อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1 ข้ามเวลาไปอีกโลก
ปวด ปวดหัว ร่างกายก็ปวด โดยเฉพาะช่วงท้องน้อยแปรปรวนขึ้นลงอย่างผิดปกติเป็นระยะๆ กระทบกระเทือนกู้ชูหน่วนไม่หยุด
เธอสั่นเทาด้วยความเย็นยะเยือกอย่างฉับพลัน ตัวเองเป็นถึงสายลับระดับสูงสุดของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดควบด้วยตำแหน่งหมอระดับสุดยอดของโลก จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของตัวเองเกิดอะไรขึ้น
ยังไม่ได้จัดการความรู้สึกนึกคิดให้กระจ่าง ข้างหูก็เป็นเสียงพูดเองเออเองด้วยความอวดดี
“พี่สาว พี่อย่าได้โทษน้องเลย จะโทษก็ต้องโทษที่พี่ไร้ความสามารถไร้คุณธรรมทั้งยังหน้าตาไม่ดีอีก ก็เพราะเป็นคุณหนูสามที่เกิดจากเมียหลวง ดังนั้นตั้งแต่เล็กพี่จึงได้ถูกกำหนดให้เป็นพระชายาเจ๋อ คนที่เฉลียวฉลาดรูปงามมีความสามารถเช่นนั้น พี่จะคู่ควรได้อย่างไร”
“อนุแม่ได้ล่อคนของจวนเฉิงเซี่ยงเข้ามาแล้ว ประเดี๋ยวผู้ชายเหล่านั้นก็จะมาถึงแล้ว ท่านวางใจ ท่านโดนยาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ย จะทำให้ท่านมีความสุขถึงขีดสุดอย่างแน่นอน”
ความทรงจำที่ทั้งแปลกและคุ้นเคยพรั่งพรูขึ้นมาในจิตใจอย่างมหาศาล กู้ชูหน่วนโมโห โมโหอย่างรุนแรง
มดตัวเล็กๆ บังอาจกล้าวางแผนทำร้ายนาง
“รอผ่านวันนี้ไป ชั่วชีวิตนี้ของท่านก็อย่าได้คิดตะกายหาอ๋องเจ๋อ…….”
ซือ…….
กู้ชูหลันที่ยังคงอวดดีม่านตาหดลง ใบหน้าที่งดงามเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ถอยหลังไปสองสามก้าวโดยบังคับฝีเท้าตัวเองไม่ได้
กู้ชูหน่วนที่เดิมทีโดนยาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ยสลบหมดสติไปกลับยืนอยู่ต่อหน้าของนางอย่างคาดไม่ถึง และยังยิ้มอย่างน่ากลัวให้นางอีก รอยยิ้มนั้นราวกับว่ามาจากขุมนรกที่น่ากลัว ทำให้คนหวาดผวาเป็นที่สุด
“กึก”เสียงหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวอย่างไร ห้านิ้วกลายเป็นลงกรงเล็บ บีบคอนางไว้แล้ว กำลังนั้นเหมือนดั่งกำแพงเหล็กกำแพงทองแดง กลับทำให้นางไร้ปัญญาที่จะดิ้นรนให้หลุดพ้นได้
“อ๋องเจ๋อเฮงซวยนั่นจะตะเกียกตะกายไขว่คว้าข้าได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่เจ้าน่ะ ไม่มีโอกาสได้ไขว่คว้าเขาแล้ว”
พลังของกู้ชูหน่วนดุดัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งหยิ่งทะนง กู้ชูหลันตกใจแล้ว
นางสารเลวผู้นี้มีพลังที่แข็งกล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ในไม่ช้า นางก็กระวนกระวายแล้ว เพราะว่ากู้ชูหน่วนเอายาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ยอีกขวดบนตัวของนางมา กรอกเข้าในลำคอของนางทั้งหมด ทิ้งไว้ประโยคหนึ่งด้วยรอยยิ้มแต่ก็ได้ยิ้ม
“ยาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ยของดีเช่นดี ข้าจะเสพสุขคนเดียวได้อย่างไร”
“เจ้า……เจ้าคิดจะทำอะไร……”
“เจ้าคิดจะทำอะไร ข้าก็คิดจะทำอย่างนั้นน่ะสิ”
มือที่ขาวสะอาดเรียวยาวกดจุดฝังเข็มทำให้รู้สึกชาของกู้ชูหลัน เอาผ้าคลุมหน้าบนหน้าของนางออกอย่างสง่างาม และใส่ไว้บนหน้าของตัวเอง กวาดตามองกู้ชูหลันที่กระวนกระวายร้อนรนแวบหนึ่งด้วยความดูถูก เมื่อร่างกายแฉลบ ก็แฉลบไปอยู่ด้านหลังเสาเหมือนดั่งสายลมสบายๆเช่นนั้น มองดูชายฉกรรจ์ไม่กี่คนที่ถูมืออยู่ด้านนอกประตูและใกล้เข้ามาด้วยท่าทางลามกด้วยสายตาที่เย็นชา
“ไม่ได้บอกว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์ผู้หนึ่งหรือ? ทำไมถึงได้หน้าตางดงามขนาดนี้?”
