อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1047 ค่าที่พักชั่วคราว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1047 ค่าที่พักชั่วคราว
ลมอ่อนๆพัดมา เงาไม้ไผ่ทยอยร่วงหล่น
กู้ชูหน่วนกำลังนอนหอบอย่างหนักอยู่บนพื้น
บาดแผลใหม่บวกกับบาดแผลเก่า บนตัวของนางมีเลือดสดไหลรินออกมาไม่หยุด ดูแล้วน่าสงสารจนพูดไม่ออก เพียงแต่ดวงตาสีขาวดำที่แยกกันชัดเจนคู่นั้นของนางกลับปรากฏความดึงดันออกมา
เวินเส้าหยีมองดูนางจากหัวจรดเท้า ดวงตาที่สงบนิ่งราวกับบ่อน้ำโบราณคู่นั้นแฝงไปด้วยการครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ดวงตาทั้งสี่สบสายตากัน
ไม่มีใครพูดจา
มีเพียงกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลอยู่ในป่าไผ่
ผ่านไปเป็นเวลานาน มีเพียงคำพูดที่ขมขื่นของกู้ชูหน่วนดังขึ้นเท่านั้น “ดูท่า ต้นขาของเจ้าจะบางมากจริงๆ”
ริมฝีปากบางของเวินเส้าหยีขยับ “ไม่ ต้นขาของข้าใหญ่มาก”
กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุก
เห็นแค่เวินเส้าหยีหันหลังกลับไปด้วยความสง่างาม แบกพิณหิมะของเขาเดินออกจากป่าไผ่ไปช้าๆ
กู้ชูหน่วนคิดไม่ถึงว่า เวินเส้าหยีจะปล่อยนางไปอย่างง่ายดายเช่นนี้
กู้ชูหน่วนพยายามลุกขึ้นมา ดันตัวขึ้นมาอยู่สองสามครั้งก็ดันไม่ขึ้น กลับยังกระชากถูกบาดแผลอีก เจ็บซะจนนางอยากส่งให้ตัวเองไปตายซะ
“ซู่ซู่ซู่…….”
ฝนตกหนักอย่างฉับพลัน ตกในป่าไผ่และตกลงมาบนตัวของนาง น้ำฝนชะล้างร่างกายของนาง
กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น ปล่อยให้ฝนตกลงบนตัวของตัวเอง
ในใจกำลังคิดว่าที่เวินเส้าหยีปล่อยตัวเองไปมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
ระหว่างที่อยู่ในภวังค์ เสียงล้อรถกึกกึกกึกดังเข้ามา นางเอียงตัว เป็นดังคาดเห็นชิงเฟิงถือร่มอยู่ เจี่ยงเสวียเห็นรถเข็นจากที่ไกลๆเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
รอบตัวของผู้ชายบนรถเข็นมีกลิ่นอายความเป็นกษัตริย์ผู้แข็งแกร่งเช่นนั้น
ฟ้าแลบผ่านไป ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสังหารที่มีอยู่รางๆบนตัวของเขา
กู้ชูหน่วนถอนใจยาวๆ “หนีเสือปะจระเข้อีกแล้ว”
ชิงเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใน “เจ้าทุบไหกักวิญญาณแตก ทุบกระจกหงส์แตก แม้ว่าเจ้าจะมีสักหมื่นชีวิตก็ไม่พอให้ชดใช้”
