อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1055 วิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1055 วิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิม
ห๊ะ……
วุ่นวายไปทั้งงาน
มู่หน่วนฆ่าไป๋หลี่หมิงและไป๋หลี่เจิ้น?
เป็นไปได้อย่างไร?
ไป๋หลี่หมิงเป็นถึงหลานชายที่และไป๋หลี่เจิ้นรักและโปรดปรานที่สุด และเป็นหัวแก้วหัวแหวนของผู้อาวุโสหลายท่านของตระกูลไป๋หลี่ด้วย
มู่หน่วนจะกล้าฆ่าเขาได้อย่างไร?
และไป๋หลี่เจิ้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้ว
เขาเป็นถึงยอดฝีมือระดับสี่ผู้สูงส่งเชียวนะ
มู่หน่วนจะเก่งกาจอย่างไร จะสามารถสู้ชนะไป๋หลี่เจิ้นได้เหรอ?
ผู้เฒ่าหนิงหัวเราะเยาะทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าบอกว่านังหนูหน่วนสังหารไป๋หลี่เจิ้น? โดยอาศัยเพียงแค่นางคนเดียว?”
“ใช่”
ไม่เพียงแค่เขาที่ไม่เชื่อ
แทบจะทุกคนที่อยู่ในงานก็ไม่เชื่อ
ผู้อาวุโสไป๋หลี่เฉิงระเบิดโทสะแล้วกล่าวว่า “แล้วเจ้าบ้านของพวกเราจะพูดปลดได้หรือ อีกอย่าง….ไป๋หลี่เจิ้นก็เป็นผู้อาวุโสคนสำคัญในตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรา อดีตเจ้าบ้านได้ลงวิชาลับประเภทหนึ่งไว้บนตัวของเขา แค่มีคนฆ่าเขา บนหัวของผู้นั้นก็จะปรากฏไฟสีแดงขึ้น”
มือใหญ่ๆของเขาโบกขึ้นทันที และไม่รู้ว่าขาทำได้อย่างไร บนหัวของมู่หน่วนมีแสงไฟสีแดงปรากฏขึ้นมาจริงๆ
“เป็นไฟสีแดงจริงๆ หรือว่าไป๋หลี่เจิ้นจะถูกมู่หน่วนฆ่าจริงๆ?”
“ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าตระกูลไป๋หลี่มีวิชาลับประเภทหนึ่ง ทันทีที่คนถูกลงวิชาลับนี้ถูกฆ่า บนหัวของฆาตกรก็จะมีไฟสีแดงปรากฏออกมา ข้าคิดว่าเป็นคำร่ำลือ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นความจริง”
“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ ตลอดหลายมีมานี้ไม่มีใครกล้าสังหารคนใหญ่คนโตของตระกูลไป๋หลี่ ก็เพราะคำนึงถึงจุดนี้ คราวนี้มู่หน่วนแย่แล้ว ไป๋หลี่เจิ้นเป็นถึงน้องชายแท้ๆของเจ้าบ้านไป๋หลี่เชียวนะ”
“มู่หน่วนเป็นถึงนักฝึกสัตว์ที่มีพรสวรรค์ และเป็นนายของสัตว์อสูรนับหมื่น ตระกูลไป๋หลี่จะไม่อยากดึงไปเป็นพวกได้หรือ?”
“ดึงไปเป็นพวกอะไร น้องชายแท้ๆถูกฆ่าตาย ตระกูลไป๋หลี่ยังจะกลืนความโมโหนี้ลงได้หรือ?”
