อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 11 คนที่เข้าใจข้าก็รู้ว่าข้ากำลังเศร้าใจ
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 11 คนที่เข้าใจข้าก็รู้ว่าข้ากำลังเศร้าใจ
ยาสมุนไพรมากกว่าสามสิบชนิด เติบโตในสถานที่ต่างๆ ไม่รู้ว่าวันไหนนางจะเก็บได้ครบ ไม่สู้หาเงินนิดหน่อยมาซื้อยาสมุนไพรไปเลยดีกว่า
คำพูดของอาจารย์สวีเป็นเหมือนการสะกดจิต และเนื่องจากไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยตั้งแต่ข้ามเวลามา กู้ชูหน่วนจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งตอนที่นางตื่น เป็นเซียวหยู่เซวียนที่ตบปลุกนางตื่นขึ้นมา
นางเงยหน้าขึ้นอย่างงัวเงีย “เช้าแล้วเหรอ?”
อาจารย์สวีโกรธมาก “กู้ชูหน่วน ในสายตาเจ้ายังมีข้าคนนี้อยู่หรือไม่”
เสียงดังก้องจนกู้ชูหน่วนต้องเกาหู
ตาแก่ผู้เลวร้ายคนนี้ อายุมากแล้วยังอารมณ์ร้อนอยู่อีก
ทุกคนในชั้นเรียนต่างหัวเราะลั่นอย่างทนไม่ไหว
มาสายก็ช่างแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังกล้าหลับในห้องเรียนอีก
อาจารย์สวียังขึ้นชื่อในเรื่องอารมณ์ร้อนเสียด้วย
“นี่คือชั้นเรียนของราชวิทยาลัย ใต้ผืนฟ้านี้มีคนมากมายใฝ่ฝันอยากเข้ามา แต่เจ้าล่ะ……เจ้ากลับนอนหลับในห้องเรียน เจ้า……เจ้าจะทำให้ข้าโกรธจนตายทั้งเป็นใช่ไหม?”
เซียวหยู่เซวียนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก
เขาควรดีใจหรือควรเห็นใจนางดี
ตอนที่กู้ชูหน่วนยังไม่มา ทุกครั้งคนที่มักถูกอาจารย์จับผิดเสมอเป็นเขา ตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนแล้ว สาวน้อยอัปลักษณ์คนนี้ ไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก
อย่างมากที่สุดเขาก็แค่แอบงีบ แต่นางหลับลึกจนถึงกับส่งเสียงกรนออกมา
กู้ชูหน่วนแก้ตัวหาความชอบธรรมให้ตัวเอง “อาจารย์ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ราชวิทยาลัยคือสถานที่อะไร ข้าใฝ่ฝันอยากมาที่นี่นะ จะกล้าสัปหงกได้ยังไง เมื่อครู่ข้าแค่กำลังคิดทบทวนบทเรียนที่ท่านสอน”
“เพ้อเจ้อ เจ้านอนหลับในห้องเรียน เจ้ายังจะสรรหาเหตุผลมาอ้าง ถ้าเช่นนั้นเจ้าบอกมาสิ เมื่อครู่ข้าสอนถึงตรงไหน”
กู้ชูหน่วนเบี่ยงหน้าด้านข้าง กวาดมองไปทางเซียวหยู่เซวียน ใช้สายตาส่งสัญญาณให้เขา
เซียวหยู่เซวียนใช้หนังสือบังแล้วพูดเสียงเบาว่า “หนูจาก”
หนูจาก? หนู? ผีบ้าอะไรเนี่ย
นางกะพริบตาปริบๆ ท่าทีสับสน
“หนูจาก หนูจากไปแล้ว”
ได้ยินแบบนั้น กู้ชูหน่วนยิ่งงุนงง
การเรียนเละเทะอะไรเนี่ยนะ
“กู้ชูหน่วน เซียวหยู่เซวียน พวกเจ้าสองคนยักคิ้วหลิ่วตาอะไรกันอยู่”
“อาจารย์ เมื่อวานข้านอนไม่ค่อยสบาย วันนี้สายตาจึงไม่ค่อยดี มันกระตุกไม่หยุดเลย ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง” เซียวหยู่เซวียนอธิบาย
พวกศิษย์ในชั้นเรียนต่างหัวเราะ
ทั้งสองคนนั่งโต๊ะติดกัน หนึ่งก็คนสำรวย อีกหนึ่งก็คนทึ่ม เข้าคู่ได้เหมาะสมอย่างแท้จริง
กู้ชูหลันยิ้มอย่างหยิ่งผยอง
น้องสาวคนนี้ของนางเป็นคนที่มีความรู้ลึกน้อยแค่ไหน นางรู้ดีกว่าใคร นางกำลังรอดูเรื่องตลก
“กู้ชูหน่วน เจ้ายังไม่รีบตอบอีก เมื่อครู่ข้าสอนถึงตรงไหน”
“หนูจากไปแล้ว” กู่ชูหน่วนจำใจตอบ หวังว่าเซียวหยู่เซวียนจะพึ่งพาได้
“ฮ่าๆๆ……”
