อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1098 คนรักศักดิ์ศรี
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1098 คนรักศักดิ์ศรี
บรรยากาศเงียบสงบจนน่าขนลุก
เย่จิ่งหานหันหน้าไป ไม่ยอมหันไปมองกู้ชูหน่วน
ในชีวิตของเขา น้อยครั้งมากที่ย่ำแย่ขนาดนี้
กู้ชูหน่วนเอาผ้าที่ปิดปากเขาออกมา แล้วเล่นเข็มในมือ ยิ้มจาง ๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “เย่จิ่งหาน ดูเหมือนจะเป็นท่านอ๋องอะไรสักอย่างใช่ไหม อืม ข้าเข้าใจ……”
“เจ้าเข้าใจอะไร?”
เดิมเย่จิ่งหานไม่สนใจนาง
แต่คำพูดของนางไม่น่าฟังอย่างมาก
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
“จะต้องรู้อะไร ก็รู้ว่าตำแหน่งอ๋องของเจ้าได้มายังไงสิ”
“เหลวไหล ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ?”
“ใช่ใช่ใช่ เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น”
ปากนางบอกว่าใช่ สายตากลับแลดูไม่น่าเชื่อถือเลย
เดิมเย่จิ่งหานก็เป็นคนรักเกียรติคนหนึ่ง
และก็เป็นคนรักศักดิ์ศรี
กู้ชูหน่วนล้อเล่นแบบนี้ บวกกับสภาพของตนเองตนนี้ เย่จิ่งหานยิ่งโกรธโมโห
เห็นกู้ชูหน่วนจะถอดเสื้อผ้าของเขา เขาหายใจถี่ขึ้นมา
“เจ้าทำอะไร?”
“จะทำอะไรได้ ช่วยฝังเข็มให้เจ้าไง”
“ไม่ต้อง”
“ไม่ต้อง หรือกลัวข้าเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น”
สายตากู้ชูหน่วน มองเห็นลักษณะท่าทีทุกอย่างของเย่จิ่งหาน
“ทำอย่างกับข้าไม่เคยเห็น วางใจเถอะ ข้าไม่เหมือนจักรพรรดินีที่มักในกามขนาดนั้น เห็นผู้ชายก็จะกระโจนเข้าไป”
“มู่หน่วน…..แค่กๆ……”
เสียงอันอ่อนแรงของเย่จิ่งหานดังขึ้น
ไม่รู้ว่าเจ็บแผลหรือเปล่า เขาไอขึ้นมาอย่างรุนแรง มุมปากมีเลือดไหลออกมา
กู้ชูหน่วนเก็บผ้าขาวขึ้นมา ยืดใส่ปากของเขาอีกครั้ง
“บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยังมีแรงตะโกนโหวกเหวก”
พัฟ…..
กู้ชูหน่วนเปิดผ้าห่ม
เป็นอย่างที่นางคิดไว้ ภาพภายใต้ผ้าห่มนั้นแสบตามาก
เลว่อิ่งก็แสบตาพออยู่แล้ว
เย่จิ่งหานยิ่งแสบตา
อย่างน้อยเลว่อิ่งยังสวมชุดบาง
ส่วนเขา…..
ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น
เปล่าเปลือยตั้งแต่หัวจรดเท้า
ถึงว่าเย่จิ่งหานตื่นเต้นขนาดนั้น
เป็นใคร ใครก็ตื่นเต้น
กู้ชูหน่วนหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “รูปร่างไม่เลว กล้ามเนื้อนี้ดึงดูดให้คนอยากทำเรื่องเหลวไหลจริงๆ”
“อื๊ม…..”