“สนใจอะไรล่ะ อย่างไรเสียมีเงินแล้วก็มีผู้หญิงอีก คุ้มค่าเพียงนี้จะไม่ทำได้อย่างไร”
“หยุด คนสารเลวนั่นเพิ่งจะออกไป พวกเจ้ารีบไปหานาง เป็นข้าที่จ่ายเงินจ้างพวกเจ้านะ อ้า……..พวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะให้อนุแม่ของข้าฆ่าพวกเจ้า…….”
ดวงจันทร์มืดมิดลมแรง สถานที่หนึ่งในวัดล้าง มีเสียงเล็กๆน้อยๆของคนเงาคนไม่กี่คน กำลังแสดงสิ่งที่น่ารังเกียจเหลือจะทนเป็นฉากๆ
ในไม่ช้า ด้านนอกวัดล้างมีคนกลุ่มใหญ่เคลื่อนเข้ามาอย่างใหญ่โต นำโดยกู้เฉิงเซี่ยงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ท่านเฉิงเซี่ยงเจ้าคะ คุณหนูสามอาจจะคิดไม่ตกชั่วขณะ ถึงได้หนีตามคนใช้ออกจากบ้านไป รอจนนางคิดได้แล้ว ก็กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“ก็นั่นน่ะสิเจ้าคะ แม้ว่าคุณหนูสาม…….แต่นางก็ไม่ใช่คนไม่รู้ความ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรกับคนใช้อย่างแน่นอน……ซืด……”
ประตูใหญ่ถูกถีบออก ทุกคนล้วนตกตะลึงแล้ว สีหน้าของกู้เฉิงเซี่ยงดั่งถูกแทนที่ด้วยสีย้อมที่ทาลงไปเช่นนั้น
“สารเลว…….”
เสียงตะคอกด้วยความเดือดดาลเสียงหนึ่ง ทุกคนคุกเข่าลงไป
โดยเฉพาะอนุภรรยานางจางม่านตาหดลงมาก แทบจะไม่กล้าเชื่อ
“นายท่านระงับความโกรธเจ้าค่ะ นี่จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ หลันเอ๋อร์ไม่สามารถทำเรื่องประเภทนี้ได้เด็ดขาด”
ไฟราคะในร่างกายช่วงหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกช่วงหนึ่ง กู้ชูหน่วนไม่มีใจจะดูต่อไป
คนที่รักหน้าตาเหมือนกู้เฉิงเซี่ยงนั่น ลูกสาวของตัวเองถูกจับได้ว่ามีชู้ได้ต่อหน้า ฝ่ายตรงข้ามยังเป็นพวกนักเลงป่าเถื่อนสองสามคนอีก เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร
ฉวยโอกาสขณะที่วุ่นวาย กู้ชูหน่วนจากไปอย่างโซซัดโซเซ พยายามระงับความผิดปกติในร่างกายอย่างสุดความสามารถ
คิดวิธีการถอนพิษหลายวิธีก็ไม่มีผลยาเสน่ห์เชียนรื่อจุ้ยนี้ช่างรุนแรงเกินไปแล้ว ถ้าไม่ตาย ก็ถอนพิษ และวิธีการถอนพิษมีเพียงการร่วมรักเท่านั้น
ระหว่างตายและเสียบริสุทธิ์สองอย่างนี้ นางตัดสินใจเลือกอย่างหลัง
ภูเขาป่าไม้ที่เปล่าเปลี่ยว ไร้กลิ่นอายของผู้คน แล้วในขณะที่กู้ชูหน่วนแทบจะย่ำแย่ เบื้องหน้าก็ปรากฏแสงอาทิตย์แรกอรุณขึ้น
นั่นคือคนชุดดำสามคน ล้มระเกะระกะอยู่ที่พื้น จากอาชีพของนางที่ได้เผชิญมาอย่างโชกโชนหลายปี คนเหล่านี้ทั้งร่างโดนยาพิษประหลาด กำลังภายในหมดสิ้น จึงได้ลมอยู่ที่พื้น ไร้ปัญญาจะขยับตัว
กู้ชูหน่วนดีใจทันที เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว มุมปากพึมพำประโยคหนึ่ง “เป็นตัวผู้ทั้งหมด สวรรค์ไม่ใจร้ายกับข้า”
คนที่ล้มอยู่ที่พื้นต่างพากันมุมปากกระตุกทันที?
เป็นตัวผู้ทั้งหมด?
เหมือนว่าพวกเขาล้วนเป็นสัตว์?