ทุกคนหัวเราะลั่นจนกลั้นไม่อยู่
กู้ชูหน่วนหน้าตึง ถลึงตาใส่เซียวหยู่เซวียนด้วยความไม่พอใจ กระซิบคำด่า “ข้าเชื่อเจ้ากับผีสิ”
เซียวหยู่เซวียนสีหน้าคับข้องใจ “ก็สอนถึงหนูจากไปแล้วจริงๆ นี่”
“ไม่ได้เรื่อง พวกเจ้าสองคนต้องการให้ข้าโกรธจนตายใช่ไหม”
อาจารย์สวีทุบอกแล้วชี้ไปด้านนอก “พวกเจ้า…..พวกเจ้าไปวิ่งรอบราชวิทยาลัยห้าสิบรอบ วิ่งไม่จบห้ามกลับมา”
เซียวหยู่เซวียนอึ้ง “อาจารย์ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า”
“คุณชายเซี่ยวนะคุณชายเซี่ยว พี่ชายคนโตของเจ้าเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ พี่ชายคนรองของเจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็นสี่อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ซ่างกวน เจ้า……ทำไมเจ้าไม่ได้รับการสืบทอดพรสวรรค์มาจากบรรดาพี่ๆ ของเจ้ามาเลยสักนิด ข้าสอนอยู่ตรงนี้มาเป็นครึ่งค่อนวันแล้ว เจ้าพูดแค่หนูจากไปแล้วประโยคเดียว เจ้าต้องการให้ข้าโกรธจนตายใช่ไหม เจ้าจะให้ข้าไปพบหน้าท่านแม่ทัพใหญ่เซียวยังไง”
บัดซบ
เขาช่วยสาวน้อยอัปลักษณ์นี้ไป แถมยังช่วยให้ตัวเองมีความผิดไปด้วยอีก
จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ บึนปากและพูดอย่างเกียจคร้าน “อาจารย์ เมื่อครู่แค่ล้อเล่นกับท่าน ดูสิทำให้ท่านโกรธเฉยเลย ท่านฟังนะ ข้าจะท่องให้ท่านฟัง”
ทุกคนต่างไม่เชื่อ รอนางทำเรื่องน่าตลกต่อไป
อ๋องเจ๋อยิ่งหัวเราะเยาะ
ชีวิตนี้เรื่องที่เขาทำถูกต้องที่สุด ก็คือยกเลิกการเสกสมรสกับนาง ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงต้องเสียหน้า
ทุกคนต่างไม่มีใครคาดคิด ว่ากู้ชูหน่วนจะท่องออกมาได้ทุกคำ
“ข้าวฟ่างลาจาก ต้นกล้าแตกหน่อ ก้าวเดินไร้ทิศ จิตใจสั่นสะท้าน คนที่รู้จักข้า บอกข้าเศร้าใจ คนที่ไม่รู้จัก บอกข้าเรียกร้อง ท้องฟ้าทอดยาว! นี่มันอะไร”
โอ้ว……
ทั้งห้องเรียนฮือฮา
นาง…..นางท่องออกมาได้ยังไง
ข้าวฟ่างลาจากมันสูญหายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขารู้แค่ครึ่งแรกประโยคเท่านั้น
อาจารย์สวีตกตะลึง
กู้ชูหลันกับกู้ชูหยุนและคนอื่นๆ ก็ตกตะลึง
อ๋องเจ๋อมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากเชื่อ
แม้แต่ซ่างกวนฉู่ที่อยู่ข้างอาจารย์สวีนั้นมือที่ถือหนังสือก็ยังสั่นเทา เงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ มองกู้ชูหน่วนอย่างพิจารณา
คนที่รู้จักข้า บอกข้าเศร้าใจ คนที่ไม่รู้จัก บอกข้าเรียกร้อง
นาง…..ท่องข้าวฟ่างลาจากได้ยังไง
“ข้าวฟ่างลาจาก ต้นกล้าแตกหน่อ ก้าวเดินไร้ทิศ จิตใจสั่นสะท้าน คนที่รู้จักข้า บอกข้าเศร้าใจ คนที่ไม่รู้จัก บอกข้าเรียกร้อง ท้องฟ้าทอดยาว! นี่มันอะไร”
สายตาแปลกของทุกคนทำให้กู้ชูหน่วนมึนงง
หรือว่าไม่ใช่ข้าวฟ่างลาจาก
ประโยคที่สามนางก็ไม่กล้าท่องออกมาแล้ว
ได้แต่พูดอย่างเขินๆ “เอ่อ……ท่านอาจารย์ ข้าไปวิ่งห้าสิบรอบดีกว่า แต่กู้ชูหลันเป็นเพื่อนร่วมศึกษาของข้า ข้าถูกลงโทษให้วิ่ง นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่วิ่ง”
กู้ชูหลันที่ตกตะลึงก็ได้สติขึ้นมาตกใจ “เกี่ยวอะไรกับข้า”
“ทำไมเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเจ้า ในฐานะเพื่อนร่วมศึกษา เจ้านายของเจ้าทำผิด เจ้าไม่ควรถูกลงโทษรึ?”
