อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1111 ข้าสามารถรักษาขาของเจ้าได้
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1111 ข้าสามารถรักษาขาของเจ้าได้
“งั้นต้องรอถึงเมื่อไหร่?”
“ให้เวลาข้าหน่อย เมื่อมีความต้องการข้าจะเรียกพวกเจ้า”
กระทิงไฟเก้าเขากระทืบเท้าพร้อมพูดขึ้นอย่างมีสัจจะว่า “ข้าว่า เราบุกไปฆ่าเลยดีกว่า จะกลัวพวกเขาทำไม คนชั่วพวกนั้น เลี้ยงนักฝึกสัตว์ไว้มากมาย หลายปีมานี้จับเพื่อนพ้องเราไปไม่รู้เท่าไหร่ พวกเราอยากที่จะฆ่าพวกเขาแล้ว… หรือ…ก่อนแล้วก็ฆ่า”
อีกาดำเบะปาก พร้อมพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “กระทิงไฟเก้าเขา เจ้าด่าคนก็ด่าคนไป อย่าพาดพิงพวกนกอย่างเรา หากพวกนกอย่างเราขี้ขลาด เจ้าก็เป็นไอ้เต่าชั่ว”
“เสียงหายใจดังฮืด ๆ…..”
เต่าเฒ่าพันปีสองตัววิ่งมาอย่างรีบร้อน มันพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ใครก่นด่าพวกเราอีก พูดกันดีๆไม่ได้หรือ”
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พร้อมหันไปมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อย
“พวกเจ้าหาผู้ช่วยมาเยอะขนาดนี้เลยหรือ?”
เจ้าเสือน้อยถูอุ้งเท้าเสือ พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เพียงพวกเราสั่ง พวกเพื่อนพ้องต่างก็พร้อมมาช่วย”
กู้ชูหน่วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อยเป็นยอดฝีมือ
แต่เพียงแค่ออกคำสั่ง สัตว์อสูรทุกอย่างพร้อมช่วยด้วยชีวิต เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
อาจเป็นเพราะคนตระกูลไป๋หลี่กระทำแต่เรื่องชั่วร้าย พวกเขาจึงอดทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้มีสัตว์วิเศษโบราณสองตัวเชื้อเชิญ พวกเขาจึงเข้าร่วมเพื่ออยากที่จะทำลายล้างตระกูลไป๋หลี่ แก้แค้นให้สาสม ต่อไปจะได้ไม่ถูกพวกเขาจับตัวไป
เมื่อมองดูเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ จับจ้องมองดูหมูป่าตัวหนึ่ง พร้อมน้ำลายไหลอยู่บ่อยครั้ง
กู้ชูหน่วนสีหน้าบึ้งตึง
เจ้างูตะกละ เชิญหมูป่ามาช่วย ยังอยากกินคนอื่น?
ไม่เห็นว่าหมูป่าตัวนั้นตัวสั่นหรือ?
กู้ชูหน่วนเอื้อมมือเขกสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ บ่งบอกให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เก็บน้ำลายตนเองด้วย
นางกอดอก พร้อมพูดขึ้นว่า “มู่หน่วนขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่มาช่วย เราจะทำลายถอนรากถอนโคนตระกูลไป๋หลี่แน่นอน แต่….เราต้องวางแผนกันในระยะยาวก่อน เพื่อให้เกิดการสูญเสียที่น้อยที่สุด”
เจ้าเฒ่าเต่าพันปีพูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่าแม่นางมู่พูดมีเหตุผล ตระกูลไป๋หลี่มีนักฝึกสัตว์เยอะมาก หากเราบุกไปฆ่าอย่างวู่วาม จะต้องบาดเจ็บล้มตายกันเยอะแน่ และอาจจะทำให้พวกเจ้าเฒ่าตระกูลไป๋หลี่หนีไป เราเชื่อฟังแม่นางมู่ดีกว่า รอฟังข่าวของนาง”
ถึงแม้พวกสัตว์อสูรจะร้อนใจ
แต่ก็รู้ว่าต้องวางแผนระยะยาว
ยังไงตระกูลไป๋หลี่ก็มีนักฝึกสัตว์เป็นจำนวนมาก พวกเขาไม่กลัวอะไร แต่กลัวนักฝึกสัตว์
นักฝึกสัตว์เกิดมาเพื่อห้ามปรามพวกเขา
“ก็ได้ งั้นพวกเราเชื่อฟังแม่นางมู่ ช่วงนี้พวกเราจะไปตามเพื่อนมาอีก จะพยายามพาพรรคพวกมาเยอะๆ รอฟังคำสั่งแม่นางมู่”
กองทัพอันเกรียงไกรค่อยสลายไป เหลือเพียงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อยที่หงองแหงงหึงหวงกู้ชูหน่วนอยู่
กู้ชูหน่วนหิ้วเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมาถามว่า “คนที่สะกดรอยตามข้ามา สลัดทิ้งไปแล้วหรือยัง?”
