อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1060 กักขังไว้ไม่ได้
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1060 กักขังไว้ไม่ได้
กู้ชูหน่วนกวาดตามองผู้หญิงสิบแปดคนนั้น
พวกนางแต่ละคนรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น สวมชุดขาวทั้งตัว คลุมหน้าด้วยผ้าขาวโปร่ง ในมือหิ้วตะกร้าดอกไม้อันหนึ่ง ในตะกร้าดอกไม้ใส่กลีบดอกไม้หลากชนิดหลากสีสัน มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่ดูจากส่วนโค้งส่วนเว้า รูปร่างเพรียวบางของพวกนาง คิดๆแล้วแต่ละคนก็น่าเป็นคนที่งดงามเลิศล้ำ
กู้ชูหน่วนกล่าว “อาวุธของพวกเจ้าก็แค่ดอกไม้เหล่านี้หรือ?”
“ใช่” ผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นตอบด้วยเสียงอ่อนโยน เสียงนั่นเปรียบได้กับเสียงนกกระจิบสีเหลืองที่ออกมาจากหุบเขา ทำให้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะหลงใหล
“พวกเจ้าล้วนมีอาวุธ แต่ข้าไม่มี ทั้งยังเป็นสิบแปดคนต่อหนึ่งคนอีก เอาเปรียบกันไปหน่อยรึเปล่า?”
ไป๋หลี่ป้าส่งสายตาบอกใบ้ไปทางไป๋หลี่เฉิง
ไป๋หลี่เฉิงเข้าใจในทันที เอ่ยด้วยเสียงดังว่า “เจ้าต้องการอาวุธอะไร? เพียงแค่เจ้าพูดออกมา พวกเราก็จะมอบให้”
“พูดง่าย งั้นก็หอกยาวอันหนึ่งละกัน”
“ได้”
กำลังภายในของไป๋หลี่เฉิงกวาดไป หอกยาวให้ที่อยู่ไม่ไกลก็ลอยไปทางกู้ชูหน่วนทันที
กู้ชูหน่วนรับไว้ ในปากมีเสียงจึจึ “หอกยาวอันนี้ไม่เลว มอบให้ข้าได้หรือไม่?”
“รอให้เจ้ารอดชีวิตแล้วค่อยว่ากันเถอะ เริ่ม” ไป๋หลี่เฉิงกล่าวด้วยความรำคาญ
เกือบทุกคนในสนามจัตุรัสมองเหมือนกู้ชูหน่วนเป็นดั่งคนตาย
หญิงสาวสิบแปดคนเปลี่ยนรูปร่างทันที หมุนวนอยู่รอบกู้ชูหน่วนอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
เสื้อผ้าของพวกนางเหมือนกัน รูปร่างเหมือนกัน การเคลื่อนไหวเหมือนกัน ในเวลาแรกจึงทำให้คนแยกแยะไม่ได้ว่าใครเป็นใครกันแน่
และจากเงาร่างที่เร่งความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องของพวกนาง ก็ทำให้รู้สึกเวียนหัวตาลายในเวลาอันสั้น
แรงสังหารสิบแปดสายใช้แรงกำลังแห่งสายฟ้าสังหารกู้ชูหน่วน
ฟืด…….
คนทุกในงานล้วนสั่นเทา
แรงสังหารแข็งแกร่งมาก
นางถูกล้อมไว้ตรงกลาง แต่แรงสังหารกลับมีอยู่ทั่วทุกแห่งหน นางจะหลบได้อย่างไร?
แต่เมื่อเห็นหอกยาวของกู้ชูหน่วนกระแทกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ส่งเสียงปังดังสนั่นออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็วาดคมหอกอย่างดุดันทันที เปล่งประกายไฟเปรี้ยงปร้างออกมา ทำให้แรงสังหารทั้งหมดถูกกวาดออกไป และตัวเองก็ใช้หอกยาวเหาะพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ
หากไม่ใช่เพราะนางเคลื่อนไหวเร็ว เกรงว่าคงจะตายในแรงสังหารนั่นไปนานแล้ว
เหมือนว่าค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หนึ่งกระบวนท่าผ่านไป ค่ายกลก็เปลี่ยนไปทันที ฝนดอกไม้ทั่วฟากฟ้าโปรยปรายอยู่กลางอากาศ ก่อตัวเป็นภาพกลีบดอกไม้โปรยปรายเหมือนดั่งสายฝนอันงดงาม สวยงามเหมือนดั่งปีศาจที่กระโดดโลดเต้นอยู่ไม่หยุด
ทุกคนถูกฝนดอกไม้หลากสีสันทำให้หลงใหลอย่างอดไม่ได้ กระทั่งยังดมกลิ่นหอมของฝนดอกไม้อยู่ไม่หยุดอีกด้วย
เจ้าบ้านมู่ร้อนใจดั่งไฟเผา
ฝนกลีบดอกนี้แฝงไปด้วยฤทธิ์กลิ่นหอมที่ทำให้หลงใหลเคลิบเคลิ้ม
กลีบดอกมากมายขนาดนี้ คนที่อยู่ในค่ายกล ไม่มีทางหลบหนีได้พ้นโดยสิ้นเชิง
แล้วในขณะที่ทุกคนเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น ฝนดอกไม้ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน กลายเป็นมีดอันแหลมคม พุ่งถาโถมไปทางกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนร่ายรำหอกยาว ทำให้เกิดเสียงออกมาดั่งเสือคำราม ฝืนต้านทานฝนดอกไม้เหล่านั้นไว้
ฝนดอกไม้มากมายเกินไป นางคนเดียวมีหอกยาวอันเดียวจะต้านได้อย่างไร
ทันทีที่หอกยาวของกู้ชูหน่วนหมุน ก็ไม่รู้ว่านางทำได้อย่างไร หอกยาวอันหนึ่งกลับเป็นเป็นแปดอันอย่างคาดไม่ถึง หอกยาวแปดอันล้วนใช้ตำแหน่งทิศทางของค่ายกลแปดทิศหยุดยั้งฝนที่โปรยปรายไว้
ดวงตาของผู้เฒ่าหนิงเปล่งประกายทันที
“คิดไม่ถึงว่านังหนูคนนี้จะเข้าใจค่ายใจเหมือนกัน?”
“ท่านปู่ แม้ว่านางจะรู้จักค่ายกล หอกยาวแปดอันก็สู้ฝนดอกไม้นับหมื่นไม่ได้ และนี่ก็เพิ่งจะเริ่มต้น”
ผู้เฒ่าหนิงไม่พูดอะไร เพียงแค่มองดูการต่อสู้ในสนามที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น อดเป็นกังวลแทนกู้ชูหน่วนไม่ได้
ทันทีที่ค่ายกลแปดทิศของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง สิ่งที่รอนางอยู่ก็คือความตาย
ผู้อาวุโสหลิวที่อยู่ข้างกายเจ้าบ้านเวินกล่าว “มู่หน่วนผู้นี้ชั่งไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ คิดว่ารู้จักวิชาค่ายกลเล็กน้อยก็จะสามารถทำลายค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินได้ ช่างเพ้อฝันหวังอะไรไร้สาระจริงๆ”
มือหนึ่งของเวินเส้าหยีถือแก้ว จิบเบาๆคำหนึ่ง ปากกล่าวประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ “ค่ายกลสิบแปดบุปผาเหินกักขังนางไม่ได้”