อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1082 ไม่รู้จักประมาณตัว
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1082 ไม่รู้จักประมาณตัว
พลังแห่งเทียนกังกลัวไฟ
ไฟที่ลุกโชนแผดเผาพลังแห่งเทียนกัง ค่ายกลเทียนกังสามสิบหกตนก็ถูกทำลาย
ไม่ง่ายที่ทั้งสามสิบหกคนปีนจนเกือบถึงหน้าผาและเผชิญกับหายนะเป็นกลุ่มแรก ถูกเผาตายไปทั้งเป็นตรงนั้น แม้แต่ซากศพก็ไม่เหลือไว้แล้ว
ซ่างกวนชิงโกรธจนอกจะระเบิด
“ฉึบฉึบฉึบ……” หน้าไม้ยังไม่หยุดยิง
ซ่างกวนชิงบันดาลโทสะ พุ่งขึ้นไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ลูกศิษย์ไม่กี่คนของตระกูลซ่างกวนต่างพากันขวางกั้นไว้
“ผู้อาวุโส มีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง ไม่ต้องกลัวความหวังจะมอด พวกเราถอยก่อนเถอะขอรับ หลังจากนี้ค่อยหารือหาวิธีการที่จะต่อกรกับพวกเขาอีกครั้ง”
เมื่อไป๋หลี่เฉิงเห็นว่าไม่มีความหวังที่จะปีนขึ้นไปบนหน้าผา เพื่อจัดการกู้ชูหน่วนได้แล้ว จึงนำคนถอยออกไปก่อน
พรรคอื่นๆก็หนีตายกันอย่างสะบักสะบอม
ไม่ว่าซ่างกวนชิงจะไม่เต็มใจอย่างไร ก็ทำได้เพียงถอยไปก่อนแล้ว
หากไม่ถอย ก็คงจะบาดเจ็บล้มตายสาหัสยิ่งกว่านี้
พริบตาเดียว แต่ละพรรคที่มากันอย่างเอิกเกริก ที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี ที่เหลือก็ร้องโหยหวนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่พื้น
ชิงเฟิงตบหน้าขา “แม่นางมู่ ท่านเก่งกาจยิ่งนัก ทำให้พวกเขาวิ่งหนีไปได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ ข้ายังคิดว่าพวกเราจะต้องทำสงครามเลือดและซะอีกน่ะ”
เจี่ยงเสวียและคนอื่นๆก็เลื่อมใสอย่างอดไม่ได้
แต่สีหน้าของกู้ชูหน่วนกลับไม่มีร่องรอยของความดีใจสักนิด กลับยังเป็นกังวลอย่างหนักอีก
“ครั้งนี้พวกเขาประมาทจึงเสียเปรียบ เสียหายสาหัสจนน่าอนาถ รอตอนที่มาโจมตีครั้งหน้า ก็กลัวเพียงแค่จะหลอกได้ไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว”
“ข้าจะรีบบอกให้คนไปทำธนูไม้ไผ่น้ำมันก๊าดและของอื่นๆอีกเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ไม่มีประโยชน์ วิธีเดียวกันสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?” หรือว่าจะต้องใช้ร่างกายทำสงครามเลือดกับพวกเขาจนถึงที่สุดแล้วหรือ?
“จะทำอย่างไรได้ ข้าศึกมาก็ใช้ขุนศึกรับมือ อุทกภัยมาก็ใช้ดินป้องกัน ฝ่ายตรงข้ามมาเช่นไรก็รับมือเช่นนั้นไงล่ะ”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว กุมบาดแผลที่หน้าอก ให้คนเข็นนางไปพักผ่อนในสถานที่ที่ร่มเย็น
หนึ่งวัน
สองวัน
แล้วก็ผ่านไปเป็นเวลาสามวันแล้ว
แต่ละพรรคไม่ได้มาโจมตี
คนที่ส่งออกไปสืบหาเย่จิ่งหานก็ไม่มีข่าวดีกลับมา
เสบียงที่ภูเขาหัวสุนัขยังสามารถจุนเจือได้อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
แต่พวกเขาไม่มีทางถอยแล้ว
ช่วงเย็นวันที่สาม ทุกพรรคโจมตีเข้ามาอีกครั้ง
ครั้งนี้พวกเขาพากำลังพลมามากกว่าครั้งแรกเยอะมาก
และ…..คนส่วนใหญ่ในนั้นก็ล้วนนำโล่มาด้วย คงจะกลัวว่าพวกเขาจะใช้หน้าไม้ยิงอีก
พวกเขามีอาวุธครบมือ
บนใบหน้าบนศีรษะล้วนคลุมด้วยชุดผ้า เผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งออกมาเท่านั้น ในมือยังถือร่มอีกด้วย
และยังใช้มือมาปิดบังที่ดวงตาอยู่บ่อยๆอีก
“นังปีศาจ หากเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี พวกเราก็ยังจะสามารถพิจารณาลงโทษสถานเบาได้ ไม่เช่นนั้นวันนี้ก็คือวันตายของเจ้า”
กู้ชูหน่วนนั่งแคะหูอยู่บนรถเข็น กล่าวขึ้นมาด้วยความรำคาญว่า “คำพูดนี้ข้าฟังมาเยอะแล้ว ขอของใหม่ๆหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“จุดไฟ”
คำว่าจุดไฟหนึ่งคำ พรรคใหญ่ทุกพรรคขนกองฟืนมากองหนึ่ง แล้วจุดไฟเผา
พวกเขาต้องการใช้ควัน ทำให้คนที่อยู่บนหน้าผามองเห็นไม่ชัด ยิงธนูไม่ได้ ไม่มีทางเตรียมเทน้ำมันก๊าดและอื่นๆได้ แล้วจึงฉวยโอกาสปีนขึ้นมาบนหน้าผา
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะเย้ยเสียงหนึ่ง กล่าวเสียงดัง “หากตอนนี้พวกเจ้าจะหันหลังกลับไป บางทีอาจจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้”
“น่าขัน เย่จิ่งหานไม่อยู่ อาศัยแค่พวกเจ้าก็สามารถหยุดพวกเราได้เช่นนั้นหรือ?”
หมอกควันมากขึ้นเรื่อยๆ
กู้ชูหน่วนไม่ได้หยุดยั้ง
แต่ปล่อยให้พวกเขาสร้างควันต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ช้า หมอกควันก็อบอวลไปทั้งภูเขา ทั้งสองฝ่ายไม่ว่าใครก็มองใครไม่ชัดเจน
ไป๋หลี่เฉิงมักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติอยู่เสมอ
ซ่างกวงชิงถูกนางเปลื้องผ้า เทียนกังสามสิบหกตนก็ตายอย่างน่าสังเวชในเงื้อมมือของกู้ชูหน่วน โอบอุ้มความโกรธแค้นไว้เต็มอก
แม้จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยปกตินัก แต่คิดได้ว่านางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามมีน้อยฝ่ายตัวเองมีคนเยอะ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงไม่ได้ใส่ใจ
“วันนี้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไป ข้าก็จะต้องฆ่านังปีศาจนั่น”