อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 88 โรคเบื่ออาหาร
ตอนที่ 88 โรคเบื่ออาหาร
มู่เถาเยาเดินเข้าไปในห้องเรียนพร้อมกับแล็ปท็อปในมือข้างหนึ่งและผลนมหมาป่าถุงใหญ่ในมืออีกข้างหนึ่ง
เมื่อนักเรียนได้กลิ่นหอม พวกเขาก็ปรี่เข้ามาล้อมเธออย่างเป็นธรรมชาติ
หมิ่นชีสยาหันหน้ามาถาม “เสี่ยวเยาเยา วันนี้เธอก็เอาผลนมหมาป่ามาอีกแล้วเหรอ”
“อื้ม คราวนี้แบ่งให้ทุกคนได้คนละสองผล ที่เหลือฉันจะเก็บไว้ให้ภรรยาของศาสตราจารย์หลิน”
หวังหมิ่นชิ่น “ไม่รู้ว่าภรรยาของศาสตราจารย์หลินฟื้นความอยากอาหารแล้วหรือยัง เยาเยาเธอเอาไปให้ศาสตราจารย์หลินทั้งหมดเลยก็ได้นะ ให้เขานำกลับไปให้ภรรยากิน”
นักเรียนทุกคนกลืนน้ำลาย แต่ก็ยังพยักหน้า
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันมีประโยชน์เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันค่อยเอามาให้เธอใหม่”
เซียวเซียว “เสี่ยวเยาเยา เธอซื้อผลนมหมาป่ามากมายพวกนี้มาจากที่นั่นเหรอ”
“ญาติฉันอยู่ที่นั่นน่ะ”
ทุกคนเข้าใจพร้อมกันโดยอัตโนมัติว่าเธอมีญาติที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่นั่น พวกเขาเลยส่งของพวกนี้ให้เธอผ่านทางไปรษณีย์
หยางซี “ฉันได้ยินมาว่าผลนมหมาป่าพวกนี้ไม่มีการส่งออก มีเพียงเฉพาะผู้ที่เคยเดินทางไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์เท่านั้นถึงจะนำติดตัวกลับมาเป็นของฝากได้เล็กน้อย แต่ก็ยังมีจำนวนจำกัด และแต่ละคนนำกลับมาได้มากสุดเพียงสิบผลเท่านั้น เสี่ยวเยาเยาญาติของเธอซื้อพวกมันมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
ถึงขนาดแบ่งมาให้เพื่อนร่วมชั้นกินได้มากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงที่เธอส่งให้ครอบครัวและญาติสนิทเลย
“อืม คนพื้นเมือง”
นักเรียนทุกคนเริ่มเปลี่ยนความคิดว่าญาติของเธอคงแต่งไปเป็นสะใภ้และกลายเป็นคนท้องถิ่นที่นั่น
“ใกล้เริ่มคาบเรียนแล้ว ทุกคนมาหยิบไปเอง” น้ำเสียงโทนเด็กๆ ของมู่เถาเยาติดหัวเราะเล็กน้อย
ทุกคนลงมือทันที
แต่ทุกคนหยิบกันไปเพียงคนละผลเท่านั้น ไม่มีใครหยิบมากกว่านี้
นัยน์ตากวางสุกสกาวของมู่เถาเยาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อีกเดี๋ยวจะเป็นชั้นเรียนของศาสตราจารย์หลิน เอาไว้ค่อยถามเขาว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง
ถ้ามันมีประโยชน์ เธอจะให้ทั้งถุงนี้กับศาสตราจารย์ไปเลย แต่ถ้ามันใช้ไม่ได้ เธอก็จะแจกจ่ายพวกมันให้กับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ
ต่อให้เป็นโรคเบื่ออาหารขั้นรุนแรง เธอก็มีวิธีรักษาให้หายได้
ในชาติก่อนเธอเคยเผชิญหน้ากับเคสแบบนี้มาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าในชาตินี้ที่ความรู้ในหัวเธอเพิ่มพูนขึ้นมาก
