อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 641 ผิดสัญญา ตอนที่ 642 เขาก็ยังหึงอยู่ดี
ตอนที่ 641 ผิดสัญญา ตอนที่ 642 เขาก็ยังหึงอยู่ดี
ตอนที่ 641 ผิดสัญญา
ช่วงเช้าวันอังคาร มู่เถาเยาพาตี้อู๋เปียนที่แปลงโฉมแล้วไปบ้านเหลยจื่อกับเซียวไห่หมิงโดยมีเฉิงซินกับเหลยโจวไปด้วย
เซียวไห่หมิงนอนโรงพยาบาลที่เมืองเยียนอวิ๋นสิบกว่าวัน เมื่อวานหลังกลับมาได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลผิงคังอีกครั้ง ไม่พบความผิดปกติจากการเคลื่อนไหวจึงกลับมารักษาตัวที่บ้าน
ตอนพวกมู่เถาเยาไปถึงสองสามีภรรยากำลังนอนผึ่งแดดเดือนเมษายนที่กำลังสบายที่สุดอยู่ตรงลานบ้าน
ในบ้านนอกจากจะมีสองสามีภรรยาแล้วยังมีพ่อแม่ของเซียวไห่หมิง พ่อแม่ของเหลยจื่อ หรือก็คืออาของเหลยโจว รวมถึงเด็กทั้งสามคน
พอรู้ว่ามู่เถาเยาจะมา เหลยจื่อจึงลาหยุดให้เด็กทั้งสามโดยเฉพาะ เพื่อที่เด็กๆ จะได้เจอพี่มู่เถาเยาที่พวกเขามักพูดถึงอยู่บ่อยๆ
เด็กแฝดสามมองมู่เถาเยา วิ่งเข้าไปหาพลางตะโกนเรียกด้วยความดีใจ
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งไล่ลูบหัวทีละคน “เสี่ยวตัน เสี่ยวหาน เสี่ยวเหิง ยังจำพี่ได้เหรอจ๊ะ” พวกเด็กๆ เคยเจอเธอแค่สองครั้ง
แฝดสามพยักหน้าหงึก ๆ
“พวกเราเห็นพี่สาวในทีวี! หม่ามี้บอกว่าพี่สาวเก่งมาก! วันหน้าหนูก็จะเก่งแบบพี่สาว!” เสี่ยวตันเงยหน้ามองมู่เถาเยา ดวงตาดำขลับเปล่งประกาย
เสี่ยวหานกับเสี่ยวเหิงได้ยินพี่สาวพูดแบบนี้ก็พยักหน้า พวกเขาก็อยากเก่งแบบพี่สาว!
พอเห็นเด็กๆ พูดเจื้อยแจ้วไม่จบไม่สิ้น ปู่เซียวจึงไปดึงพวกเขาออก “เสี่ยวตัน เสี่ยวหาน เสี่ยวเหิง ไปเล่นกับปู่นะ ให้พี่สาวรักษาคุณพ่อก่อน”
ปู่เซียวแต่งตัววัยรุ่น มองผิวเผินเหมือนอายุสี่สิบกว่า บอกว่าเป็นพ่อของเด็กๆ ก็ยังน่าเชื่อ
เขาก็เป็นช่างภาพ แต่ไม่เหมือนเซียวไห่หมิงลูกชาย เขาโด่งดังในวงการแฟชั่น ถ่ายให้นางแบบนายแบบหรือดาราโดยเฉพาะ
เดิมทีพ่อแม่ของเซียวไห่หมิงอาศัยอยู่กันเอง แต่ตอนนี้ลูกชายบาดเจ็บ พวกเขาเลยย้ายมาอยู่ชั่วคราว ช่วยเหลยจื่อลูกสะใภ้ดูแลหลานชายหลานสาว
พอพวกเด็กๆ ได้ยินคำว่ารักษาพ่อก็ไม่เกาะติดมู่เถาเยาอีก ไปเล่นตรงอื่นอย่างว่าง่าย
มู่เถาเยาฝังเข็มให้เซียวไห่หมิงตรงลานบ้าน เสร็จแล้วก็ให้เขากินยาที่เมื่อก่อนทำขึ้นเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
เหลยจื่อถามอย่างทนรอไม่ไหว “เสี่ยวเยาเยา ไห่หมิงเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
“ฟื้นฟูดีมากค่ะ ไม่ต้องถึงสามเดือนก็หายสนิทได้ค่ะ ไม่ทิ้งอาการหลงเหลือด้วย”
