื่อได้ยินเสียงน้ำชัดเจนขึ้นก็เห็นปากถ้ำที่สูงประมาณสองเมตร กว้างห้าเมตร
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วเหาะไปยืนบนต้นไม้ที่อยู่ตรงปากถ้ำสองด้าน ยื่นเอียงเข้ามาหาหน้าผา
“ซาลาเปาน้อย อยากเข้าไปดูหน่อยไหม ได้ยินว่าหุบเขานรกมีขุมทรัพย์ ถึงได้มีคนที่ไม่กลัวตายมาสำรวจเยอะแยะ”
อันที่จริงพวกเขาไม่แคร์ว่าจะมีขุมทรัพย์หรือไม่ มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ ก็แค่อยากไปสำรวจดู
“ไปสิ ถ้ำนี้ไม่น่าจะมีคนเคยมา” สถานที่ที่ใกล้ก้นเหวแบบนี้ยากที่จะมีคนหาเจอ เพราะคนทั่วไปลงมาจากด้านบนไม่ได้
“อืม”
ตี้อู๋เปียนกระโดดไปที่ปากถ้ำก่อน มู่เถาเยากระโดดตาม
ทั้งสองคนสวมไฟฉายที่หัว เดินเข้าไปด้วยความระมัดระวัง
เส้นทางคดเคี้ยว
ยิ่งเข้าไปด้านใน ถ้ำก็ยิ่งสูงยิ่งกว้าง
ครึ่งชั่วโมงต่อมามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็มีสีหน้าตะลึง
ในนี้เหมือนวังใต้ดินที่โออ่าสวยงาม!
เป็นร่องรอยของธรรมชาติที่ไม่เคยถูกกะเทาะตกแต่งมาก่อน
ถึงจะไม่เจอขุมทรัพย์ที่เล่าลือกัน แต่ใต้เท้าก็มีหินจำนวนมากที่หล่นมาจากเพดานถ้ำ ขาวบ้างเหลืองบ้าง เปล่งประกายระยิบระยับ
มันคือแร่ไพโรต์ หรือเรียกอีกอย่างว่าทองคนโง่
ผลึกคริสตัลสีเหลืองยิ่งแวววาวเมื่อตัดกับควอตซ์กึ่งโปร่งแสงสีขาว ทั่วทั้งถ้ำจึงเปล่งประกาย
“ซาลาเปาน้อยมานี่เร็ว”
“เจออะไรเหรอ เอ๊ะ ฟอสซิลเหรอ”
“ใช่ มหัศจรรย์จริงๆ !”
มู่เถาเยามองหาก้อนเล็กๆ สองก้อน เตรียมเอากลับไปให้อาจารย์ซังกับอาจารย์สวีสองนักธรณีวิทยาพ่อแม่ของซังเฟยลองศึกษาดู
ทั้งสองคนสำรวจรอบ ‘ห้องโถง’ ที่เหลืองอร่ามดุจวังใต้ดินนี้แล้วเดินเข้าไปข้างในต่อ
“ซาลาเปาน้อย เธอได้ยินเสียงน้ำไหลหรือเปล่า หรือว่าจะมีแม่น้ำซ่อนตัวอยู่” เพราะอยู่ในนี้ไม่มีทางได้ยินเสียงน้ำไหลจากข้างนอกแน่
“เป็นไปได้ คุณระวังบนหัวกับใต้เท้าไว้หน่อย”
“ฉันรู้ เธอก็ระวังด้วย”
“อืม”
ทั้งสองคนเดินสำรวจถ้ำลึกลับแห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้น
“ซาลาเปาน้อย สภาพพื้นมันลาดต่ำลงไป ฉันว่าแม่น้ำที่หลบอยู่ด้านในน่าจะเชื่อมกับด้านนอกนะ”
“อืม ระวังหน่อย เดินดีๆ น้ำไหลเร็วแบบนั้นถ้าตกลงไปโดนกระแสน้ำพัดไปแน่”
“วางใจได้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นหม้ายหรอก”
มู่เถาเยา “…”