“นี่มันเหตุผลอะไร”
“ก็เหตุผลนี่หละ หากเจ้ามีข้อโต้แย้ง ก็ออกประตูไปแล้วเลี้ยวซ้าย ไปหาฝ่าบาท ทูลฝ่าบาทว่าอย่าให้เจ้ามาเป็นเพื่อนร่วมศึกษากับข้า”
“ดีๆๆ ดีมาก คุณหนูสามกู้ นี่เป็นข้าวฟ่างลาจากที่สมบูรณ์เหรอ”
จู่ๆ อาจารย์สวีก็พุ่งเข้ามา พูดมากมายจนแทบทำเอากู้ชูหน่วนสะดุ้งตกใจ
ตาแก่นี่ ในสมองมีหลุมเหรอ อารมณ์แปรปรวน บุคลิกแปลกแยกหรือไง
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่ตอบ อาจารย์สวีก็รีบถามอีกครั้ง “คุณหนูสามกู้ นี่เป็นข้าวฟ่างลาจากที่สมบูรณ์เหรอ”
“ไม่ใช่”
“แล้วที่เหลือล่ะ ท่องได้อีกหรือไม่”
“ท่านไม่ใช่อาจารย์เหรอ ท่านสอนไปก็ดีแล้ว ทำไมข้าต้องท่องด้วย”
ประโยคนี้ทำให้อาจารย์สวีสำลัก
ข้าวฟ่างลาจากสูญหายมาเป็นพันปีแล้ว
ที่ยังหลงเหลือมีเพียงข้าวฟ่างลาจาก ต้นกล้าแตกหน่อ ก้าวเดินไร้ทิศ จิตใจสั่นสะท้าน ประโยคสั้นๆ ที่สั่นคลอนหัวใจ
บัณฑิตผู้คงแก่เรียนมากมายต่างทำการรวบรวมข้าวฟ่างลาจาก แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถรวบรวมได้สมบูรณ์
อาจารย์สวีไม่สนใจว่านางคิดอย่างไร ใจคิดแค่อยากดึงกลอนวรรคหลังจากตัวนาง
“บอกตามตรง ข้าวฟ่างลาจากหายสาบสูญไปนานแล้ว เพราะฉะนั้น……คุณหนูสามก็เข้าใจ”
กู้ชูหน่วนค้นหาความทรงจำ จำได้เลือนรางว่าเมื่อฉู่และฮั่นต่อสู้เพื่ออำนาจ มิติเวลาอุบัติผันเปลี่ยน ทวีปของพวกเขาถูกแยกออกเป็นฝักฝ่ายเมื่อฉู่และฮั่นต่อสู้เพื่ออำนาจ จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่าสองพันปีแล้ว
ในช่วงสองพันปีที่ผ่านมามีสงครามนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากผันเปลี่ยนไปหลายสิบราชวงศ์ งานเขียนของฉู่และฮั่นในอดีตได้หายสาบสูญไปเนิ่นนาน และวรรณกรรมจำนวนมากก็จมอยู่ในกระแสประวัติศาสตร์เช่นกัน
ตามความทรงจำของนาง ในอดีตนั้นดูเหมือนว่าตระกูลเซี่ยงแห่งฉู่ตะวันตกได้ยึดบัลลังก์ เพียงแต่นั่งบัลลังก์ไม่ถึงยี่สิบปี ก็ถูกแคว้นฉีแทนที่
นี่หมายความว่าเมื่อฉู่และฮันต่อสู้เพื่ออำนาจ มิติเวลาแยกออกเป็นสาย
สายหนึ่งคือหลิวปังขึ้นครองบัลลังก์ซึ่งคุ้นเคยกับนาง สร้างราชวงศ์ฮั่น เซี่ยงอวี่เชือดคอฆ่าตัวตายที่อู๋เจียง
อีกสายคือมิติเวลาแห่งนี้ ตระกูลเซี่ยงขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลหลิวถูกสังหารทั้งหมด
กู้ชูหน่วนทบทวนความทรงจำที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้น แต่รู้สึกว่าสมองวุ่นวายไปหมด
“ในบทกวีทั้งหมดมีสามบรรทัด ตอนนี้ข้าท่องสองบรรทัดแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งบรรทัดสุดท้าย ถ้าให้ข้าท่องออกมาก็ย่อมได้ แต่ว่า……ท่านต้องสัญญาหนึ่งเงื่อนไขกับข้า”