หากเป็นเพียงอาการเบื่ออาหารเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเธอรักษาไม่ได้ งั้นก็หาที่ฝังศพตัวเองซะ จะได้ไม่ขายหน้าอาจารย์ทั้งสองชาติของเธอ
มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่โดดเด่นมากด้านการแพทย์ และมีสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์มากมาย ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ไม่ใช่อาจารย์ทุกคนจะสามารถรักษาผู้ป่วยได้
ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า ‘หมอไม่รักษาตัวเอง’ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ป่วยคนนี้คือคนที่ศาสตราจารย์หลินห่วงใย
หลังจากที่ทุกคนหยิบกันไปคนละลูกแล้ว มู่เถาเยาก็ย้ายถุงที่ยังเหลือผลไม้กว่าครึ่งถุงลงไปวางบนพื้นข้างโต๊ะ
ก่อนที่เสียงกริ่งของชั้นเรียนจะดังขึ้น ศาสตราจารย์หลินก็เดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างช้าๆ
“หืม ฉันว่าฉันได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยอีกแล้วนะ”
ใบหน้าของศาสตราจารย์หลินในวัยห้าสิบปีดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของเขากลับไม่ได้ลดลงเลย
“คิกคิก ศาสตราจารย์คะ เสี่ยวเยาเยา เอาผลนมหมาป่ามาอีกแล้วค่ะ แถมยังเหลือไว้ให้ศาสตราจารย์กว่าครึ่งถุงแน่ะ!”
นักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้สุดโบกมือและกัดผลนมหมาป่าโชว์ ทำให้ศาสตราจารย์หลินได้เห็นผลนมหมาป่าที่ส่งกลิ่นหอมของนมเข้มข้น
“โอ้ จริงเหรอ ถ้างั้นวันนี้อาจารย์คงได้เอากลับไปฝากยายแก่ที่บ้านเยอะหน่อยแล้ว” ศาสตราจารย์หลินเดินไปที่โต๊ะของมู่เถาเยาอย่างรวดเร็ว
เซียวเซียวหัวเราะเบาๆ “ศาสตราจารย์หลินคะ หนูว่าภรรยาของศาสตราจารย์ต้องไม่ชอบคำว่ายายแก่แน่ๆ !”
หวังหมิ่นชิ่นพยักหน้าตาม “ถูกต้อง ภรรยาของศาสตราจารย์หลินน่ะดูอย่างกับคนอายุสามสิบต้นๆ เธอไม่เหมาะกับคำว่าแก่เลย”
“ฮ่าฮ่า ยังคงเป็นพวกเธอที่รู้จักพูด! น่าเสียดายที่ภรรยาของฉันไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นเธอจะต้องมีความสุขและกินได้มากกว่านี้แน่ๆ !”
มู่เถาเยา “ศาสตราจารย์คะ ภรรยาของศาสตราจารย์กินผลนมหมาป่าได้ไหมคะ”
“กินได้สิ แต่เธอก็ยังไม่อยากอาหารอยู่ดี จะให้กินแค่ผลไม้อย่างเดียวคงไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“อืม ภรรยาของศาสตราจารย์เริ่มรู้สึกเบื่ออาหารตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”
“ขอฉันคิดดูก่อนนะ ดูเหมือนว่าจะเป็นเมื่อสามเดือนก่อน เธอกินน้อยลงเพราะต้องการลดน้ำหนักน่ะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เซียวเซียวถามด้วยความประหลาดใจ “ภรรยาของศาสตราจารย์ไม่เห็นอ้วนสักนิด! ทำไมต้องลดน้ำหนักด้วย”