มือเล็กๆเรียวๆของกู้ชูหน่วนเชยคางของคนชุดดำขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดทีละคน ส่ายหน้าด้วยความรังเกียจ “รูปร่างพอได้ หน้าตาไม่ได้”
“ผอมเกินไปแล้ว ลูบแล้วไม่มีความรู้สึก”
“…….”
สีหน้าของคนชุดดำสองคนก่อนหน้าไม่น่าดูเป็นที่สุด
นี่เป็นผู้หญิงบ้านผู้ใดกัน?
การวางตัวล่ะ?
เย่จิ่งหานที่มีชื่อเสียงว่าเย็นชามาโดยตลอดมุมปากยกขึ้น ดวงตาที่เหมือนดั่งบึงน้ำอันเย็นยะเยือกมองไม่เห็นก้นบึ้งย้อมไปด้วยรอยยิ้ม แฝงไปด้วยความสนใจเล็กน้อย
ในไม่ช้า คางของเขาก็ถูกเชยขึ้นด้วยความบ้าอำนาจ ดวงตาของผู้หญิงเบื้องหน้าสุกใสราวกับดวงดาวประทับเข้าในดวงตาของเขา
ดวงตาสี่ดวงประสานกัน ผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมหน้า ผู้หนึ่งสวมหน้ากากหน้าผี มองโฉมหน้าของฝ่ายตรงข้ามไม่ชัดเจน ทว่าในดวงตาของทั้งสองคนล้วนแฝงไปด้วยการถามไถ่อย่างล้ำลึก
กู้ชูหน่วนเปิดหน้ากากหน้าผีของเขาออก ในตามีความตกตะลึงแฉลบผ่าน
นั่นเป็นผู้ชายรูปงามบุคลิกความสามารถเลิศล้ำที่สุดของยุคอย่างไร คิ้วคมเอียงขึ้น ดวงตาเหมือนดวงดาวที่เย็นยะเยือก ขอบและมุมของตาหูจมูกปากเห็นได้ชัดดั่งแกะสลัก หาจุดด้อยไม่ได้แม้แต่น้อย ราวกับเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่สุดของสวรรค์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ สีหน้าของเขาซีดเผือดเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ รอบตัวของเขาก็ยังคงแผ่พลังอำนาจอันร้ายแรงและความสูงศักดิ์สง่างามเหมือนธรรมชาติออกมาได้อย่างสมบูรณ์
จิตใจของกู้ชูหน่วนเต้นเร็วมากขึ้นอีกเล็กน้อย ผู้ชายหน้าตาเช่นนี้ ก็ยังเป็นปีศาจจริงๆ
เย่จิ่งหานเห็นความตกตะลึงในดวงตาของนาง มีความภูมิใจเล็กน้อย แต่ผู้หญิงด้านหน้ากลับจ้องมองขาสองข้างที่พิการของเขาอย่างฉับพลัน ประโยคหนึ่งต่อจากนั้น ทำให้เขาตะลึง จากนั้นความเดือดดาลก็พรั่งพรูออกมาอย่างมหาศาล แทบจะบีบคอนางให้ตายด้วยความดุร้าย
“คิดว่าเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนกระจอก น่าเสียดายใบหน้านี้ ช่างเถอะ ใครให้ข้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหน้าตา ฝืนแก้ขัดไปก่อนละกัน”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เย่จิ่งหานประกอบประโยคหนึ่งเค้นออกมาจากในซอกฟัน มีความหมายข่มขู่เป็นที่สุด
ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจหรือไม่ที่จะเพิกเฉยต่อคำเตือนในคำพูดของเขา ตาสองข้างยิ้มเป็นพระจันทร์เสี้ยว “รู้ เป็นเครื่องมือถอนพิษของข้า วางใจได้ ข้าจะทะนุถนอมท่านเป็นอย่างดี”
ตื๊ด…….
คนชุดดำทั้งสองตกใจอย่างสุดขีด แล้วมองดูใบหน้าที่แดงสดใสของนางอีกครั้ง ลางร้ายในจิตใจค่อยๆเพิ่มขึ้น
ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้โดนยาแล้วคิดจะเอาเจ้านายของพวกเขาเป็นยาถอนพิษหรอกนะ?
ผู้หญิงคนนี้เอาความกล้าแบบสุนัขมาจากที่ไหน นางรู้หรือไม่ว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ ในมือกุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ พลิกฝ่ามือเป็นก้อนเมฆกลับฝ่ามือเป็นฝน เพียงแค่ประโยคหนึ่งของเขา นางก็จะตายโดยไร้ที่ฝังศพแล้ว?
แล้วนางรู้อีกหรือไม่ว่า เจ้านายของพวกเขาเกลียดคนที่รังเกียจขาสองข้างที่พิการของเขาเป็นที่สุด
แล้วมองดูผู้หญิงนี้อีก ร่างกายเล็กๆ เสียแรงลากเจ้านายของพวกเขาเข้าไปในพุ่มไม้ การกระทำรีบร้อนอดทนรอไม่ไหว พวกเขาก็กระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะกล้า…….