อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 110 เข้าเรียนสาย
กู้ชูหน่วนหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนสูตรยาสองสามขนานบนกระดาษเปล่า เดิมทีนางต้องการให้พวกเขาจัดยาตามใบสั่งยา แต่เมื่อนางคิดถึงข้อจำกัดทางการเงิน กู้ชูหน่วนก็ถอนหายใจ แล้วไปที่ตำบลด้วยตัวเองเพื่อจัดยา และต้มยาให้นางด้วยตัวเอง
ยายเย่ปฏิเสธทุกวิถีทาง กู้ชูหน่วนยิ้มแล้วพูดว่า “ยาก็จัดไว้แล้ว แถมยังต้มเอาไว้แล้วด้วย หากท่านไม่ดื่ม คงไม่ใช่ว่าจะให้ข้าดื่มหรอกกระมัง หรือท่านจะให้ข้าโยนทิ้ง”
“เออ…”
“ในร่างกายของท่านมีพิษแปลกๆ แม้ว่ายานี้จะไม่สามารถรักษาพิษของท่านได้ แต่ก็สามารถบรรเทาอาการปวดของท่านได้ อาการไอและปวดกระดูกขาก็สามารถรักษาให้หายได้”
“แม่นาง…”ยายเย่แปลกใจอยู่เล็กน้อย น้อยคนนักจะเห็นว่านางถูกวางยาพิษ ทั้งๆที่นางยังอายุน้อยอยู่แท้ๆกลับรู้ถึงอาการป่วยโดยไม่ต้องชีพจร
“อย่างที่ข้าบอก ครอบครัวของข้าเป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ข้าก็เลยรู้บ้างนิดหน่อย”
“ท่านเป็นคนดี และชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านนี้ก็เป็นคนดีเช่นกัน” ยายเย่ไอและเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อเป็นครั้งคราว
ดวงตาของนางกลวงเปล่า ที่ไหลอยู่ไม่ใช่น้ำตา แต่เป็นเลือด
กู้ชูหน่วนดูแล้วก็ทุกข์ใจอย่างอธิบายไม่ได้
ชีวิตลำบากเช่นนี้ สุขภาพก็ย่ำแย่เช่นนี้ ด้วยความสามารถของเย่เฟิง แต่กลับหาเงินอย่างสุจริต ใช้ชีวิตธรรมดาของพวกเขา
จากหมู่บ้านเสี่ยวเหอกลับมาที่ราชวิทยาลัย ก็ใกล้จะค่ำแล้ว
ตามที่นางคาดไว้ ทุกคนในราชวิทยาลัยใช้สายตาแปลกมองมาที่นาง
อาจารย์หรงชี้มาที่จมูกของนางแล้วด่าทอ
“กู้ชูหน่วน! เจ้าเคยเห็นราชวิทยาลัยอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่? ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เจ้าพึ่งจะมาเรียนนี่นะ?”
เมื่อวานมีการลอบสังหารลูกโซ่ในตรอกของพระนคร คนในพระนครคงจะรู้กันหมด อาจารย์ท่านก็คงจะรู้ด้วยว่าเป้าหมายของการลอบสังหารคือข้า แต่ท่านเจอข้าแวบแรกกลับไม่ถามข้าสักคำว่าข้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ แต่กลับถามข้าว่าข้ามาเรียนสาย ท่านว่า
ใบหน้าของอาจารย์หรงเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว
ตั้งแต่เขาเป็นอาจารย์มา ไม่เคยมีใครกล้าโต้แย้งในสิ่งที่เขาพูด แต่เขาแค่พูดไปคำเดียว กู้ชูหน่วนก็ว่าเข้าว่าไม่คู่ควรเป็นอาจารย์มาเป็นชุด แล้วคำพูดพวกนี้เขายังโต้แย้งไม่ได้สักคำอีก
ใช่ว่าเขาไม่สนใจ แต่เขาติดเป็นนิสัยแบบนี้มานานแล้ว
ที่เรียนในตอนบ่ายเป็นวิชาหลักแห่งพิณ โดยมีอาจารย์ซ่างกวนบรรยายและอาจารย์หรงฟังอยู่ด้านข้าง
อาจารย์ซ่างกวนยิ้มอย่างสง่างาม เป็นความสง่างามแบบไม่มีที่ติ “ที่จริงอาจารย์หรงท่านก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้ามาก แต่เพราะรีบร้อนจึงพูดประโยคเหล่านี้ ในเมื่อคุณหนูสามเองก็ปลอดภัยดี เช่นนั้นกรุณานั่งเรียนต่อเถิด”
อาจารย์หรงโล่งใจ ที่มีคนมาช่วยแก้สถานการณ์ “สิ่งที่อาจารย์ซ่างกวนกล่าวนั้นเป็นความจริง”
กู้ชูหน่วนกรอกตา
เป็นเหตุผลที่ชุ่ยสิ้นดี
เมื่อองค์หญิงตังตังเห็นนาง อารมณ์ดีๆก็หายไปในทันที
กู้ชูหยุนกำลังบรรเลงพิณ ใบหน้าที่สวยงามอ่อนช้อย แสดงความโกรธแค้นออกมา และหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น
การบรรเลงพิณของนางไพเราะจับใจ ดั่งเสียงของธารน้ำที่ค่อยๆไหลผ่านสะพาน ทุกทำนองบรรเลงได้อย่างไร้ที่ติ หลายคนในราชวิทยาลัยอุทานออกมาอย่างตกใจ
“คุณหนูรองกู้บรรเลงพิณได้ดีมาก ถ้านางได้เข้าร่วมงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ต้องได้เป็นอันดับต้นๆ ในด่านทักษะพิณแน่”
“ก็นั่นนะสิ แต่นางก็โชคร้าย ถูกกู้ชูหลันทำให้ติดร่างแหไปด้วย เลยพลาดโอกาสนี้ไป”
“ถ้านางได้เข้าร่วมงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นในรอบชนะเลิศ แล้วได้รับการจัดอันดับ ในอนาคตจะต้องบินขึ้นไปกลายเป็นหงส์แน่นอน น่าเสียดายทุกอย่างสายไปแล้ว”
“…”
กู้ชูหน่วนยังอดนับถือไม่ได้ กู้ชูหยุนบรรเลงพิณได้ดีจริงๆ
แต่ว่าภายใต้เสียงไพเราะของพิณ กลับมีความมืดมิดบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง เสียงพิณเช่นนี้ นางไม่ชอบ