เย่จิ่งหานดิ้นรนอย่างสุดชีวิต
อยากที่จะฉีกผู้หญิงตรงหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ
แต่มือเท้าเขาถูกมัดไว้
ปากถูกผ้ายัดไว้
อยากปกปิดร่างกายตนเองก็ทำไม่ได้
อยากก่นด่าก็ทำไม่ได้
ทำได้เพียงถลึงตาจ้องมองกู้ชูหน่วน
สายตาที่ฆ่าคนได้นั้น อดไม่ได้ที่จะทำให้รู้สึกเย็นเฉียบตั้งแต่หัวจรดเท้า
กู้ชูหน่วนไม่สนใจสายตาโกรธเคืองของเขาที่สามารถฆ่าคนได้นั้น
แต่ก้มหน้าดูรูปร่างของเขา
รูปร่างเขาดีจริงๆ เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก ไม่มีจุดที่ทำให้รู้สึกแย่เลย
นอกจากขาคู่นั้น
และมีช่องเลือดขนาดใหญ่ตรงท้องของเขา
ที่เรียกว่าช่องเลือด เพราะส่วนนั้นถูกมือคู่หนึ่งล้วงทำลาย
ถึงจะทำแผลแล้ว ไส้ไม่ทะลักออกมา
แต่ช่องเลือดตรงท้องใหญ่มาก หากไม่เย็บแผลยากที่จะรักษา
พันแผลแบบนี้ มีแต่ผลร้ายไม่มีประโยชน์
นางไม่รู้ว่าวันนั้นเย่จิ่งหานไปเจอยอดฝีมือขนาดไหน ถึงได้ถูกคนทำร้ายอย่างสาหัสในระยะประชิดแบบนี้ ไม่เพียงตรงท้องถูกล้วงเป็นช่องเลือด แม้แต่อวัยวะภายใน กระทั่งเส้นเอ็นบางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ตรงท้องแลดูน่ากลัว แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต
เส้นเอ็นเสียหาย ดีที่ไม่ขาด
ที่ยากคืออาการบาดเจ็บภายในของเขา
กู้ชูหน่วนใช้การฝังเข็มเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและห้ามเลือดให้เขาก่อน
แล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลตรงท้อง
นางเบามือมาก ราวกับถือสมบัติล้ำค่าไว้ กลัวลงมือหนักไป เย่จิ่งหานก็จะแตกสลายเหมือนตุ๊กตา
เย่จิ่งหานโกรธจนหายใจเข้าออกอย่างแรง
เขารอกู้ชูหน่วนพูดเหน็บแนมเขาต่อ
รอตั้งนานก็ไม่เห็นกู้ชูหน่วนพูดอะไร
ดวงตากะพริบตาไปมา เย่จิ่งหานหันไปมองดูกู้ชูหน่วน กลับเห็นกู้ชูหน่วนกำลังตั้งใจจัดการบาดแผลตรงท้องให้เขา
ในสายตาของนางมีเพียงบาดแผลของนาง ชัดเจนจนปราศจากสิ่งเจือปน
ไม่มีลักษณะท่าทีลามกเหมือนอย่างเมื่อกี้แล้ว
เย่จิ่งหานยังรู้สึกได้ว่านางเคลื่อนไหวอ่อนโยนมาก กลัวจะทำให้เขาเจ็บ
ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าลักษณะท่าทีกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทั้งเนื้อทั้งตัวเผยให้เห็นถึงความโศกเศร้าบางอย่าง โดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะครอบครัวถูกฆ่าล้างตระกูลหรือเปล่า
คิดถึงภาพตระกูลมู่ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ เย่จิ่งหานรู้สึกสงสารนางขึ้นมา
ล้วนเป็นญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกัน กลับตายต่อหน้าต่อตานาง ใครบ้างจะทนรับได้
แต่นางกลับไม่พูดถึง
และก็ไม่เผยให้เห็นถึงความโศกเศร้า
ยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกทรมาน
เย่จิ่งหานหายโกรธลงอย่างมาก แต่ยังหน้าแดงอยู่
เขาไม่เคยชินกับการเปลือยกายอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ยังถูก…..
“บาดแผลใหญ่เกิน ข้าต้องเย็บแผล ค่อนข้างเจ็บหน่อย เจ้าอดทนไว้นะ”
“ซี๊ด…..”
เย่จิ่งหานขมวดคิ้ว
ผู้หญิงคนนี้ใช้เข็มเย็บแผลของเขา
เขาเป็นเสื้อผ้าหรือ?
