อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1063 ข่าวสารรั่วไหล
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1063 ข่าวสารรั่วไหล
ศักยภาพห่างไกลกันมากเกินไป กู้ชูหน่วนต้องการที่จะต้านทาน แต่ก็ต้านทานไม่อยู่
คิดอยากจะตอบโต้แต่ก็โต้กลับไม่ได้
กำลังภายในของไป๋หลี่เฉิงเหมือนดั่งเครื่องบีบอัดเครื่องหนึ่งเช่นนั้น บีบอัดกระดูกและเนื้อทั้งร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
เจ็บปวด…….
เจ็บปวดเกินไปแล้ว
จนกระทั่งนางสามารถได้ยินเสียงของกระดูกที่แตกหักได้
เป็นแบบนี้ต่อไป แม้ว่านางจะไม่ตายก็พิการ
นางเอาแต่คิดหาวิธีไม่หยุด แต่ทว่าภายใต้การโจมตีอย่างเผด็จการของเขานั้น ในเวลาอันสั้นๆนี้ก็ไม่มีทางที่จะลอยตัวออกมาได้เลย
เหลือบมองขึ้นไป ด้านข้างมีคนแทะเมล็ดแตงโมดูละคร และมีคนที่ร้อนใจด้วยความเป็นห่วง
ที่ขมับของนางมีเหงื่อละเอียดผุดออกมา
ในที่นั่งของตระกูลเวิน
ผู้อาวุโสหลิวกล่าว “ต่อให้นางจะเก่งกาจขนาดไหน สุดท้ายก็ถูกเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายในเปลก่อนที่จะโตแล้ว ชั่งน่าเสียดาย เพียงแต่……ไม่รู้ว่านางจะใช้วิชามนต์ดำออกมาหรือไม่…….”
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่อยากรู้
ทุกคนล้วนอยากรู้กันหมด
รวมทั้งเวินเส้าหยีด้วย
เวินเส้าหยีก็กำลังรอให้กู้ชูหน่วนถูกบีบคั้นจนถึงทางตัน และดูเส้นทางวิทยายุทธของนางให้ชัดเจน
ในขณะที่ทุกคนคิดว่ากู้ชูหน่วนยากที่จะหลบหนีจากโชคร้ายนี้ไปได้นั้น ก็กลับเห็นนางเก็บวิทยายุทธอย่างฉับพลัน ปล่อยให้ไป๋หลี่เฉิงทำร้ายตัวเองอย่างสาหัส และเมื่อหอกยาวของนางกวาดไป วาดยันต์อักขระกลางอากาศ และทุ่มเทใช้พลังทั้งหมดปล่อยไปทางไป๋หลี่เฉิง
“ฟู่ว……”
“ปัง……”
กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือด ร่างกายกระเด็นถอยหลังออกไป เพราะว่าแขนตกถึงพื้นก่อน ข้อหลุดโดยตรง ซี่โครงก็หักไปหลายท่อน
และไป๋หลี่เฉิงก็ถอยหลังออกไปติดๆกันหลายก้าว
ถูกเด็กสาวไม่ประสีประสาตีจนถอยหลังไปสองสามก้าว ไป๋หลี่เฉิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ มือทั้งคู่ของเขาประกบกัน ระเบิดเสียงตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง “นังปีศาจ รับความตายซะเถอะ”
มืออรหันต์หมื่นตราประทับควบรวมกันอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ก่อตัวเป็นแสงขนาดมหึมาครอบคลุมไปทางกู้ชูหน่วน
ทันทีที่ถูกมืออรหันต์หมื่นตราประทับครอบไว้โดยพื้นฐานแล้วก็จะต้องสลายกลายเป็นน้ำเลือดในพริบตา
ผู้เฒ่าหนิงกำมือทั้งคู่ไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะลงมือเข้าช่วยตลอดเวลา
และความสนใจของเจ้าบ้านไป๋หลี่ก็อยู่บนตัวของผู้เฒ่าหนิงตลอดเวลา
หนิงเทียนโย่วหลินซือหย่วนรวมทั้งหยางโม่ต่างพากันสูดหายใจด้วยความตะลึง
พวกเขาอยากเข้าไปช่วย แต่อยู่ไกลเกินไปทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่มองดูมืออรหันต์หมื่นตราประทับประทับลงมาเช่นนั้น
ในช่วงเวลาวิกฤต กู้ชูหน่วนกึกเสียงหนึ่ง ต่อข้อมือที่หลุดของตัวเอง แล้วกลิ้งไปกับพื้น กลิ้งออกจากวงรอบของแสงสว่าง และสู้กลับทันที
“ปังปังปัง……”
ทั้งสองเจ้าเข้ามาข้าพุ่งไป พริบตาเดียวก็ปะทะกันสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว
วิทยายุทธของไป๋หลี่เฉิงสูงกว่านางมาก
แต่การเคลื่อนที่ของกู้ชูหน่วนคล่องแคล่วว่องไว รูปแบบกระบวนท่าเจ้าเล่ห์ เดาไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่านางจะออกกระบวนท่าอะไร
นางเหมือนกับปลาไหลตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่ไป๋หลี่เฉิงเกือบจะจับตัวนางได้ หรือขณะที่เกือบจะสังหารนางได้ ก็มักจะถูกนางหลบเลี่ยงอันตรายไปได้อย่างเฉียดฉิวเสมอ
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ถูกเขาทำร้ายอย่างหนักเช่นกัน เสื้อผ้าทั้งตัวนั้น แทบจะเปลี่ยนไปเป็นเสื้อเลือดแล้ว
เปลี่ยนเป็นคนธรรมดา ก็ฟุบหมอบไปนานแล้ว
แต่นางกัดฟันยืนหยัดไว้โดยตลอด
ซ่างกวนชิงกล่าวว่า “ผู้หญิงคนนี้คือแมลงสาบที่ตีไม่ตายหรือไง? ถูกตีขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก”
“จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ วิทยายุทธของไป๋หลี่เฉิงสูงกว่านางมากขนาดนั้น อีกทั้งทุกกระบวนท่าก็เป็นการสังหารอีก คิดไม่ถึงว่ายังจะถูกหอกของนางแทงเอาได้ซะหลายครั้ง”
“หากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทำประโยชน์ให้พวกเรา เพื่อเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นตัวถ่วงรั้งในอนาคตของตระกูลซ่างกวนของเรา ก็จะต้องดับไฟตั้งแต่ต้นลม”
“ครืน…….”
ใจกลางสนาม
ลำแสงหนึ่งตัดกันผ่านไป
ไป๋หลี่เฉิงลอยกระเด็นถอยหลังไป ร่วงลงเบื้องล่างของเวทีอย่างหนัก กระดูกไหล่ถูกหอกยาวแทงจนเป็นรูเลือด เลือดสดไหลรินช้าๆ
และกู้ชูหน่วนสีหน้าซีดขาว โซเซเหมือนจะล้ม หากว่านางไม่ได้ใช้หอกค้ำยันร่างกายไว้ เกรงว่าคงจะล้มไปนานแล้ว
นี่……
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ไป๋หลี่เฉิงถูกตีลงไปได้อย่างไร?
นี่คือ……ไป๋หลี่เฉิงแพ้แล้วรึ?
มีคนตะลึงด้วยความดีใจ
มีคนตกใจ
มีคนหวาดกลัว
ทุกคนล้วนอยู่ในสีหน้าท่าทางและอารมณ์ที่แตกต่างกัน
หนิงเทียนโย่วกล่าวด้วยความตะลึง “การประลองสนามที่สอง ควรจะถือว่านางชนะสินะ”
“เอาใหม่” ไป๋หลี่เฉิงกล่าว
“เจ้าถูกนางตีจนตกเวทีไปแล้ว ยังจะมาอะไรอีก”
“การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด และข้าก็ยังไม่ได้แพ้”
“ถูกตีตกเวทีไปแล้ว ยังไม่แพ้อีกรึ? ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเจ้าอาศัยกิจการการค้าอันยิ่งใหญ่ของตระกูล รังแกตระกูลเล็กๆที่ตกอับเช่นนั้นหรือ?”
“เจ้า…..”
ไม่มีคนกล้าปริปาก
ไม่ว่าจะช่วยตระกูลไป๋หลี่หรือไม่ ก็ล้วนเป็นการตบหน้าตระกูลไป๋หลี่
“ชนะสองในสาม มู่หน่วนชนะสองยกแล้ว ยกที่สามก็ไม่จำเป็นต้องสู้แล้วสินะ”
ทุกคนล้วนหันเหสายตาไปทางเจ้าบ้านไป๋หลี่
ตั้งแต่สมัยโบราณมา เพียงแค่ถูกตีร่วงลงไปจากเวทีก็นับว่าแพ้
ไป๋หลี่เฉิงถูกตีร่วงลงไปจากเวทีอย่างกระจ่างชัดเจน
หากว่าเขาคัดค้าน ตระกูลไป๋หลี่ก็จะต้องอับอายขายหน้าไปหมด
ไป๋หลี่ป้ากล่าว “ข้าไป๋หลี่ป้าพูดคำไหนคำนั้น วันนี้พวกเราตระกูลไป๋หลี่จะไว้ชีวิตเจ้าไปชั่วคราว”
คำพูดนี้พูดได้คลุมเครือเกินไปแล้ว
ประมุขของพรรคใหญ่ๆแต่ละพรรคล้วนฟังความหมายในนั้นออก
ที่ตระกูลไป๋หลี่คิดจะพูดคือ เจ้าบ้านตระกูลไป๋หลี่ของพวกเขาปล่อยนางไป แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคอื่นๆจะปล่อยนางไปด้วย
และ……
หลังจากผ่านวันนี้ไป ตระกูลไป๋หลี่ก็ยังจะตามคิดบัญชีนางต่อไป
หลายๆพรรคที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองต่างพากันเอ่ยปากว่า
“แม้ว่าตระกูลไป๋หลี่จะไม่เอาความนังปีศาจ พวกเราก็ปล่อยไว้ไม่ได้ จะได้เลี่ยงไม่ให้นางทำลายล้างโลกหล้าในภายหลัง”