ครอบครัวเซียวครอบครัวเหลยต่างโล่งอก
มู่เถาเยาพูดต่อ “แต่ว่าจุดที่บาดเจ็บเยอะจะบาดเจ็บอีกได้ค่อนข้างง่าย ถ้าบาดเจ็บอีก ต่อให้รักษาหาย แต่พอแก่ตัวไปจะลำบาก อีกทั้งจะส่งผลต่ออายุไขไม่มากก็น้อยค่ะ”
สองขากับสองแขนของเซียวไห่หมิงเคยกระดูกหักไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ร่างกายมีร่องรอยบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ตอนนี้อายุยังไม่มาก กำลังวังชายังดี ไม่รู้สึกอะไร แต่ยิ่งอายุมากขึ้นร่องรอยบาดแผลเก่าๆ ก็จะค่อยๆ โผล่ออกมา
คนอื่นมองไม่เห็น แต่ตัวเองจะรู้สึกได้
พอได้ยินแบบนั้นทุกคนก็หันไปมองเซียวไห่หมิง
เซียวไห่หมิงก็ตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้สงสัยคำพูดของมู่เถาเยา
“ทุกคนวางใจได้ ต่อไปผมไม่ไปที่แบบนั้นแล้ว จะหันไปถ่ายนางแบบนายแบบกับดาราเหมือนคุณพ่อ”
“พูดจริงเหรอคะ” เหลยจื่อแอบสงสัยว่าตัวเองหูฝาด
เซียวไห่หมิงจับมือเหลยจื่อ พูดอย่างจริงจัง “ผมพูดจริง แถมยังพูดได้ทำได้ และก็ไม่มีทางเสียใจ”
ความเสียดายน่ะมีแน่ แต่ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้ มีได้มีเสีย
ครั้งนี้เกือบกลับมาไม่ได้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าการผจญภัยกับถ่ายภาพสำคัญกว่าชีวิตเขา แต่ภรรยากับลูกสำคัญกว่าการผจญภัยกับถ่ายภาพ
ตอนเห็นหน้าภรรยาที่เมืองเยียนอวิ๋น ความรู้สึกนี้มันยิ่งชัดเจน เขาถึงยินดีที่จะเลิกมัน
ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้แต่งงาน บางทีชีวิตนี้อาจไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เพราะระหว่างคุณภาพชีวิตกับจำนวน เขาเลือกคุณภาพแน่นอน
แต่ในเมื่อเขาแต่งงานมีลูกแล้ว ฉะนั้นก็ต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ของสามีและพ่อ ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ต่อพ่อตาแม่ยายตอนแต่งงาน
เจ็ดแปดปีที่แต่งงานมานี้ อาจื่ออกสั่นขวัญแขวนทุกวัน นี่ก็เท่ากับผิดสัญญาที่ตอนนั้นบอกว่า ‘จะทำให้เธอสุขสบายไร้กังวลไปตลอดชีวิต’
“ดีๆๆ! พวกเราจะได้หลับสนิทกันสักที!” พ่อของเหลยจื่อพูดว่าดีต่อเนื่องสามครั้ง ดีใจแทนลูกสาว
เมื่อก่อนเขาไม่พอใจลูกเขยมาก ลูกสาวของเขาจากที่มีน้ำมีนวลพอแต่งงานไปกลับผอมลงทุกวัน เขากับภรรยาก็พลอยเป็นห่วงไปด้วย
เซียวไห่หมิงพูดด้วยความรู้สึกผิด “พ่อครับแม่ครับ ขอโทษด้วยครับ ต่อไปผมจะไม่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้วครับ”
