อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 71 ปาอินคือบราคอน
ตอนที่ 71 ปาอินคือบราคอน
ทั้งสามคนเพิ่งเดินเข้าประตูไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ของมู่เถาเยาก็ดังขึ้น
เฉิงอันนั่วอาสาไปรับคนที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่า
แม้ว่าเขตเรือนอุ่นรักจะไม่หรูหราเท่าเขตเซิ่งซื่อฉางอัน แต่ก็ยังคงเป็นวิลล่าที่ยอดเยี่ยม บุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปโดยพลการหากคนที่อาศัยอยู่ในเขตนี้ไม่ออกมารับด้วยตัวเอง
มู่เถาเยายื่นโทรศัพท์ให้เฉิงอันนั่วหลังจากบอกคนที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนออกไปรับเขา
ไม่นานชายสองคนก็เดินเข้าประตูมาพร้อมกัน
มู่เถาเยารู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นปาเฝ่ย
นี่คือ…หมอแน่เหรอ ทำไมหน้าตาอย่างกับโจรภูเขาในชาติที่แล้วของเธอเลย
เฉิงอันนั่วเองก็มีท่าทีหวาดระแวงเช่นกัน
เขาโทรออกไป N ครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าปลายสายคือมือถือที่อยู่ในมือของคนคนนี้จริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าพาคนคนนี้กลับมา!
“พี่คะ” ปาอินวิ่งขึ้นไปทักทาย ‘โจรภูเขา’ พร้อมรอยยิ้ม
‘โจรภูเขา’ ลูบหัวเธอเบาๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยน
สองศิษย์อาหลานมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างก็เห็นความรู้สึกยากจะอธิบายในดวงตาของกันและกัน
“เจ้าหญิงน้อย”
ปาเฝ่ย ชายผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ หนวดเครารกครึ้ม และมีบรรยากาศรอบกายเหมือนกับโจรภูเขาก็ไม่ปานคารวะมู่เถาเยาตามแบบฉบับของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
“สวัสดีค่ะ ดร.ปา ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์ส่งหนังสือให้ฉัน”
“เป็นเกียรติของผมแล้วครับ”
หลังจากสนทนาแลกเปลี่ยนกันเล็กน้อย ปาเฝ่ยก็เปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยหนังสือทางการแพทย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือโบราณที่หายากมาก
ดวงตากลมโตของมู่เถาเยาเป็นประกายระยิบระยับทันที
เฉิงอันนั่วเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “หนังสือหลายเล่มนี้ผมเคยได้ยินชื่อมาก่อนแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นกับตาจริงๆ ยังคิดว่ามันสูญหายไปแล้วซะอีก!”
ปาเฝ่ยยิ้มอย่างภาคภูมิใจพลางพูดว่า “บางส่วนในนี้เป็นของเผ่าพระจันทร์ที่เก็บสะสมไว้ แต่ก็มีบางส่วนเหมือนกันที่มาจากห้องหนังสือส่วนตัวของตระกูลปาของเรา” ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหญิงน้อย อย่าหวังเลยว่าใครจะมีโอกาสได้เห็น!
