อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1090 ถึงอกถึงใจ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1090 ถึงอกถึงใจ
มุมปากของซ่างกวนหมิงหลางขยับแล้วขยับอีก คิดจะโต้แย้งอะไร แต่ก็ไม่มีแรงจะโต้แย้ง
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพรรคใหญ่ๆทุกพรรครุมโจมตีนาง เพียงแค่เพราะบนตัวนางครอบครองของล้ำค่าหายาก
ไม่รอให้เขาเห็นอกเห็นใจเสร็จสิ้น น้ำเสียงเหยียดหยามอันสดใสของนางก็ดังขึ้น
“ผู้มีพรสวรรค์ที่ชื่อเสียงดังก้องสั่นสะท้านไปทั่วโลก รูปร่างก็เพียงแค่นี้”
การมองด้วยความดูถูกของนาง การหัวเราะด้วยความเย้ยหยันของนาง ทุกสิ่งล้วนทำร้ายซ่างกวนหมิงหลางอย่างสุดซึ้ง
ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีใครดูถูกเขาเช่นนี้
ซ่างกวนหมิงหลางโกรธ
แต่กู้ชูหน่วนก็แฉลบตัวจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเงาที่ชั่วร้ายเงาหนึ่ง
หน้าต่างเปิดอยู่
ลมยามค่ำคืนที่เหน็บหนาวพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ร่างกายท่อนบนของซ่างกวนหมิงหลางเปลือยเปล่าแล้ว การเปิดเผยเช่นนี้ทำให้เขาอับอายมากขึ้น
เขาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด หวังเพียงแค่คืนนี้จักรพรรดินีจะมีเรื่องด่วน อย่าได้เข้ามา ไม่เช่นนั้นความบริสุทธิ์ของเขาก็จะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงจริงๆแล้ว
กู้ชูหน่วนรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ก็รอไม่ถึงตอนที่จักรพรรดินีจะเข้าห้องไปปรนเปรอซ่างกวนหมิงหลางสักที
และก็หาไม่เจอว่าคืนนี้จักรพรรดินีจะไปพักค้างคืนที่ใดกันแน่
เมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว
นางไม่เต็มใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พระราชวังใหญ่เกินไป คิดจะหาไปทีละห้องก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย
ขณะที่นางกำลังคิดจะล้มเลิกการค้นหา แล้วกลับไปที่ห้องนอนของนางกำนัล ขันทีผู้หนึ่งก็เรียกนางไว้
“เจ้า เข้ามา นิ่งอึ้งทำอะไรอยู่ เรียกเจ้าน่ะ”
“กงกง ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรจะรับสั่งเจ้าคะ” กู้ชูหน่วนทำท่าทางเรียบร้อย แสร้งทำเป็นคำนับแล้วเอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว
“คืนนี้ฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญ เจ้าส่งสิ่งนี้ไปที่ตำหนักหยุนลู่ จะได้ทำให้ฝ่าบาทเกษมสำราญมากยิ่งขึ้น”
กู้ชูหน่วนรับถาดมา ด้านในมียาขวดหนึ่ง และมีป้ายคำสั่งเล็กๆ นางสูดดมกลิ่นเบาๆผ่านขวด ก็สามารถดมกลิ่นของยาปลุกอารมณ์ได้
“ข้าน้อย…..ข้าน้อยไม่รู้ว่าตำหนักหยุนลู่ไปอย่างไรเจ้าค่ะ”
“เดินตรงไปด้านหน้า แล้วเลี้ยวขวาสองครั้งก็ถึงแล้ว”
“เจ้าค่ะ……”
กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ
ขันทีสุนัขผู้นี้ ทั้งๆที่ข้างกายก็มีกลุ่มขันทีผู้น้อยและนางกำนัลผู้น้อยอยู่ แต่กลับให้นางไปส่งยา
ไม่ใช่เพราะรู้ทั้งรู้ว่าจักรพรรดินีเป็นคนโหดร้าย คนที่ไปส่งยาสิบคนรอดกลับมาได้แค่สองถึงสามคนรึไง จึงได้ให้นางไปเป็นแพะรับบาป ด้วยเหตุนี้จึงไม่แม้แต่จะถามนางว่าเป็นนางกำนัลของตำหนักไหน
ช่างเถอะ
นางกำลังกลุ้มใจที่หาจักรพรรดินีไม่พบอยู่พอดี เป็นเช่นนี้ก็ดี
กู้ชูหน่วนเดินหน้าไปตามคำชี้ทางของขันทีอย่างผ่าเผยไปตลอดทาง
ในที่สุด…….ขณะที่นางเข้าใกล้ตำหนักหยุนลู่ นางก็ได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดเสียงหนึ่ง “อ้า……”
เสียงนี้ มีความอดทน มีความกดดัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด
พร้อมด้วยเสียงแส้ที่ดังขึ้น
กู้ชูหน่วนเหลือบมอง กลับเห็นองครักษ์สิบกว่าคนคุ้มกันตำหนักแห่งหนึ่งอยู่
องครักษ์เหล่านั้นแต่ละคนล้วนมีสายตาที่ยอดเยี่ยม ถือกระบี่ไว้ในมือ
ภายใต้ยามค่ำคืน พวกเขาดูเหมือนหุ่นไม้เป็นตัวๆ
ราวกับว่าคุ้นเคยกับเสียงอันเจ็บปวดที่ดังออกมาจากในตำหนักแล้ว
กลิ่นคาวเลือดโชยมาตามลมยามค่ำคืน
ได้ยินเสียงแส้เฆี่ยนตีทีละแส้ดังออกมา ก็ไม่รู้คนด้านในถูกทรมานจนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
มือขวาของกู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวทันที คลุมยาในถาดด้วยแขนเสื้อไว้ ลงมือสลับสับเปลี่ยน เปลี่ยนยาในขวดไปทันที
นางก้มหน้า เดินไปที่ตำหนักหยุนลู่
องครักษ์ขวางกั้นนางไว้
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเชื่อฟังว่า “กงกงให้ข้าน้อยเอายามาส่งให้ฝ่าบาท นี่เป็นป้ายคำสั่งของกงกงเจ้าค่ะ”
หลังจากที่องครักษ์ยืนยันว่าป้ายคำสั่งถูกต้องแล้ว ดวงตาอันเย็นยะเยือกก็กวาดไปทางที่ไกลๆ
ใต้ต้นไม้ในที่ไกลๆกงกงผู้นั้นพยักหน้าให้องครักษ์
องครักษ์จึงได้ปล่อยให้กู้ชูหน่วนเข้าไป
กู้ชูหน่วนผลักประตูเข้าไป
ทันทีที่เข้าไป นางก็แทบอ้วกออกมาแล้ว
กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นความหลงระเริงในโลกีย์อบอวลอยู่ที่ปลายจมูกของนาง
นางเงยหน้า กั้นด้วยผ้าม่านโปร่งบางนางสามารถเห็นเหตุการณ์ด้านในได้รางๆ
ทันทีที่เห็น นางก็ตกใจอย่างอดไม่ได้