แม่ของเซียวไห่หมิงน้ำตาคลอพูดกับลูกชาย “เราน่ะทำผิดต่ออาจื่อกับลูกๆ ที่สุดแล้ว ต่อไปต้องใช้เวลากับพวกเขาให้มากๆ อย่าเที่ยวตะลอนๆ ไปไหนอีก”
ตอนที่ลูกสะใภ้เพิ่งแต่งเข้ามารูปร่างค่อนข้างอวบ น่ารักน่าเอ็นดู หลายปีมานี้เธอกับสามีเห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด ใช่ว่าจะไม่ปวดใจ แต่พวกเขาก็เอาลูกชายตัวเองไม่อยู่…
ตอนนี้ลูกชายยอมทิ้งงานความชอบที่ตัวเองรักเหมือนชีวิตเพื่อภรรยากับลูกๆ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่อิจฉา ยังประทับใจด้วย
“แม่ครับ ต่อไปผมไม่ไปไหนแล้วนอกจากทำงาน จะใช้เวลากับอาจื่อแล้วก็ลูกๆ ให้มากๆ ครับ”
ภรรยาของเขามีงานที่ดีมากตอนก่อนแต่งงาน แต่จำต้องลาออกเพราะต้องดูแลลูกสามคน ถ้าจะฝากพี่เลี้ยงดูแลตลอดทุกคนก็ไม่วางใจ
เธอยอมเสียสละเพื่อเขามากขนาดนี้ ทำไมเขาจะเสียสละเพื่อเธอบ้างไม่ได้
ตอนที่ 642 เขาก็ยังหึงอยู่ดี
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนกินข้าวกลางวันที่บ้านครอบครัวเซียวแล้วกลับไปนอนกลางวันที่เรือนอุ่นรัก
นอนกลางวันไม่มีอยู่จริง จะไม่ใช้ประโยชน์เจ้ากล่องน้อยที่ซื้อมาเมื่อวานตั้งเยอะแยะก็ไม่ได้หรือเปล่า
จนกระทั่งเลยบ่ายสี่โมงทั้งสองคนถึงอาบน้ำแต่งตัวไปบ้านศาสตราจารย์หลินของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
ฝีมือทำอาหารของหลินเฮ่าชุนไม่ธรรมดา ดีกว่าสวีเสี่ยวอวิ๋นที่เป็นแม่
มู่เถาเยากินอย่างมีความสุข
ตี้อู๋เปียนแอบคิดด้วยความเคืองใจ ดีนะที่เขาลงมือเร็ว ไม่อย่างนั้นซาลาเปาน้อยอาจถูกสุนัขตัวนี้คาบไปรับประทาน!
ดูเอาแล้วกันเธอชมไปตั้งกี่ครั้งแล้ว!
ท่าทางเขินอายของเจ้าสุนัขนั่นเห็นแล้วมันเกะกะสายตาจริงๆ!
ตี้อู๋เปียนตัดสินใจแล้วว่าพอไปหมู่บ้านเถาหยวนจะเรียนทำอาหารสิบหกถิ่นจากจางซุ่นเฟิงกับหยางฮุ่ย (+แปดถิ่นของเผ่าหมาป่าพระจันทร์)! จะไม่ให้ใครมาตีท้ายครัวเอาซาลาเปาน้อยไปได้เด็ดขาด!
ฮึ กับข้าวพวกนี้อร่อยตรงไหน เปรี้ยวก็เปรี้ยว!
กินเสร็จนั่งคุยกันสักพักตี้อู๋เปียนก็ลากมู่เถาเยากลับ
“ซาลาเปาน้อย เธอว่าหลินเฮ่าชุนเป็นยังไงบ้าง”
“มีพรสวรรค์ทางการแพทย์สูงมาก แถมทำอาหารเก่ง นิสัยก็สุภาพบุรุษอ่อนโยน…ข้อดีเยอะทีเดียว”
ตี้อู๋เปียนเหยียบเบรกทันที
มู่เถาเยาโน้มตัวไปข้างหน้าตามแรงเบรก ถ้าไม่ติดว่ารัดเข็มขัดนิรภัยไว้จะต้องพุ่งไปชนข้างหน้าแน่นอน
“คุณทำอะไร อยู่ ๆ เบรกทำไม”
“เธอถูกใจคนอื่นแล้ว จะไม่ให้ฉันเบรกรถร้องไห้หน่อยเหรอ”
มู่เถาเยา “…ฉันแค่ชมนิดหน่อยถือว่าถูกใจแล้วเหรอ”
“นิดหน่อยตรงไหน! ตอนกินข้าวเธอชมไปสิบแปดประโยค!”