“วันนี้ให้พวกเราดำรงคุณธรรมแทนสวรรค์ละกัน”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ยทีหนึ่ง ในดวงตาสีขาวดำแยกกันอย่างชัดเจนเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาและความสงสาร
สงสารพรรคเหล่านี้ที่ยอมเสียเกียรติสูญเสียตัวตนที่แท้จริงไป เพื่อเอาใจตระกูลไป๋หลี่
พริบตานั้น
คนรับใช้ไม่กี่คนคนก็วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน กระซิบข้างหูเจ้าบ้านตระกูลใหญ่รวมทั้งเสด็จอาเสวี่ยครู่หนึ่ง
เจ้าบ้านตระกูลใหญ่ไม่กี่คนต่างพากันตกตะลึง เสด็จอาเสวี่ยที่มีสีหน้าเพิกเฉยในปกติ ก็มองไปทางกู้ชูหน่วน
ทุกคนสงสัย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสด็จอาเสวี่ยกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันหนักแน่น “แม่นางมู่ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีล้วนถูกเจ้าขโมยไปงั้นหรือ?”
ฟื้ด……
ทั้งสนามส่งเสียงเอะอะดังสนั่น
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีล้วนถูกนางขโมยไปงั้นหรือ?
จริงหรือเท็จ?
หากว่าเป็นคนอื่นพูด บางทีพวกเขาอาจจะไม่เชื่อ
แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเสด็จอาเสวี่ย
แล้วมองดูสี่เจ้าบ้านตระกูลใหญ่ นอกจากเจ้าบ้านเวินที่มีสีหน้านิ่งสงบแล้ว ทุกคนล้วนมีท่าทางตกใจกันหมด
เกรงว่าของจะอยู่ที่นางจริงๆ
กู้ชูหน่วนหวั่นใจ เลิกคิ้วแล้วกล่าว “ท่านบอกว่าข้าขโมยไป ท่านมีหลักฐานอะไรเพคะ?”
“แปะแปะแปะ……”
เสด็จอาเสวี่ยปรบมือ คนรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าเวทีไม่กี่คน กล่าวด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม
“ทูลท่านอ๋อง ขณะที่ข้าน้อยไปที่หุบเขาอสูร ถูกสัตว์อสูรสังหาร ได้ล้มลงอยู่ที่ช่วงกึ่งกลางของหุบเขา ข้าน้อยเห็นกับตาว่ามู่หน่วนฉวยโอกาสขโมยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีไป ขณะที่สุดยอดยอดฝีมือโดนยาพิษล้มลงอยู่ที่พื้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าน้อยเดินพลัดหลงกับศิษย์พี่ไม่กี่คน หลงทางอยู่ในป่า บังเอิญเห็นสัตว์เลี้ยงของมู่หน่วนเอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีให้แก่นาง นางยังพูดอีกว่าต้องใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีรักษาคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ของล่ะ มอบออกมา”
บัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีนั้นเป็นของที่มีค่าเพียงใด
ไม่เพียงแค่ตระกูลใหญ่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้น แต่ทุกคนที่อยู่ในสนามก็ล้วนนั่งไม่ติดแล้ว แต่ละคนรุมประณามกู้ชูหน่วน อยากจะให้นางมอบของล้ำค่านั่นออกมา
หากว่าก่อนหน้านี้ทำเพื่อเอาอกเอาใจกู้ชูหน่วน
หรือเพราะกลัววิชามนต์ดำของกู้ชูหน่วน
เช่นนั้นตอนนี้ พวกเขาก็ทำเพราะอยากได้ของล้ำค่า
ดังนั้นจึงยิ่งพุ่งเป้าไปที่กู้ชูหน่วนมากขึ้น
หลังจากที่ซ่างกวนชิงฟังรายงานของคนรับใช้จบ ก็ตบโต๊ะอย่างฉับพลัน “สารเลว ที่ภูเขาเจียงเจ๋อเป็นเจ้าที่เปลื้องผ้าข้า ขโมยของของข้า นังเด็กบ้า เจ้าสมควรตาย”
นอกจากซ่างกวนชิงแล้ว ไป๋หลี่หยุนเยว่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันเช่นกัน
“สัตว์อสูรทั้งหมดที่ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราเก็บสะสมมาหลายร้อยปีถูกเจ้าปล่อยไปรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นการสร้างความเสียหายให้กับตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรามากเพียงใด?”