อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1035 แขกที่มาเองโดยไม่ได้รับเชิญ
“มีตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ชื่อดังอีกหลายตระกูลก็ล้วนมาสู่ขอที่บ้านของเรา ท่านพ่อ คนมาสู่ขอมากมายขนาดนี้ ท่านว่าพวกเราจะให้อาหน่วนแต่งงานกับใครดีล่ะ?”
ไม่ต้องให้เจ้าบ้านมู่พูด เจ้าบ้านรองก็แย่งพูดก่อนว่า “ยังต้องพูดอีกเหรอ แน่นอนว่าต้องแต่งกับหนิงเทียนโย่วหลานชายแท้ๆของเจ้าบ้านหนิงอยู่แล้ว ลูกชายของเจ้าบ้านหนิงตายไปแล้ว มีแค่หลานชายแท้ๆคนเดียว อนาคตตำแหน่งเจ้าบ้านหนิงจะต้องตกมาอยู่ในมือของหนิงเทียนโย่วเป็นแน่”
เจ้าบ้านสามกล่าว “ตระกูลหนิงไม่เลว แต่ในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลหนิงนั้นเดินไปในทางที่ตกต่ำลงอยู่ตลอด ไม่ว่าอย่างไรตระกูลของเขาก็เทียบกับตระกูลซ่างกวนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นศักยภาพของซ่างกวนหมิงหลางก็อยู่ถึงระดับสามเต็มๆ นั่นเป็นถึงผู้ที่มีพรสวรรค์อันดับแรกๆเชียวนะ บางทีตระกูลซ่างกวนอาจจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้กับซ่างกวนหมิงหลางก็ไม่แน่”
“ตามความคิดข้าตระกูลหนิงก็ยังดีกว่า”
“ตระกูลซ่างกวนดี”
เจ้าบ้านรองและเจ้าบ้านสามเจ้าพูดอย่างข้าพูดอย่าง โต้แย้งกันจนไฟโทสะพลุ่งพล่าน
เจ้าบ้านมู่มองดูบัตรสู่ขอ ก็รู้สึกลำบากใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับผู้ใด
มู่ซินเข็นล้อรถเข็นออกมา ท่าทางเด็ดเดี่ยว “ก่อนหน้านี้ไม่นานตระกูลซ่างกวนได้มีการยกเลิกการหมั้นหมายอย่างโจ่งแจ้ง ทำลายชื่อเสียงของอาหน่วน ตอนนี้พวกเขาคิดอยากจะกลับคำก็กลับคำ แล้วเช่นนี้อนาคตอาหน่วนยังจะไปพบหน้าใครได้อีก? ข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้”
กู้ชูหน่วนพิงกำแพง ฟังพวกเขาพูดคุยกันอยู่เงียบ ๆ
เจ้าบ้านสามกล่าวด้วยความรีบร้อนกังวลใจ “พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงได้หัวรั้นเช่นนี้ เพียงแค่แต่งงานได้ดี ก็ไม่ต้องสนว่าคนอื่นจะพูดยังไง หากว่าแต่งงานกับซ่างกวนหมิงหลาง ก็เท่ากับเป็นโอกาสดีที่อาหน่วนจะได้เปลี่ยนชะตาชีวิตให้เป็นหงส์ที่อยู่ตำแหน่งสูง มีคนมากมายอิจฉาจนแทบไม่ทันเชียวนะ”
“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้”
เจ้าบ้านมู่ขมวดคิ้วกล่าว “สิ่งที่เจ้าใหญ่พูดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ตระกูลซ่างกวนล้มเลิกงานแต่งแล้วจะมาสู่ขออีก คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าพวกเราคิดจะเอาอกเอาใจ”
เจ้าบ้านรองกล่าว “เช่นนั้นก็เลือกตระกูลหนิงละกัน”
มู่ซินกล่าว “งานแต่งลูกสาวของข้า ให้นางตัดสินใจเอง นอกจากว่านางจะอยากแต่งงาน ไม่เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่สามารถบังคับนางได้”
“ข้าว่าพี่ใหญ่ ท่านป่วยรอบหนึ่งจึงเลอะเลือนไปแล้วสินะ การแต่งงานดีๆแบบนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยากขนาดไหน พลาดครั้งนี้ไป หลังจากนี้อยากจะแต่งก็หาไม่ได้แล้วนะ”
“อาหน่วนไม่อยากแต่งงาน ข้าก็จะไม่บังคับนาง ท่านพ่อ หวังว่าท่านจะไม่บังคับนางเช่นกัน”
“……”
มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้น หันกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง
มีท่านพ่อคอยปกป้อง รู้สึกดีจริงๆ
ผลักประตูออก นางเหนื่อยจนอยากจะล้มตัวลงบนเตียงหลับไปยกใหญ่ๆ คิดไม่ถึงว่าในห้องจะมีชายคนหนึ่งยืนอยู่
ชายผู้หนึ่งที่ราศีอิ่มเอิบ งดงามดั่งเซียนไร้ราคิน ในชุดขาวพลิ้วไหว
ชายคนนั้นหันหลังให้นาง มองไม่เห็นหน้าตา
แต่รูปร่างของเขาผอมเพรียว ลักษณะราศีสูงส่ง ผมสีดำขลับถูกมัดรวบไว้ครึ่งหนึ่งด้วยผ้าผูกผมสีขาวอย่างสบายๆ อีกครึ่งหนึ่งห้อยลงมาด้านหลังศีรษะ ผมสีหมึกเรียบลื่น ราวกับผ้าไหม
เมื่อเห็นเงาหลังนี้ จิตใจของกู้ชูหน่วนก็สะดุ้งทันที หันหลังแล้วคิดจะจากไป
“ปัง……”
ไม่รอให้นางวิ่งออกไป ประตูห้องนอนก็ปิดลงเองแล้ว
ชายที่หันหลังให้นางหันหลังกลับมา
เป็นดังคาด ผู้ชายที่หันหลังกลับมาสวมหน้ากากผีเสื้อ มองไม่เห็นใบหน้า ทว่าบุคลิกลักษณะรอบตัวของเขา แม้ว่าจะอยู่ในฝูงชน ก็ไม่มีทางจะทำให้ผู้คนเพิกเฉยต่อเขาได้
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเก้ๆกังๆ “ดึกดื่นเที่ยงคืน เจ้าผีเสื้อเหงาแล้วหรือ จึงอยากจะให้ข้าทะนุถนอมเจ้าให้ดีๆ”
สิ้นสุดคำพูด กู้ชูหน่วนแทบจะอยากกัดลิ้นตัวเองทิ้ง
หากว่าเขาบาดเจ็บสาหัสขยับตัวไม่ได้ ก็ยังสามารถหยอกเย้าได้
หยอกเย้าเขาตอนนี้ ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรือ?
เวินเส้าหยีเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม รอบตัวแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา กดดันเข้ามาทีละก้าว จนกู้ชูหน่วนติดมุมกำแพง
“เหงา? สองมือของข้าไม่ได้เปื้อนเลือดมานานมากแล้ว ความจริง….ก็เหงามานานมาก……”