“เธอบอกว่าที่บริษัทเธอมีสาวน้อยกลุ่มใหม่มา ทุกคนทั้งสวย ทั้งผอม เธอไม่อยากถูกเปรียบเทียบลงไป ก็เลยเริ่มกินน้อยลงทุกวัน เฮ้อ ต้องโทษฉันที่สะเพร่าไม่เอาใจใส่ เลยไม่ได้เอะใจเลยว่าปริมาณอาหารของเธอมันลดน้อยลงทุกที”
มู่เถาเยา “ขออนุญาตถามนะคะ ภรรยาของศาสตราจารย์ทำงานอะไรเหรอคะ มันเป็นงานที่จำเป็นต้องรักษารูปร่างของตัวเองมากเลยเหรอ”
“เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการห้องโดยสารของสายการบินหนึ่งน่ะ”
มู่เถาเยาพยักหน้าเข้าใจแล้ว “หนูคิดว่า ภรรยาของศาสตราจารย์ป่วยเป็นโรคแอนอรีเซียเนอร์โวซาค่ะ”
เซียวเซียว “เสี่ยวเยาเยา แอนอรีเซียเนอร์โวซา…ใช่โรคที่เรามักจะเรียกกันติดปากว่าโรคคลั่งผอมใช่ไหม”
“ใช่ นี่คืออาการป่วยทางจิตอย่างหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างและน้ำหนักของตนเองมาก ทำให้ควบคุมอาหารมากเกินไป สุดท้ายก็จะหมดความสนใจในอาหารและเบื่อที่จะกินพวกมัน”
“เสี่ยวเยาเยา ฉันจะรักษาโรคนี้ได้ยังไง” ศาสตราจารย์หลินตื่นตระหนก
เขารู้ว่ามู่เถาเยาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน หรือกล่าวอีกอย่างก็คือศาสตราจารย์ที่สอนหนังสือมู่เถาเยาทุกคนรู้เรื่องนี้
เนื่องจากอธิการบดีเจียงเรียกประชุมอาจารย์ทุกคนที่ต้องสอนมู่เถาเยาครั้งใหญ่ก่อนที่เธอจะมา!
แต่พวกเขาก็มักจะสงสัยว่าจุดประสงค์หลักในการจัดประชุมหลายครั้งนั้นเพื่อโอ้อวดพวกเขาหรือเปล่า มิฉะนั้นตลอดหนึ่งร้อยยี่สิบนาทีของการประชุม อธิการบดีจะอุทิศให้กับการชื่นชมเด็กสาวคนนี้ไปกว่าหนึ่งร้อยสิบนาทีได้อย่างไร!
ส่วนสิบนาทีสุดท้าย คือการเตือนแกมข่มขู่พวกเขาว่าอย่าได้บีบบังคับเธอ และปล่อยให้เธอทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่ต้องการ หลังจากฟังคำเตือนนี้ พวกเขายังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นบรรพบุรุษตัวน้อยที่รับมือยากอยู่เลย
หมอเทวดาหยวนรับคนแบบนี้เป็นศิษย์ได้ยังไง!
ศิษย์แบบนี้น่าจะซ่อนไว้ให้ลึกๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อชื่อเสียงอันดีงามของหมอเทวดาหยวนไม่ใช่เหรอ!
อธิการบดียังจะยกเธอขึ้นมาอวดอ้างอีก
คนที่ไม่รู้คงคิดว่าอธิการบดีเจียงกับหมอเทวดาเป็นศัตรูกัน ก็เลยจงใจยกเธอขึ้นมาเพื่อทำให้ชื่อเสียงของหมอเทวดาหยวนเสื่อมเสีย!
ผลลัพธ์คือ…
สาวน้อยคนนี้น่ารักและเชื่อฟังมาก! แถมในชั้นเรียนเธอยังตั้งใจฟังมากกว่าใครๆ !
ศาสตราจารย์ทุกคนแทบอยากจะยัดความรู้ทั้งหมดที่พวกเขามีเข้าไปในสมองน้อยๆ ของเด็กสาวคนนี้ที่กระหายในความรู้!
อ่าาา อยากลักพาตัวเสี่ยวเยาเยากลับบ้านไปเป็นลูกสาวจริงๆ !