“รบกวนแล้วจริงๆ ค่ะ หลังอ่านเสร็จฉันจะส่งคืนให้กับคุณโดยเร็วที่สุด”
“เจ้าหญิงน้อยไม่ต้องรีบเร่งขนาดนั้นก็ได้ครับ คุณชายรองบอกผมมาแล้วว่าขอเพียงมีเล่มไหนที่เจ้าหญิงน้อยชอบ คุณก็เก็บไว้ได้เลย”
“ไม่ดีกว่าค่ะ สุภาพชนไม่แย่งชิงของรักผู้อื่น”
ตระกูลปาเป็นตระกูลการแพทย์ที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ดังนั้นย่อมไม่มีใครที่ไม่รักหนังสือทางการแพทย์
ปาอิน “ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเยาเยากับพี่ชายคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารไว้รอ”
“โอเค ฝากด้วยนะ”
“สามารถเป็นประโยชน์ให้กับเจ้าหญิงน้อยได้นับเป็นเกียรติของฉันแล้ว!” ปาอินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
เฉิงอันนั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “งั้นผมจะไปช่วยปาอิน”
เดิมทีเขายังต้องการคุยกับอาจารย์อาเล็กและโจรภูเขา…แค่ก ปาเฝ่ยด้วย แต่จะให้แขกเข้าครัวทำอาหารเพียงลำพัง ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้าน ตามมารยาทแล้วเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม นายไปช่วยเธอเถอะ”
เฉิงอันนั่วคุยกับปาเฝ่ยอีกสองสามคำแล้วเดินนำปาอินไปที่ห้องครัว
“ปาอิน คนคนนั้นใช่พี่ชายของเธอแน่เหรอ”
“ก็ต้องใช่อยู่แล้วสิ ทำไม พวกเราหน้าตาไม่คล้ายกันเลยเหรอ” ปาอินหันกลับมาถามขณะที่ซาวข้าว
เฉิงอันนั่ว “…” คล้ายไม่คล้ายใจเธอน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ
คนหนึ่งสูงใหญ่บึกบึนอย่างกับวัว อีกคนตัวเล็กกระจิดริดเหมือนกับต้นหลิวน้อยๆ คนหนึ่งให้บรรยากาศเหมือนกับโจรที่เพิ่งลงมาจากภูเขา ส่วนอีกคนไร้เดียงสามีชีวิตชีวาเหมือนกับเด็กๆ…
บอกผมหน่อยว่าพวกคุณคล้ายกันตรงไหน!
“ไม่คล้ายกันนั่นแหละถูกต้องแล้ว!”
“เอ่อ…หมายความว่าไง”
“ก็แม่ของฉันเป็นแม่เลี้ยงของพี่ชายฉัน”
เฉิงอันนั่วร้องสบถในใจไปสามร้อยล้านคำ
“อย่าคิดมากน่า แม่ของฉันไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายแบบนั้นสักหน่อย”
เอาเถอะ ดูจากปฏิสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ก็ดูจะสนิทสนมกันดี ไม่คล้ายกับครอบครัวที่แตกแยกหรือมีปัญหาพวกนั้น ดังนั้นเฉิงอันนั่วจึงเชื่อคำพูดของปาอิน
“พี่เธอ…ดูแก่กว่าเธอหลายปีเลยนะ”
“อื้ม พี่ชายฉันอายุยี่สิบเก้าแล้ว ส่วนฉันอายุสิบเก้าปี”
“พี่เธอเพิ่งอายุยี่สิบเก้าเองเหรอ” หน้าตาอย่างกับสามสิบเก้า!
“ใช่ พี่ชายฉันเพิ่งอายุยี่สิบเก้าปี! แต่เขาแตกต่างจากหมอเทวดาคนอื่นๆ ที่รักความสะอาดเป็นพิเศษเล็กน้อย แต่พี่ชายฉันไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไร”
เฉิงอันนั่ว “…”
นี่มันยิ่งกว่าคำว่า ‘ไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่’ อีกไหม! เรียกว่าโตมาอย่างคนเถื่อนยังนับว่าเกรงใจเลย!
“นายอย่าได้ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของพี่ชายฉันตอนนี้หลอกเอาเชียว ที่จริงเขาหล่อมาก พี่ชายฉันเหมือนกับพ่อฉัน เขาหล่อมากๆ!”
“…” ไม่ยักกะดูออก!
ทั้งหน้ามีแต่หนวดเครารกครึ้ม ดูไม่ออกว่าหล่อตรงไหน!
อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาหุ่นดีทีเดียว!
“เสี่ยวอันนั่ว…”
“อย่าเรียกฉันว่าเสี่ยว!” เขาไม่เด็กแล้ว!
