อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1024 คันฉ่องแตก
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1024 คันฉ่องแตก
กู้ชูหน่วนมาถึงแท่นดอกบัว จ้องคันฉ่องหงส์กว่าค่อนวันแต่ก็ดูไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรถึงทำให้มันยอมรับนางเป็นเจ้าของ
ครั้นมองเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยี ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าวอกแวก แม้คิดจะทำอะไรนาง แต่มือกลับไม่ว่าง
นางรู้ ว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่นางจะเอาคันฉ่องหงส์ไป
หากพลาด ต่อให้นางมีฝีมือเทียมฟ้าก็เอามันไปไม่ได้แล้ว
และเซียวหยู่เซวียนก็เหมือนต้องการคันฉ่องหงส์มากกว่า
เมื่อนึกถึงว่าเซียวหยู่เซวียนยอมสละทุกสิ่งเพื่อนาง กู้ชูหน่วนก็กัดฟัน ถือด้ามคันฉ่อง ออกแรงคิดจะถอนมันขึ้นมา
เย่จิ่งหานไม่อาจรักษาความใจเย็นไว้ได้
ขลุ่ยหยกขาวขวาง ทุ่มเทอย่างแบบที่ต้องบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย และยังใช้วิธีการแบบกระทั่งตกตายไปตามกัน พลังอันไร้ขอบเขตกวาดไปทางเวินเส้าหยี
เวินเส้าหยีแวบตัวหลบการโจมตีถึงชีวิตนี้ แต่ก็ยังถูกทำให้เจ็บหนัก กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สีหน้าพลันขาวซีด
เขาต้องการรวมพลังซัดเย่จิ่งหานอีก แต่เนื่องจากบาดเจ็บหนักเกินไป ไม่สามารถรวมพลังได้ครู่หนึ่ง ดังนั้นจึงได้แต่นั่งขัดสมาธิ เดินพลังรักษาอาการบาดเจ็บไป ฟื้นพลังไป
เย่จิ่งหานเจ็บหนักกว่าเขา
หวิดต้องทิ้งชีวิตแล้ว
เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเป็นความคลั่ง “มู่หน่วน ถ้าเจ้าขยับคันฉ่องหงส์อีกที ต่อให้ต้องขึ้นสวรรค์ลงนรก ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องอยู่ไม่สู้ตาย”
“เพล้ง…”
เสียงของเขาดังเกินไป แทบจะเป็นการบรรจุอารมณ์โกรธของเขาทั้งชีวิต
กู้ชูหน่วนเพิ่งหยิบคันฉ่องหงส์ออกมาได้ ก็ถูกเขาทำตกใจมือกระตุก คันฉ่องหงส์จึงตกลงกับพื้นดังเพล้งเสียงหนึ่ง แยกสี่แตกห้า ละเอียดไปทันที
“ซี้ด…”
ภายในถ้ำ ไม่รู้ว่าใครในสามคนเป็นคนส่งเสียงสูดปาก หรืออาจเป็นทั้งสามส่งเสียงนั้นออกมาพร้อมกัน
พวกเขามองคันฉ่องหงส์ที่แตกละเอียด แทบไม่อยากจะเชื่อ คันฉ่องหงส์ คันฉ่องเทพ ที่สามารถเรียกวิญญาณทั้งหมดในโลกหล้าได้กลับถูกทำลายไปทั้งอย่างนี้?
พวกเขานึกว่าคันฉ่องหงส์น่าจะติดกันได้เองอัตโนมัติ ผนึกรวมเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่รออยู่นาน เศษกระจกที่แตกละเอียดก็ยังอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
เวินเส้าหยีมีความรู้สึกหลายหลากผสมผสาน
เขารู้ว่าคันฉ่องบานนี้เป็นความหวังเดียวที่จะรวบรวมวิญญาณของกู้ชูหน่วนได้ เมื่อแตก ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่มีวันหวนคืนอีก
เขาน่าจะดีใจ แต่เขา…กลับหัวเราะไม่ออก
เย่จิ่งหานแยกเขี้ยวยิงฟัน หากไม่ใช่เพราะบาดเจ็บหนัก ไม่อาจรวมพลัง เขาต้องซัดกู้ชูหน่วนให้ตายแต่แรกแล้วแน่
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังตะเกียกตะกายพลาง ถลึงตากระหายเลือดพลาง จ้องกู้ชูหน่วนอย่างเคียดแค้น แทบอยากฉีกศพนางเป็นหมื่นชิ้น
“เจ้าทำลายคันฉ่องหงส์ไปแล้ว เจ้าถึงกับทำลายมัน…มู่หน่วน…เจ้าควรตาย”
ไม่เคยมียามใดที่เขาอยากฆ่าคนขนาดนี้มาก่อน
หญิงที่เขารักลึกซึ้ง กว่าจะมีความหวังสักนิด
กลับต้องถูกมู่หน่วนทำลายทุกครั้ง
หนาว
หนาวจนกู้ชูหน่วนสั่นระริก
นางรู้สึกได้ถึงจิตสังหารไร้ที่สิ้นสุด
ครั้งนี้ไม่ว่านางจะพูดจะทำอย่างไร ชายสวมหน้ากากต้องไม่ปล่อยนางไปแน่
นางมองเศษกระจกที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แล้วเอ่ยขึ้นอย่างผู้บริสุทธิ์ “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าเสียงดังเกินไป”
“อ๊า…”
เย่จิ่งหานคำรามก้อง
ไหนเลยยังจะสนใจร่างกายเจ็บหนักของตน และไม่ทราบว่าเขาทำอย่างไร เส้นผมดำหมึกตั้งเป็นเส้นๆ ราวกับปีศาจร้ายที่เพิ่งคลายขึ้นจากนรกอเวจี เนื้อตัวมีพลังเต็มเปี่ยม และเต็มไปด้วย…จิตสังหารพลุ่งพล่าน
ฝีเท้ากู้ชูหน่วนถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
จิตสังหารแกร่งกล้ามาก
หรือว่าวันนี้นางต้องตายอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ?
เวินเส้าหยีก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน เย่จิ่งหานถึงกับเผาผลาญชีวิตตัวเองเพื่อสู้ตายให้ผู้หญิงคนนี้ตกตายไปกับตน
แบบนี้ก็ดี
พวกเขาสองคนล้วนสมควรตาย…
เขาจะได้ไม่ต้องลงมือ