อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 102 หากเจ้าชอบ ข้ามอบให้
เจียงซวี่กล่าวอย่างตึงเครียด “เจ้าสำนักชิง ท่านปล่อยปละลูกน้องเช่นนี้เชียวหรือ?”
เจ้าสำนักชิง เล่นขลุ่ยหยกอย่างเอื่อยเฉี่อย แววตาเบื่อหน่ายและเย็นชาแฝงเสี้ยว ความเย็นชาที่เห็นได้ยาก น้ำเสียงของเขาใสน่าฟัง ราวกับเสียงธารน้ำตก แต่สิ่งที่เขาพูดกลับทำให้เจียงซวี่โมโหจนแทบจะกระอักเลือด
“ลูกน้องของข้าตรงไปตรงมาและจริงใจ แตกต่างจากบางคนที่แอบอ้างบารมีเสือใช้กำลังรังแกผู้อื่น ท่านเจียงคิดว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไร?
“เจ้า สำนักอสุราของเจ้าก็ร้ายกาจ เผ่าปีศาจของข้าก็ร้ายกาจ ถ้าจะต้องสู้กันจริงๆ พวกเจ้าก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรหรอก ”
“เจ้าหรือ? อยากจะฆ่าพวกข้ายังเร็วไปหน่อยมั้ง และบางเรื่องก็ต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ก็ตามนั้นแหละ”
ไม่รอให้เจียงซวี่ได้ตอบ ค้อนเหล็กหนักร้อยชั่งของเริ่นหู่ก็ทักทายเขาเข้ามา
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าทั้งสองคนข้างเจียงซวี่ที่ตาไวมือไว ยื่นมือมาจัดการได้ทัน เจียงซวี่คงจะถูกค้อนเหล็กทุบตายไปแล้ว
ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันชุลมุน
ครั้นเหล่าผ่าปีศาจที่เดิมเปี่ยมด้วยศักดา วรยุทธ์ล้ำลึกมิอาจคาดเดาพบกับคนของสำนักอสุราแล้วก็แทบถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว
เริ่นหู่และฝูกวงนำกลุ่มมือดีแห่งสำนักอสุรา ถล่มเผ่าปีศาจและคนอื่นๆ ด้วยกำลังมหาศาล
และเจ้าสำนักชิงเองก็แขวนรอยยิ้มแปลกๆที่มุมปากอยู่ตลอด ตั้งแต่ต้นเขาไม่ลงมือเลยแม้แต่น้อย
ดูไม่ออกเลยว่าวรยุทธ์ของเขาล้ำลึกเพียงใด
เซียวหยู่เซียนกลืนน้ำลาย พูดด้วยเสียงสั่นเทาว่า “วรยุทธ์ของเผ่าปีศาจก็ว่าสูงส่งแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของสำนักอสุรากลับสูงส่งไร้เทียมทานยิ่งกว่า ยัยขี้เหร่ถ้าพวกเขาต้องการกระดิ่งทลายวิญญาณจริงๆ ข้าว่าพวกเราก็ให้กระดิ่งทลายวิญญาณกับพวกเขาไปเถอะ พวกเราสองคนรวมกัน ก็คงเอาชนะพวกเขาสักคนไม่ได้”
กู้ชูหน่วนเท้าคางแล้วมองไปที่ฉากต่อสู้ตะลุมบอนอย่างสบาย ๆ
“ให้พวกเขางั้นหรือ?”
ทำไมนางกลับรู้สึกว่าสิ่งที่สำนักอสุราต้องการไม่ใช่กระดิ่งทลายวิญญาณล่ะ?
นักฆ่าสองสามกลุ่มแรก สายตาต่างก็จ้องกระดิ่งทลายวิญญาณในอกของเธอ แววตาเต็มไปด้วยความโลภ แต่สายตาผู้คนในสำนักอสุรากลับไม่ได้อยู่ที่กระดิ่งทลายวิญญาณในอกของเธอเลย แต่ส่วนมากกลับเป็นไหล่ที่บาดเจ็บของเธอต่างหาก
เมื่อมองไปที่เริ่นหู่และฝูกวง แม้พวกเขายังอายุไม่มาก แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานี โดยเฉพาะฝูกวงความเร็วที่น่ากลัวและไร้ความปรานีนั้นแม้แต่นางยังต้องละอาย
คนของสำนักอสุราช่างร้ายกาจจริงๆ
“ปัง ปัง ปัง”
มือดีหลายสิบคนที่เจียงซวี่พามาถูกฆ่าตายทั้งหมด ผู้เฒ่าสองคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจียงซวี่ยิ่งถูกรุมอยู่ฝ่ายเดียว
แค่พริบตาเดียวร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล
เริ่นหู่ต้องการทุบเจียงซวี่ให้ตายด้วยค้อน แต่เจ้าสำนักชิงกลับพูดอย่างเนือยๆ ว่า “กลับไปบอกหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ บางเรื่อง ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะแตะก็แตะได้”
เจียงซวี่ทั้งตกใจทั้งโกรธ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เขาทำได้เพียงจากไปอย่างคับอกคับใจพร้อมกับผู้เฒ่าสองคนด้วยความสิ้นหวัง ไม่มีความเย่อหยิ่งเมื่อสักครู่อีก
เริ่นหู่ไม่พอใจ “ท่านเจ้าสำนัก ทำไมเราต้องปล่อยให้พวกมันหนีไปด้วย? เจ้าคนแซ่เจียงนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร”
เจ้าสำนักชิงยื่นมีดเย็นออกมา เริ่นหู่ถึงได้ก็ก้าวถอยหลัง แต่เขาก็ยังไม่วายก่นด่าพึมพำ
เจ้าสำนักชิงอมยิ้มและเดินไปหากู้ชูหน่วนทีละก้าว ทีละก้าว
เซียวหยู่เซียนกัดฟันข่มความเจ็บปวด ขวางอยู่ข้างหน้ากู้ชูหน่วน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่เขา เดินผ่านเขาไปแล้วยืนอยู่ข้างหน้าเจ้าสำนักชิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “พี่ชายสุดหล่อ ขลุ่ยหยกของเจ้าสวยมาก ให้ข้าได้ไหม?”
เซียวหยู่เซียนแทบลมจับ
นี่มันเวลาไหนแล้ว นางยังจะมาหยอกล้อหนุ่มรุปงามอยู่อีก เดี๋ยวก็อย่าถูกเขาตีตายทั้งอย่างนี้แล้วกัน!
เจ้าสำนักชิงก็มมองขลุ่ยหยกในมือ เผยรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปาก
“หาได้ยากที่คุณหนูสามจะชอบ นับเป็นวาสนาของขลุ่ยหยกนี่แล้ว อะ ให้ท่าน”
เซียวหยู่เซียนตกตะลึง
ให้จริงๆหรือ?
กู้ชูหน่วนรับมาอย่างไม่เกรงใจ กล่าวชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก “เนื้อหยกเขียวล้วน แวววาวละมุน เป็นขลุ่ยชั้นยอด”