“ก็ฉันกับเสี่ยวเยาเยาเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน นายอ่อนกว่าเสี่ยวเยาเยาหนึ่งรุ่น ทำไมถึงจะเรียกนายว่าเสี่ยวไม่ได้!”
เถียงไม่ออกแฮะ!
“…ด้วยรูปลักษณ์ของพี่ชายเธอแบบนั้น ตอนตรวจคนไข้เขาไม่ทำให้เด็กร้องไห้เลยเหรอ”
“พี่ชายฉันไม่ใช่กุมารแพทย์ แต่เป็นอายุรแพทย์ เขาเก่งเรื่องศัลยกรรมและการผ่าตัดเป็นพิเศษ เสี่ยวอันนั่ว ขอบอกเลยนะว่าพี่ชายเก่งมาก…”
ปาอินกลายร่างเป็นทรัมเป็ตน้อยๆ ที่เอาแต่บ่นๆๆๆ
เฉิงอันนั่วเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์ปู่ตอนถูกอาจารย์อาเล็กของเขาบ่นทันที
“…เอาตรงๆ เลยนะ รูปลักษณ์ของพี่ชายเธอตอนนี้ทำเอาฉันสับสนว่าเขาใช่หมอจริงๆ หรือเปล่า”
“นาย! นายมันมองคนจากภายนอก!” ปาอินโมโหเล็กน้อย
“ก็มันไม่เหมือนจริงๆ นี่นา! ถ้าถามฉันว่าเขาดูเหมือนคนทำอาชีพอะไร บอกเลยว่าเหมือนพวกนักเลงทหารมาก”
“ฮึ่ม พี่ชายฉันเป็นหมอทหาร! ถ้าเขาโกนหนวด เขาจะหล่อกว่านายเป็นสิบเท่า!”
“ไร้สาระ! ฉันหล่อที่สุดแล้ว!”
“พี่ฉันหล่อกว่า!”
“ฉันหล่อกว่าพี่ชายเธอแน่นอน!”
ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ
มู่เถาเยาผู้มีความสามารถในการได้ยินดีเยี่ยม เมื่อได้ยินคำโต้เถียงของพวกเขาจากในห้องนั่งเล่น ดวงตางดงามคู่นั้นก็โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ
“เสี่ยวอินนับถือคุณมากจริงๆ นะคะ”
“โรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมต้นที่ดีที่สุดในเผ่าล้วนอยู่ใกล้บ้านยายของอินอิน ดังนั้นหลังจากที่พ่อผมและคุณน้าแต่งงานกัน ช่วงระหว่างเข้าเรียนชั้นมอต้นและมอปลายผมเลยอาศัยอยู่ที่บ้านยายอินอินเป็นหลัก อินอินเองก็เติบโตขึ้นจากบ้านหลังนั้น”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เป็นเรื่องปกติที่เด็กหญิงจะบูชาพี่ชายวัยรุ่นของเธอ
หลังจากฟังคนสองคนในครัวโต้เถียงกันเหมือนเด็กอนุบาล ความสนใจของเธอก็กลับมาที่ประเด็นที่พวกเธอเพิ่งพูดคุยกัน
“หมอปารู้จักหญ้าพิษชีวิต ดอกไม้สองชีวิต และดอกฉยงฮวาหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับดอกฉยงฮวามาก่อน แต่หญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตเคยได้ยินคุณปู่พูดถึงสองสามครั้ง”
“หมอเทวดาปาถิงรู้จักหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตด้วย!” น้ำเสียงของมู่เถาเยาฟังดูคาดไม่ถึงเล็กน้อย
“ก่อนที่ปู่ของผมจะเสียชีวิต เขาเคยพูดว่ารู้สึกเสียดายที่ในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ไม่มีโอกาสได้เห็นหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตกับตาตัวเอง ผมจึงมีโอกาสถามถึงหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิต น่าเสียดายที่ปู่เองก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก เขาแค่บอกว่าเคยมีหมอผู้หญิงในชนบทคนหนึ่งเล่าเขาให้ฟัง”