“เป็นถึงขั้นสูงสุดระดับหกผู้สูงส่งแต่กลับมาจ้องจับผิดหาเรื่อง ก็ถือซะว่าข้าโชคร้ายละกัน ข้าที่มีบาดแผลนับไม่ถ้วนผู้หนึ่ง เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอไร้ทางสู้ผู้หนึ่ง จะสู้ชนะผู้ชายตัวใหญ่อย่างพวกท่านทั้งสามได้อย่างไร อยากจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ ยังไงซะเผยแพร่ออกไป ก็ไม่มีคนกล้าติฉินนินทาพวกท่าน”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป เย่จิ่งหานฆ่านาง ก็กลับกลายเป็นคนต่ำช้าที่วางแผนจ้องจับผิดหาเรื่องผู้หนึ่ง
สีหน้าของชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียไม่น่าดู
ผู้หญิงคนนี้ มีศักยภาพซ่อนเร้นเหมือนพระชายาของพวกเขา
ไร้ยางอายเหมือนกัน
ไม่น่าแปลกใจที่นายท่านจะแพ้ในน้ำมือของนางครั้งแล้วครั้งเล่า
เย่จิ่งหานลูบขลุ่ยหยกขาวในมือ กล่าวเบาๆว่า “วิธียั่วอารมณ์ไม่มีผลสำหรับข้า เลือกวิธีตายเองเถอะ”
ไม่รู้ว่าเพราะกู้ชูหน่วนเจ็บหรือไม่ หลับตาลงโดยตรง แม้แต่คำเดียวก็ขี้เกียจจะพูดจะสนใจเขา เพียงแต่ก่อนที่จะหลับตา ก็กลอกตาขาวใส่เขา ให้เขาสัมผัสด้วยตัวเอง
เย่จิ่งหานที่เฉลียวฉลาด จะไม่เข้าใจได้อย่างไร นั่นเป็นสายตาข่มขู่ของนาง
ทันทีที่ฆ่านาง ดวงวิญญาณสองดวงในร่างกายของนางก็จะสลายไปพร้อมกับนางด้วย
“ชิงเฟิง สับมือและเท้าของนางออก แล้วค่อยควักดวงตา ตัดจมูก ตัดหูของนางไปซะ”
“ห๊ะ……นายท่าน……แน่ใจหรือขอรับ?”
“หากว่าหูของเจ้าไม่ดี ไม่เช่นนั้นก็ตัดไปพร้อมกันเถอะ”
“ขอรับ…….”
ชิงเฟิงหยิบดาบ เดินมาเบื้องหน้าของกู้ชูหน่วนทีละก้าว
ให้เขาฆ่าคน เขาทำได้
ให้เขาโหดเหี้ยมต่อผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ เขาก็ยังอดไม่ได้จริงๆ
“นายท่าน ให้เจี่ยงเสวียมาจะดีกว่าขอรับ ข้าน้อย….ช่วงนี้ข้าน้อย……”
“หากว่าเจ้าทำใจไม่ได้ เช่นนั้นก็รับแทนนาง”
“ข้าน้อยไม่กล้า ข้าน้อยรับคำสั่ง”
กู้ชูหน่วนกล่าว “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะเลือดไหลหมดตัวจนตายรึไง”
“วางใจได้ ข้ารับรองว่าสามารถทำให้เจ้ามีชีวิตดีๆได้ และขณะที่ยังรวบรวมวิญญาณได้ไม่ครบ ไม่ว่าใครก็จะไม่กล้าเอาชีวิตของเจ้า”
เห็นชิงเฟิงบีบคั้นใกล้เข้ามา
กู้ชูหน่วนก็ตะโกนเสียงดังไปในอากาศ
“ได้ยินคำพูดของเย่จิ่งหานแล้วสินะ พวกเจ้าสิงอยู่ในตัวของข้า จะไม่จ่ายค่าที่พักชั่วคราวสักหน่อยหรือ?”
เดิมทีแค่พูดออกไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่ทว่า……
ดวงวิญญาณสองดวงบนหน้าผากของกู้ชูหน่วนกลับเปล่งแสงสองสายออกมาจริงๆ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนอย่างน่าประหลาดในสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก
แต่ดวงวิญญาณสองดวงนี้มีเพียงกู้ชูหน่วนและเย่จิ่งหานเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสได้
คนอื่นๆที่เหลือ สัมผัสไม่ได้โดยสิ้นเชิง