เย่จิ่งหานเหงื่อแตก แต่เขากัดฟันไว้แน่น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กู้ชูหน่วนไม่เพียงช่วยเย็บแผลให้เขา ยังช่วยฝังเข็มให้เขาแล้ว
การกระทำพวกนี้ เย่จิ่งหานทรมานจนลมหายใจรวยริน
ขันทีน้อยเอากระบอกไม้ไผ่กลับมาแล้ว
เห็นกระบอกไม้ไผ่พวกนั้น เย่จิ่งหานอึ้ง
นี่คือ….
ครอบแก้ว?
หลายปีก่อน อาหน่วนก็เคยใช้กระบอกไม้ไผ่ช่วยครอบแก้วให้เขา เพื่อดูดพิษในร่างกาย รักษาขาทั้งคู่ของเขา…..
การครอบแก้วในโลกนี้มีอาหน่วนทำเป็นคนเดียว
นางทำเป็นได้อย่างไร?
หรือว่าอาหน่วนอยู่ในร่างกายนาง ฝีมือที่อาหน่วนทำเป็น นางก็ล้วนทำเป็น
“วางใจ พิษในร่างกายของเจ้า ข้าใช้การครอบแก้วช่วยดูดออกมาให้เจ้า ไม่เจ็บ”
ดวงตาทั้งคู่ของเย่จิ่งหานจ้องมองดูกู้ชูหน่วน
มองดูนางฆ่าเชื้ออย่างชำนาญ ครอบแก้ว เดินแก้ว สุดท้ายดึงแก้ว ปล่อยเลือด….
แม้แต่การเคลื่อนไหวก็เหมือนกัน….
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คือ เมื่อก่อนตอนที่อาหน่วนใช้การครอบแก้วรักษาเขา สายตาของนางเต็มไปด้วยชี่ทิพย์ เต็มไปด้วยความหยอกล้อ แทบอยากที่จะทรมานให้เขาตาย
ส่วนนาง…..
ดวงตาคู่นั้นถึงจะเหมือนอาหน่วน แต่ขาดความแพรวพราว
“เสร็จแล้ว”
กู้ชูหน่วนหายใจเข้าลึกๆ วางมีดเปื้อนเลือดดำในมือลง
เย่จิ่งหานค่อยได้สติกลับมา
เมื่อมองดูด้านข้าง ข้างเตียงมีถังไม้วางอยู่หลายใบ
ในถังไม้มีเลือดสีดำเต็มถัง
บนขา บนตัวของเขาถูกมีดกรีดหลายแผล เลือดพิษถูกปล่อยออกมาจากในร่างกายของเขา
“พิษพวกนี้มีมาตั้งแต่ในท้องของแม่เจ้า ถึงแม้เมื่อก่อนมีคนเคยช่วยเจ้ากำจัดพิษแล้ว แต่….เจ้าไม่รักดี ปล่อยให้พิษก่อตัวขึ้นมาอีก จนทำให้เลือดคลั่ง ส่งผลกระทบทำให้ขาทั้งคู่เดินไม่ได้”
“พิษบนขาของเจ้ามีเยอะมาก ซึมไปทั่วร่างกาย หากจะกำจัดทั้งหมดนั้นยากมาก ข้าทำได้เพียงพยายามให้ดีที่สุด”
“ทำไมเจ้าถึงรู้วิชาทางการแพทย์มากมายขนาดนี้?”
“ไม่รู้ บางทีข้าอาจจะรู้ฝีมือทางการแพทย์มาตั้งแต่เกิดมั้ง”
เย่จิ่งหานมีความหวังขึ้นมา
สิ่งที่อาหน่วนเป็น นางก็เป็น
งั้นจะมีวิธีปลุกดวงจิตที่อยู่ในร่างกายของนางไหม?
ให้เขาได้เจอกับอาหน่วนสักครั้ง?
“เย่จิ่งหาน เจ้ากับจักรพรรดินีมีแบบนั้นกันจริงๆแล้วหรือยัง?”
กู้ชูหน่วนเทียบกับท่าทางมือ พร้อมมองอย่างคลุมเครือ