หลินซือหย่วนกล่าว “แม่นางมู่ เจ้าฆ่าไป๋หลี่หมิงและไป๋หลี่เจิ้นจริงหรือ? เจ้ารีบอธิบายกับพวกเขาให้ชัดเจนสิ”
ไป๋หลี่เฉิงแย่งพูดก่อน “อธิบายอะไร มีคนเห็นกับตาว่ามู่หน่วนฆ่าไป๋หลี่หมิง และก็มีคนเห็นกับตาว่ามู่หน่วนฆ่าไป๋หลี่เจิ้น”
“แปะแปะ…….” ไป๋หลี่เฉิงปรบมือ ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มสองคนเดินตัวสั่นออกมา
“ข้าน้อยเป็นลูกน้องของคุณชายหมิง วันนั้นคุณชายหมิงต้องการ…….ต้องการฆ่ามู่หน่วน แต่กลับถูกมู่หน่วน……ฆ่าไปแล้ว…..ข้าถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้เห็นมู่หน่วนปล่อยนิสัยอันโหดเหี้ยมเหมือนปีศาจออกมา ดังนั้น……จึงแกล้ง……แกล้งตาย……ถึงได้หนีรอดมาได้”
“ข้าน้อยไปเก็บใบไผ่สดที่ป่าไผ่ ได้เห็นมู่หน่วนฆ่าผู้อาวุโสไป๋หลี่อยู่ไกลๆ และไม่รู้ว่านางใช้วิชาชั่วร้ายอะไร ดูดเลือดของผู้อาวุโสไป๋หลี่ไปจนแห้ง เหลือเพียงกระดูกโครงหนึ่งเท่านั้น”
หนิงเทียนโย่วตบเก้าอี้ “เหลวไหล เขาเป็นคนตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้า แน่นอนว่าต้องพูดให้ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้า และเขา เขาจะบังเอิญไปเก็บใบไผ่ในป่าไผ่ได้อย่างไร? มู่หน่วนเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะเอาความสามารถมากมายที่ไหนมาดูดเลือดของไป๋หลี่เจิ้นจนแห้งไปได้ ช่างไร้สาระสิ้นดี”
บรรดาผู้คนต่างพากันพยักหน้าไม่เชื่อกันหมด
ในโลกนี้ไม่มีวิทยายุทธใดที่จะสามารถดูดพลังลมปราณและเลือดจนแห้งไป จนกลายเป็นโครงกระดูกได้
เจ้าบ้านไป๋หลี่ไม่พูดจาไร้สาระอีก ใช้อภินิหารรวบรวมพลังยุทธ ค่อยๆแสดงฉากที่ไป๋หลี่เจิ้นถูกดูดพลังลมปราณและเลือดจนแห้งไปออกมาทีละฉาก
ตื้ด……
ทั้งเหตุการณ์ต่างสูดหายใจด้วยความตะลึง
ไม่ว่าอย่างไรไม่อยากเชื่อเลยว่า ผู้หญิงในภาพที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มอยู่กับพื้น จะมีพลังอย่างหนึ่งปรากฏออกมาจากร่างกายอย่างกะทันหัน และค่อยๆดูดกลืนกำลังภายในของไป๋หลี่เจิ้นที่ตีฝ่ามือลงไปจนแห้ง สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นกระดูดโครงหนึ่ง
สีหน้าของผู้เฒ่าหนิงเคร่งขรึม “วิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิม……..เป็นวิชาความรู้สุดยอดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตระกูลไป๋หลี่”
ไป๋หลี่เฉิงกล่าวด้วยความภาคภูมิว่า “ไม่ผิด เป็นวิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิมมีเพียงตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราเท่านั้นที่มี เพราะผู้อาวุโสไป๋หลี่เจิ้นถูกลงวิชาลับ ดังนั้นภาพก่อนตายจึงสามารถใช้วิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิมฟื้นสภาพเดิมออกมาได้”
คำพูดที่พวกเขาทั้งสองพูด พวกเขาไม่เชื่อ
แต่วิชาอภินิหารกลับสู่สภาพเดิมทำได้เพียงฟื้นสภาพภาพความเป็นจริงเท่านั้น
พวกเขาไม่เชื่อไม่ได้
เพียงแต่…….วิทยายุทธของมู่หน่วน เป็นวิชาชั่วร้ายอะไรกันแน่?
คิดไม่ถึงว่าจะสามารถดูดวิทยายุทธ พลังลมปราณและเลือดของคนได้จริงๆ?