อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1089 เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1089 เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า
“สอง”
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนกำลังจะนับหนึ่ง ซ่างกวนหมิงหลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาอันเย็นชาไร้ความรู้สึกของนาง ก็รู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอดไม่ได้
“กับดักที่วางไว้อย่างหนาแน่นด้านนอกตระกูลมู่ล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลไป๋หลี่เสนอ คนที่ประกาศออกไปเป็นคนแรกว่าตระกูลมู่ถูกสังหารล้างตระกูลคือไป๋หลี่เฉิง ขณะที่พวกเรารีบไปถึง ตระกูลมู่ก็ถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว”
“งั้นจะพูดว่า….เป็นตระกูลไป๋หลี่ที่ฆ่าล้างตระกูลมู่ของข้าเช่นนั้นหรือ ?”
เสียงของกู้ชูหน่วนเย็นชาลงไปอีกสองสามระดับ แรงสังหารแวบผ่านในดวงตา
“รายละเอียดผู้ใดเป็นคนทำ ตระกูลซ่างกวนของพวกข้ายังไม่ได้สืบ แต่……วิธีการฆ่าล้างตระกูลมู่ทั้งตระกูลโหดเหี้ยมเกินไป สามารถใช้กำลังภายในสะเทือนจนกระดูกทั้งร่างของผู้คนแตกละเอียดหมดแต่ก็ยังไม่ตายทันที ทั้งตระกูลไป๋หลี่ก็มีไม่กี่คนที่จะสามารถทำได้”
คิดถึงภาพการตายของมู่ซินและเจ้าบ้านมู่ ซ่างกวนหมิงหลางก็รู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เขานึกไม่ออกเลยว่า ก่อนที่สองคนนี้จะตายได้เผชิญกับการถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมมากเพียงใด
“เป็นเช่นนี้จริงๆหรือ?”
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า ไม่ว่าอย่างไรที่ข้ารู้ก็มีแค่นี้”
“พวกเจ้าใช้คนดักซุ่มอยู่รอบๆตระกูลมู่มากมายขนาดนั้น ตระกูลมู่ถูกฆ่าล้างตระกูลการเคลื่อนไหวมากมายขนาดนั้น พวกเจ้าจะไม่รู้ได้หรือ?”
“นี่ก็เป็นจุดที่พวกข้ารู้สึกประหลาดใจ คนที่ฆ่าล้างตระกูลมู่น่าจะมีเพียงแค่คนเดียว และมีวิทยายุทธฝืนกฎธรรมชาติ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีเสียงดังออกมาแม้แต่น้อยได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนมองดูเขานิ่งๆ อยากดูให้แน่ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก
แต่แววตาของซ่างกวนหมิงหลางแน่วแน่ บนใบหน้าแฝงไปด้วยผ่าเผย ดูไม่น่าจะเหมือนคนพูดโกหก
“แล้วทำไมเจ้าถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?”
แววตาของซ่างกวนหมิงหลางหม่นหมองลงทันที เบือนหน้าหนีไปด้วยความหงอยเหงา
“คำสั่งของจักรพรรดินี แม้ว่าจะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ก็ตาม ก็ไม่มีใครกล้าขัด”
“ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงถูกนำตัวมา? เหอะ ตระกูลซ่างกวนที่สูงส่ง แม้ว่าจะไม่กล้าขัด แต่จะไม่มีวิธีทำให้จักรพรรดินียกเลิกการเรียกตัวเจ้าเข้าวังหรือ?”
“เจ้าอยากจะพูดอะไร?”
“ข้าอยากจะพูดอะไร ในใจเจ้ากระจ่างดีไม่ใช่หรือไง”
“หากว่าท่านพ่อมีวิธี ก็จะไม่ส่งข้าเข้าวังมาเด็ดขาด”
มุมปากของกู้ชูหน่วนแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน แต่กลับไม่ตอบอะไรอีก
ก็เพราะสีหน้าท่าทางของนาง จิตใจของซ่างกวนหมิงหลางแตกสลายไปทีละนิ้วๆแล้ว
เขาฝืนกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “จักรพรรดินีเป็นเจ้าแห่งแคว้นปิง กุมอำนาจอันยิ่งใหญ่ของใต้หล้า ในมือมีคนที่มีความสามารถมากมาย เรื่องที่นางจะคิดจะทำ ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวก่ายได้ ตระกูลที่มีชื่อเสียง รวมทั้งขุนนางและเชื้อพระวงศ์โดนตัดหัวเก้าชั่วโคตรไปเพราะว่าต่อต้านนาง”
“เรื่องไร้สาระของเจ้าข้าไม่สนใจ ข้าจะถามเจ้าแค่เพียง ศพคนของตระกูลมู่ล่ะ ตอนนี้อยู่แห่งใด?”
แววตาของซ่างกวนหมิงหลางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผ่านไปเป็นเวลานานก็ไม่พ่นออกมาสักคำเดียว
ในใจของกู้ชูหน่วนมีลางสังหรณ์ไม่ดีชนิดหนึ่ง
“พวกเจ้าทำอะไรกับศพ ? ทำลายแล้ว? หรือว่าเผาไปแล้ว? พูดสิ…….”
ปลายมีดของกู้ชูหน่วนออกแรงเล็กน้อย ซ่างกวนหมิงหลางขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอด
หากว่าที่นางแทงลงไปเป็นที่อื่นก็แล้วไป
แต่บังเอิญเป็นตรงนั้น
แค่นางออกแรงมากขึ้นอีกนิด เขาก็จะกลายเป็นขันทีผู้หนึ่งโดยสมบูรณ์
ถูกทำลายจนกระดูกกลายเป็นผุยผงไปแล้ว”
“ใครทำ?”
“คนตระกูลไป๋หลี่”
แรงสังหารของกู้ชูหน่วนพรั่งพรูออกมาอย่างดุเดือด โฉมหน้าที่งดงามเป็นเลิศใบนั้นเหมือนปีศาจที่ออกมาจากนรกโลกันตร์ ทำให้คนสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างอดไม่ได้
เพียงแค่ระดับสามตัวเล็กๆ
คิดไม่ถึงว่าจะมีแรงสังหารแข็งแกร่งขนาดนี้
“แรงสังหารของเจ้าหนักหน่วงเกินไปแล้ว จะล่อพวกเขาเข้ามาได้”
ซ่างกวนหมิงหลางยังพูดไม่ทันจบ กู้ชูหน่วนก็เก็บแรงสังหารกลับไปแล้ว
ดูอย่างถี่ถ้วน นางก็ยังเป็นนาง
เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่เยือกเย็นผู้หนึ่ง บนร่างกายไม่มีแรงสังหารอีกแม้แต่นิด
ราวกับว่าทุกอย่างเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
กู้ชูหน่วนกล่าว “เจ้าคิดว่าผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ตระกูลไป๋หลี่แล้ว ตระกูลซ่างกวนของพวกเจ้าก็จะไม่มีความผิดแล้วหรือ? ดักซุ่มอยู่รอบๆตระกูลมู่ ก็มีคนตระกูลซ่างกวงของพวกเจ้าด้วยไม่ใช่รึไง วันนั้นที่ตระกูลมู่คนที่จะขยี้สังหารข้า ไม่ได้มีตระกูลซ่างกวนด้วยงั้นหรือ? เจ้ากล้าบอกว่า พวกเจ้าไม่ได้อยากได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีรึเปล่า?”