“หมอผู้หญิงในชนบทเหรอคะ คุณพอจะรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนจากที่ไหน”
“คนจากหมู่บ้านตงจี๋ของประเทศเหยียนหวงนี่แหละ”
“หมู่บ้านตงจี๋? รู้สึกว่าจะเป็นหมู่บ้านที่อยู่แถบชายแดนตรงจุดกึ่งกลางระหว่างประเทศเหยียนหวง เผ่าหมาป่าพระจันทร์ และประเทศเหมียนซาน สามประเทศนี้หรือเปล่าคะ เท่าที่รู้เหมือนว่าที่นั่นจะมีท้องฟ้าสีครามเมฆสีขาว ธารน้ำใสผืนหญ้าเขียวชอุ่ม ทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาลก็งดงามจับตา” มู่เถาเยาเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาบ้างแล้ว
ไม่ใช่เพราะภูเขา แม่น้ำ และทุ่งหญ้าที่งดงามประหนึ่งหลุดออกมาจากภาพวาด แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมทางการแพทย์ของที่นั่น
เนื่องจากพวกเขาต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมาอย่างยาวนาน ผู้คนแถบชายแดนตะวันออกจึงได้สร้างระบบการแพทย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองขึ้น ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ทางการแพทย์อันมีค่าเหล่านั้น
คำนิยามทางการแพทย์หกคำของพวกเขาที่ว่า ‘ปราศจากพิษไร้โรคภัย’ สิ่งนี้สอดคล้องกับความคิดของมู่เถาเยาพอดิบพอดี
แพทย์ทางแถบชายแดนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการวินิจฉัย การรักษา ป้องกัน และการใช้ยาอย่างลึกซึ้ง พวกเขายังมีเอกลักษณ์ในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว แปรรูป และหลอมสกัดยา ซึ่งชื่อของยา สมุนไพรและโรคจำนวนมากก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านที่ตั้งขึ้น
ทุกวันนี้วิธีการรักษาผดผื่นตามวิธีการเฉพาะของชนเผ่าได้รับความนิยมและความเชื่อถือจากประชาชนอย่างกว้างขวาง และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘คลังสมบัติ’ ของตำรับยาแผนโบราณในประเทศ!
ถ้าเรียกเมืองเย่ว์ตูว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาทางการแพทย์ของโลก ชายแดนแถบตะวันออกก็คือศูนย์กลางที่สำคัญในการส่งออกสมุนไพรและวัตถุดิบยาทั้งหมด!
หมู่บ้านเถาหยวนซานตั้งอยู่ทางตอนใต้สุด มีวัตถุดิบยามากมายที่หาได้จากป่าดึกดำบรรพ์ แต่ก็จำกัดเฉพาะสมุนไพรป่าที่ขึ้นในเขตของป่าเซียนโหยวเท่านั้น
แต่เมืองแถบชายแดนตะวันออกเต็มไปด้วยสมุนไพรป่าและสมุนไพรที่เพาะปลูกขึ้นเองทุกหนทุกแห่ง
เนินเขาเขียวขจีเรียงต่อกันและไม่มีสัตว์ร้ายใดๆ คนธรรมดาสามารถขึ้นเขาเพื่อไปเก็บสมุนไพรได้ทุกเมื่อตราบเท่าที่พวกเขาต้องการ ทรัพยากรยาจึงมีอยู่มากมายเกินพอ
นอกจากหมู่บ้านเถาหยวนซานในอำเภอหลินซีเมืองเฟิงตูที่เธออาศัยอยู่แล้ว สถานที่ที่มู่เถาเยาชื่นชอบมากที่สุดคือเมืองชายแดนเล็กๆ ในเขตตะวันออกสุดของประเทศที่มีประเพณีพื้นบ้านที่หยั่งลึกและเข้มแข็ง