“…เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”
ตี้อู๋เปียนพูดด้วยความโมโห “ใช่! กับข้าวแต่ละอย่างเธอชมอย่างน้อยสองประโยค! กับข้าวแปดอย่างซุปหนึ่งอย่าง! เธอลองนับดูแล้วกัน!”
“…”
ตี้อู๋เปียนเห็นเธอไม่พูดอะไรก็ยิ่งโมโห “ดูฉันสิ ไม่เคยแตะต้องใครเลยนอกจากเธอ! แต่เธอกลับมีคนมาตกหลุมรักมากมาย! หลินเฮ่าชุน เซี่ยซิงเฉิน เฉินหมิ่น เซียวถง…แล้วก็ลู่อะไรนั่นที่มาจากแดนที่ราบทุ่งหญ้าด้วย” พูดรวดเดียวสิบกว่าชื่อ!
มู่เถาเยาหมดคำจะพูดสุดๆ
หลินเฮ่าชุนกับลู่ซินหรานเป็นแค่ศิษย์น้อง
เธอสนิทกับศาสตราจารย์หลินและภรรยา ปู่ของลู่ซินหรานให้เข็มหางหงส์ที่เป็นของล้ำค่าแก่เธอมา อีกทั้งคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อาเล็ก อีกคนเป็นลูกศิษย์ของศิษย์พี่ใหญ่ แน่นอนว่าต้องสนิทกับเธอมากกว่าพวกรุ่นน้องคนอื่นหน่อย
พวกโจวซือหย่วนกับเซี่ยซิงเฉินก็ค่อนข้างสนิท เธอกับพวกเขายังมีงานคิดค้นหุ่นยนต์ผ่าตัดที่ต้องติดต่อกัน
พวกเฉินหมิ่นกับเซียวถงเป็นนักกีฬาก็ถือว่าเป็นอดีตเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมแข่งขัน
ยิ่งไปกว่านั้นอยู่กันคนละเมือง นานๆ จะเจอกันสักที
คนเหล่านี้ถือเป็นเพื่อนธรรมดาๆ ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ
ตี้อู๋เปียนพูดหน้าตาเฉย “ซาลาเปาน้อย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคุยกับพวกเขาบ่อยๆ!”
“…”
เธอแค่คุยในกลุ่ม! ทุกคนเห็นกันหมด!
ขณะที่มู่เถาเยากำลังจะพูดก็มีเสียงเคาะหน้าต่างรถ เป็นอาจารย์อาเล็กกับภรรยาที่เดินเล่นจากบ้านศาสตราจารย์หลินมาถึงตรงนี้
กู่ย่ายิ้มถาม “พวกเธอยังไม่กลับกันอีกเหรอ ไปนั่งดื่มชาที่บ้านหน่อยไหม”
ตี้อู๋เปียนรีบตอบทันที “ไม่แล้วครับน้ากู่ พวกเราจะกลับเดี๋ยวนี้แล้วครับ” กลับไปคิดบัญชีต่อ!