“วางใจ พวกเขาไม่ได้ยินพวกเราคุยกัน และก็ไม่รู้ว่านายหญิงเรียกพบสัตว์อสูรมากมายขนาดนี้ ข้าสลัดพวกเขาทิ้งไปนานแล้ว”
“ไม่ได้กระทำอย่างโจ่งแจ้งใช่ไหม”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำภารกิจอะไรนั้น น่าเชื่อถือไว้ใจได้อยู่แล้ว”
ใช่ไหม?
นางรู้สึกว่างูตะกละตัวนี้มีหลายครั้งที่ไม่น่าเชื่อถือ?
ถึงแม้จะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ แต่นางรู้ว่า คนที่สะกดรอยตามมาพวกนั้นไม่สามารถได้ยินพวกเขาคุยกัน
“ข้ามอบหมายภารกิจให้เจ้าหนึ่งอย่าง ข้ามีเพื่อนสองคนถูกราชินีจับตัวขังอยู่ในวัง พวกเขาถูกปิดผนึกวิทยายุทธ์ ยังถูกคนวางยาพิษกู่ ข้าต้องการให้เจ้าตามหาคนที่วางพิษกู่”
“เพื่อนนายหญิงชื่ออะไร ข้าจะสั่งให้พวกเจ้างูน้อยไปสืบ”
“คนหนึ่งชื่อฝูกวง คนหนึ่งชื่อเลว่อิ่ง”
“อ๋าๆ….”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แทบล้มลง มองดูกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากเชื่อ
“ทำไม เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ?”
“ไม่….ไม่รู้จัก แต่ชื่อค่อนข้างไพเราะ นายหญิง ทำไมเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่รู้ว่าท่านมีเพื่อนเพิ่มอีกสองคน? ท่านสนิทกับพวกเขาหรือ?”
“เพิ่งเคยเห็นหน้าครั้งเดียว เจ้าว่าสนิทไหม?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หากเป็นเมื่อก่อน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะต้องแลกเงื่อนไขกับนาง แลกกับหมูย่างต่างๆ
แต่ครั้งนี้ มันกระตือรือร้นอย่างมาก
กู้ชูหน่วนลูบคาง ในใจนึกสงสัยแล้วก็ผ่านไป
“นายหญิง แล้วข้าล่ะ ให้ข้าทำอะไร? ข้าอยู่ข้างกายท่านได้ไหม?”
“เจ้าช่วยข้าเอาจดหมายไปให้คนของเย่จิ่งหาน บอกพวกเขาว่าเย่จิ่งหานถูกขังอยู่ในวัง ตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา แล้วก็ช่วยซ่อนสัตว์อสูรของเราพวกนั้นไว้”
“ได้……”
“จำไว้นะ อย่าโลภมาก พวกเขาก็ช่วยก็ช่วย ไม่อยากช่วยก็อย่าบังคับ เดี๋ยวถึงเวลานั้นจะกลายเป็นภาระ”
“รับทราบ นายหญิง งั้นท่านอยู่ในวังคนเดียวจะมีอันตรายไหม”
“วางใจ ตอนนี้ยังไม่มีอันตราย”
กู้ชูหน่วนหันไปมองทางพระราชวัง สายตาลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก
สักพักแล้วนางก็นั่งขัดสมาธิ เอายาห้ามเลือดออกมาจากในแหวนมิติ ห้ามเลือดไปด้วย ใช้พลังรักษาบาดแผลไปด้วย
ระดับสาม…..
