อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1034 สู่ขอ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1034 สู่ขอ
กู้ชูหน่วนกุมบาดแผลอย่างกะทันหัน ขมวดคิ้วแน่น คนก็เจ็บปวดจนตัวงอ
“ซื้ด….เจ็บจัง……แผลคงไม่ได้ฉีกออกอีกแล้วหรอกนะ”
เซียวหยู่เซวียนประคองให้นางนั่งลง
แม้จะรู้ว่านางไม่อยากตอบคำถามของตัวเอง จึงได้หาข้ออ้างมาอย่างหนึ่ง แต่มองดูบาดแผลนับไม่ถ้วนทั้งตัวของนาง เซียวหยู่เซวียนก็ยังคงรู้สึกสงสาร
“เจ้าบาดเจ็บสาหัสมาก เจ้าสำนักใหญ่ๆแต่ละสำนักเข้าไปในหุบเขาอสูรกันหมดแล้ว ชั่วขณะนี้ม่านอาคมน่าจะยังไม่ปิด พักผ่อนอยู่ที่นี่สักหนึ่งวันก่อนแล้วพวกเราค่อยออกไปเถอะ”
“แม้ว่าอัตราการเกิดขึ้นจะน้อยแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ต้องป้องกันไว้ก่อน หากว่าพวกเขาหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีไม่พบ ออกจากหุบเขาอสูรไปด้วยความโกรธอย่างฉับพลัน แล้วปิดม่านอาคมหุบเขาอสูรไปล่ะ ฉะนั้นพวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า”
ล้อเล่น บรรยากาศเช่นนี้ก็ทำตัวไม่ถูกพอแล้ว นางจะอยู่ที่นี่กับเซียวหยู่เซวียนสองคนต่อไปเพื่อสร้างความน่าอึดอัดใจเพิ่มได้ยังไง
มุมปากของเซียวหยู่เซวียนขยับ สุดท้ายก็ประคองกันออกไปพร้อมกับนาง
ตลอดทาง ทั้งสองคนล้วนไม่ได้พูดจา
จิตใจของกู้ชูหน่วนสับสน
จิตใจของเซียวหยู่เซวียนก็ปวดร้าว
ไม่ง่ายที่เขาจะรวบรวมความกล้าสารภาพรักกับนาง แต่นางกลับไม่มีใจให้เขา
บางที ทั้งชีวิตนี้ของเขาคงจะไม่คู่ควรที่จะได้รับความรัก
คนสองคนเสือหนึ่งตัวออกจากหุบเขาอสูรได้อย่างไร แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่พวกเขาพยายามเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสำนักใหญ่ๆแต่ละสำนัก
หลังจากที่ออกจากหุบเขาอสูร มาถึงพระนครแล้ว เซียวหยู่เซวียนและกู้ชูหน่วนก็แยกไปตามทางของตัวเอง
“ด้านหน้าก็เป็นจวนมู่แล้ว ข้าไม่ส่งแล้ว เจ้ากลับไปพักฟื้นให้ดีๆ อย่า….อย่าวิ่งไปวิ่งมาอีก”
“แล้วเจ้าล่ะ”
“ข้าก็จะกลับไปพักฟื้นอาการบาดเจ็บเช่นกัน”
“ก็ดี”
มองส่งเซียวหยู่เซวียนที่เดินโซซัดโซเซจากไป เจ้าเสือน้อยที่นอนซบอกของกู้ชูหน่วนก็ชะโงกหัวออกมา
“นายหญิง คุณชายเซียวก็หน้าตาไม่เลว และดีต่อท่านด้วย ท่านจะไม่ยอมรับเขาจริงๆหรือ?”
“แม้แต่อดีตของตัวเองข้าก็ยังไม่กระจ่าง จะให้อนาคตกับเขาได้อย่างไร ใครจะรู้ว่าอดีตของข้าเป็นยังไง”
“นายหญิงก็บอกแล้วว่าเป็นอดีต อดีตก็คืออดีตนี่นา พวกเรามองไปข้างหน้าก็ได้แล้ว”
“เจ้าจะไปรู้อะไร”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่มัน หันหลังเข้าไปที่จวนมู่
ฟ้ามืดแล้ว โคมไฟสว่างไสวงดงามถูกจุดขึ้น
หน้าประตูจวนมู่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าตระกูลพ่อค้าขุนนาง หรือพรรคใหญ่ๆแต่ละพรรคก็ล้วนส่งคนมาขอแต่งงานกันอย่างต่อเนื่อง แทบจะเหยียบย่ำจนธรณีประตูของจวนมู่หักแล้ว
คนเหล่านั้นแทบจะรายล้อมจวนมู่ทั้งจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา กู้ชูหน่วนคิดจะเบียดเข้าไปก็ลำบาก
สุดท้ายทำได้เพียงหาที่ที่คนน้อยหน่อยปีนกำแพงเข้าไป
นางกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “คนพวกนี้กระตือรือร้นอะไรขึ้นมาหรือ รีบร้อนมาสู่ขอขนาดนี้เชียว”
“นายหญิง ข้าคิดว่าพวกเราควรถือโอกาสหาผลประโยชน์สักหน่อย”
“ข้าทั้งง่วงทั้งเหนื่อยทั้งหิวและทั้งเจ็บปวด ไม่มีอารมณ์จะหาผลประโยชน์”
“ท่านไปพักผ่อน ข้าจะไปหาผลประโยชน์”
“เย่จิ่งหานยังตีเจ้าจนอนาถไม่พออีกหรือ”
“ใครว่าล่ะ หากไม่ใช่เพราะดวงชะตาเสือของข้าแข็ง คงถูกเขาตีตายไปนานแล้ว เจ้าหมอนั่นชั่วร้ายที่สุด เจอเขาครั้งหน้าจะต้องขูดรีดเขาให้ดีๆสักรอบ”
“หากว่าเจ้าบาดเจ็บสาหัส ยังจะมีกะจิตกะใจไปแสวงหาสมบัติอีกหรือ?”
“ชีวิตสำคัญ สมบัติสำคัญยิ่งกว่า”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูด เจ้าเสือน้อยก็วิ่งไปแล้ว และไม่รู้ว่าไปแสวงหาทรัพย์สมบัติเงินทองที่ไหนอีก
กู้ชูหน่วนจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง ขณะที่กำลังคิดจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง ด้านหน้าก็มีเสียงของเจ้าบ้านมู่กับเจ้าบ้านรองเจ้าบ้านสามและคนอื่นๆดังมา
“ท่านพ่อ ท่านว่าอาหน่วนเก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือ? นางเป็นนักฝึกสัตว์จริงๆหรือ? ศักยภาพของนางไปถึงระดับสองแล้วจริงๆน่ะหรือ?”
“น่าจะใช่ละมั้ง มิฉะนั้นจะมีคนมากมายขนาดนี้มาสู่ขอได้อย่างไร” เจ้าบ้านมู่อารมณ์ดีเป็นที่สุด ลูบเคราอยู่ไม่หยุด
เจ้าบ้านรองก็ยิ้มด้วยความปีติจนหน้าบาน
“ท่านพ่อ เจ้าบ้านหนิงส่งคนมาสู่ขอ ก็คือมาสู่ขอให้หนิงเทียนโย่วหลานชายแท้ๆของเขา”
“ตระกูลซ่างกวนก็มาสู่ขอแล้ว สู่ขอให้กับซ่างกวนหมิงหลาง”