“จ้ะ ขับรถระวังนะ”
“ครับ”
ตี้อู๋เปียนเคลื่อนรถ ไม่นานก็กลับถึงเรือนอุ่นรัก
จับมู่เถาเยาไปนั่งที่โซฟา “ซาลาเปาน้อย ว่ามาเลยเธอจะตัดขาดกับผู้ชายพวกนั้นได้ไหม”
“พวกเขาเป็นแค่เพื่อน คุณงอแงไร้สาระ” มู่เถาเยารู้ว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้น จึงไม่โกรธ
ตี้อู๋เปียนย่อมรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของซาลาเปาน้อยกับผู้ชายพวกนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกหึง อดงอแงไม่ได้ ไม่ได้อยากให้เธอเลิกติดต่อกับผู้ชายพวกนั้นจริงๆ
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ซาลาเปาน้อย โจวซือหย่วน เซี่ยซิงเฉิน เฉินหมิ่น เซียวถง…พวกเขาชอบเธอกันหมด”
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเขาที่ผมนุ่มลื่นเป็นการปลอบโยน “เอาล่ะๆ ฉันไม่เคยเจอพวกเขาเป็นการส่วนตัวนอกจากเรื่องงานเลย ไม่มีอะไรเกินเลยด้วย คุณอย่าคิดมาก ถ้าฉันจะแต่งงาน สามีต้องเป็นคุณเท่านั้น”
ตี้อู๋เปียนเข้าไปกอด โอบเอวคอดของเธอแล้วจูบตั้งแต่ต้นคอไล่ไปที่หู
มู่เถาเยาเคลิ้ม
ตี้อู๋เปียนหัวเราะเบาๆ “ซาลาเปาน้อย มีแค่ฉันที่ทำแบบนี้ได้”
“อือ”
มู่เถาเยาหมุนตัวนั่งบนขาของเขา สองแขนโอบรอบคอตี้อู๋เปียน จูบรับเขา ทำต่อจากเมื่อตอนบ่าย
ทำเรื่องที่มีความสุขมักรู้สึกว่าเวลาทั้งคืนมันสั้นมาก
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสองคนก็ออกจากบ้าน กินอาหารเช้าข้างนอกแล้วไปบ้านของตี้อู่เหลียนจิงกับลู่จือฉินที่ลี่ว์อินการ์เด้น
มู่เถาเยากับลู่จือฉินคุยเรื่องงาน ตี้อู่เหลียนจิงกับตี้อู๋เปียนคุยสัพเพเหระ คนชราทั้งสองมองเสี่ยวลู่ลู่กำลังหลับสนิท
เวลาทั้งวันผ่านไปแบบนี้
ลู่จือฉินพูดเตือนก่อนกลับ “เสี่ยวเยาเยากลับเผ่าไปแล้วก็ไปเจอเหมียวฉีหน่อย ก่อนหน้านี้เหมียวฉีโทรหาอาจารย์ ถึงจะรวบรวมข้อมูลฝากพี่ใหญ่ของเสี่ยวเยาเยามาให้แล้ว แต่ไปคุยกับเธอหน่อยน่าจะได้อะไร เหมียวฉีมีพรสวรรค์ด้านยามาก”
“ค่ะ ระยะนี้หนูก็กำลังคิดอยู่ว่า ตำรับยาที่สืบทอดกันมาของตระกูลเหมียวไม่ว่าจะเอามาผสมกันยังไง หลักๆ ก็ใช้กับสมอง แถมสมุนไพรแต่ละชนิดในตำรับยาโบราณก็เชื่อมโยงกับดวงตาอยู่บ้าง นี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ‘สรรพสิ่งหายไปได้’”
คนเป็นๆ พอโดนยาก็อันตรธานหายไป ประหนึ่งล่องหน หลังจากนั้นยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย แม้แต่ความทรงจำก็ว่างเปล่า ปรากฏการณ์ประหลาดที่ไม่เคยมีมาก่อนแบบนี้ควรค่าแก่การวิจัย
“ห้ามดูถูกภูมิปัญญาของคนโบราณเชียวนะ เสี่ยวเยาเยา สมุนไพรแต่ละชนิดแยกออกมาวิเคราะห์เดี่ยวไม่มีประโยชน์หรอก อาจารย์เคยลองแล้ว เธอไม่ต้องเสียเวลาทำนะ ต้องหาความเกี่ยวข้องของพวกมัน ตอนนี้อาจารย์ยกหน้าที่ให้เธอก่อน เปลี่ยนคนทำอาจค้นพบอะไรใหม่ก็ได้”
มู่เถาเยาพยักหน้า อุ้มเอกสารกองใหญ่ออกจากบ้านตี้อู่พร้อมตี้อู๋เปียน