ดูดพลังของไป๋หลี่เฉิง ก็ยังคงอยู่ที่ขั้นต้นระดับสาม แม้แต่ขั้นกลางระดับสามก็ไม่ถึง
คนตระกูลไป๋หลี่มียอดฝีมือมากมายขนาดนั้น หนึ่งในนั้นไป๋หลี่ป้าเป็นขั้นสูงสุดระดับห้า
อยากถอนรากถอนโคนพวกเขา จะต้องรีบเพิ่มพลังของตนเองให้แข็งแกร่งที่สุด
และจะต้องยับยั้งอีกสามตระกูลใหญ่ ให้พวกเขาไม่สามารถมาช่วยตระกูลไป๋หลี่
ภายใต้พระอาทิตย์ตกดิน กู้ชูหน่วนรวบรวมพลัง ร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสค่อยดีขึ้น แต่นางก็ยังคงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
นางเดินไปที่ร้านหมอจิน ตามรายละเอียดที่ขันทีบอก
ในครอบครัวหมอจินไม่มีญาติพี่น้อง มีเพียงลูกศิษย์คนหนึ่ง เพื่อความสมจริง นางมอบหมายงานให้กับลูกศิษย์ แล้วค่อยเดินทางกลับวัง
หลังจากกลับถึงวังแล้ว
กู้ชูหน่วนถูกส่งไปอยู่หอกระบี่ เพื่อรักษาเย่จิ่งหานอย่างเดียว
เย่จิ่งหานยังคงรักษาไว้ซึ่งอิริยาบถเดิม ถูกโซ่เหล็กพันปีล่ามพันธนาการไว้
กู้ชูหน่วนหาจนทั่วทุกมุมห้อง ก็หากุญแจไขโซ่เหล็กพันปีให้เขาไม่เจอ
“เจ้าบาดเจ็บอีกแล้วหรือ?”
ผู้หญิงคนนี้ นับจากที่เขารู้จักนางมา ไม่มีวันไหนที่ไม่บาดเจ็บสาหัส
“เย่จิ่งหาน เรามาตกลงแลกเปลี่ยนหัน?”
“แลกเปลี่ยนอะไร?”
“ข้ารักษาบาดแผลเจ้า เจ้าช่วยเหลือข้า ภายในหนึ่งเดือน ให้ข้ามีพลังถึงระดับห้า อีกอย่าง….ตอนที่ข้าลงมือต่อสู้กับตระกูลไป๋หลี่ ให้ยับยั้งอีกสามตระกูลใหญ่ ให้พวกเขาไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลไป๋หลี่”
เย่จิ่งหานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “การรักษาข้าเดิมก็เป็นหน้าที่ของเจ้าอยู่แล้ว ส่วนจากขั้นต้นระดับสามเพิ่มไปถึงระดับห้า เจ้าฝันไปหรือเปล่า”
กู้ชูหน่วนเอนพิงอยู่บนเตียง ยกมือกอดอก พร้อมพูดขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “การรักษาเจ้า เป็นหน้าที่ของข้าจริง แต่อาการบาดเจ็บแบ่งเป็นเบากับสาหัส บางทีสิบวันก็สามารถรักษาหาย บางทีสิบปีถึงจะรักษาหาย บางทีตลอดทั้งชีวิตก็รักษาไม่หาย ซึ่งล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น”
“ส่วนราชินี…ฮ่าๆ….ได้ยินมาว่านางทนรอไม่ไหวอยากที่จะร่วมรักกับเจ้าจะแย่แล้ว เจ้าว่าราชินีสามารถทนรอเจ้าได้ถึงสิบปี หรือว่าตลอดชีวิต?”
ความหมายของนางคือ หากเย่จิ่งหานไม่ให้ความร่วมมือ
นางจะไม่รักษาเขาให้หายง่ายๆ
รักษาเขาไม่หาย เขาก็จะไม่สามารถต้านทานราชินีได้
ผลของการไม่สามารถต้านทาน ก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของราชินี
เย่จิ่งหานจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างโกรธโมโห
กู้ชูหน่วนหัวเราะ พร้อมพูดเงื่อนไขหนึ่งที่น่าสนใจขึ้นมาว่า
“อีกอย่าง….บางทีข้าอาจจะสามารถรักษาขาทั้งคู่ของเจ้า ให้เจ้ากลับมายืนได้อีกครั้ง”
สายตาเย่จิ่งหานเป็นประกาย
รักษาขาทั้งคู่ของเขา?
เป็นไปได้หรือ?