“ศาสตราจารย์คะ ภรรยาของศาสตราจารย์จะกลับมาที่บ้านตอนเที่ยงใช่ไหม” มู่เถาเยาขัดจังหวะจินตนาการของศาสตราจารย์หลิน
“เอ่อ…ใช่ หลายวันนี้เธอลาป่วยนะ”
“ถ้างั้นตอนเที่ยงหนูจะไปจับชีพจรให้นะคะ”
“ตกลง เสี่ยวเยาเยาขอบคุณนะ”
“ศาสตราจารย์ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”
“อืม งั้นเรามาเริ่มคาบเรียนกันเถอะ”
มู่เถาเยายื่นถุงใส่ผลไม้ให้ศาสตราจารย์หลิน
หลังจากผ่านไปสี่สิบห้านาที ชั้นเรียนก็จบลง ศาสตราจารย์หลินจ้ำอ้าวออกไปพร้อมกับถุงผลนมหมาป่าขนาดใหญ่ในมือ
“เสี่ยวเยาเยา งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันมารับเธอกลับบ้านนะ”
“ศาสตราจารย์คะ แค่บอกที่อยู่มาว่าอยู่ตึกไหนก็พอแล้ว เดี๋ยวหนูไปที่นั่นเอง”
“ฉันเหลือคาบเรียนสุดท้ายพอดี”
“ถ้างั้นหนูไปรอศาสตราจารย์ที่ลานจอดรถหลังเลิกเรียน”
“อืม ฉันขอตัวก่อน”
“แล้วเจอกันใหม่ครับ อาจารย์”
“แล้วเจอกันใหม่ค่ะ อาจารย์” นักเรียนทุกคนโบกมือ
“แล้วเจอกันใหม่”
หลังจากมองตามแผ่นหลังศาสตราจารย์หลินที่รีบออกไปแล้ว เซียวเซียวที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็หันมาถามว่า “เสี่ยวเยาเยา เธอรักษาคนได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิ เพียงแต่ว่าฉันยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็เท่านั้น” เพราะสิ่งนี้ไม่จำเป็นในหมู่บ้านเถาหยวนซาน
และทุกครั้งที่ออกจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอก็อยู่กับอาจารย์ใหญ่เสมอ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนที่ได้รับการรักษาจากอาจารย์ใหญ่นั้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา เพราะคนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีช่องทางที่จะไปหาอาจารย์ที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษในหมู่บ้านเถาหยวนซานได้
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นย่อมฉลาดที่จะปิดปากเงียบ
ผู้อื่นใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แต่พวกเขากลับไปรบกวน จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ทำอะไรให้หมอเทวดาหยวนรู้สึกขุ่นเคืองใจ
หมิ่นชีสยาเหยียดข้อมือของเธอออกไปตรงหน้ามู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยา ฉันฟังตามที่เธอพูดและไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลผิงคังมาแล้วนะ อย่างที่เธอบอกเลย ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารจริงๆ นี่ก็กินยามาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอช่วยจับชีพจรให้ฉันหน่อยได้ไหม”
“ยังไม่หายดี กินยาต่อไปเถอะ”
“แต่เธอยังไม่ได้จับชีพจรให้ฉันเลยนะ อีกอย่างฉันรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว!”
“ดู ดม ถาม จับ แค่ดูจากสีหน้าเธอฉันก็รู้แล้ว ไหนเธอแลบลิ้นออกมาให้ฉันดูหน่อย”
เพื่อนร่วมชั้นต่างมองไปที่เธอเป็นตาเดียว
หมิ่นชีสยา “…”
เซียวเซียวเร่ง “ชีสยา เร็วเข้า! คาบเรียนต่อไปใกล้จะเริ่มแล้วนะ!”
หมิ่นชีสยาหลับตาและแลบลิ้นออกมา
มู่เถาเยามองดูแล้วพูดว่า “พอแล้ว”
“เร็วมาก!”
“งั้นยังต้องการอะไรอีกล่ะ”
“เอ่อ…ก็ไม่ได้ต้องการอะไร…”
“กินยาต่อไป แล้ววันศุกร์นี้เธอขอลาและไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอเปลี่ยนยาซะ โรคที่เธอเป็นอยู่นี้รักษาไม่ยาก แต่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและกินยาให้พอ”
“…อ้อ เข้าใจแล้ว ฉันจะฟังที่เสี่ยวเยาเยาพูดนะ”
“เด็กดี” มู่เถาเยาหรี่ตาและลูบหัวเธอเบาๆ
ทุกคนในชั้นเรียนดวงตาเป็นประกาย
อ้าาาา เสี่ยวเยาเยาเวอร์ชันนี้น่ารักมาก!!!