อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1118 งานอภิเษกจัดขึ้นตามกำหนด
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1118 งานอภิเษกจัดขึ้นตามกำหนด
ทุกคนอยากพูดจูงใจ แต่เมื่อคิดถึงช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่เวินเส้าหยีทำเพื่อแก้แค้น พวกเขาจึงเงียบ
ตอนนั้นเวินเส้าหยีทำเพื่อให้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเผ่า เขาต้องสูญเสียเลือดและน้ำตาไปเท่าไหร่เพื่อให้ทุกคนยอมจำนน สนับสนุนยอมรับเขาเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกเขา
ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงทวีปปิงหลิง ลมหายใจรวยริน สภาพย่ำแย่อย่างมาก ราวกับคนตายทั้งเป็นคนหนึ่ง หากไม่มีความแค้นคอยค้ำจุนเขา เขาจะสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรือ
เพื่อฟื้นฟูวิทยายุทธ์ไปถึงระดับเจ็ด ต้องสูญเสียเลือดเนื้อตั้งเท่าไหร่
หลายครั้งที่เขาจะไปถึงขั้นระดับเจ็ด แล้วพบกับความล้มเหลว
เป็นความเจ็บปวดทรมานขนาดไหน
ทุกครั้งที่ล้มเหลวจากการไปถึงระดับเจ็ด เท่ากับเป็นการเดินสวนกับความตาย
และก็มีเพียงเขาที่ล้มเหลวจากการไปถึงระดับเจ็ดแล้วยังมีชีวิตอยู่
เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเขาก็มีสุดยอดผู้อาวุโสขั้นสูงสุดระดับหกหลายคน
แต่พวกสุดยอดผู้อาวุโสไม่กล้าไปถึงระดับเจ็ด เพราะถ้าหากล้มเหลว สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคือความตายกับการสูญเสียวิทยายุทธ์ทั้งหมด บาดเจ็บสาหัส พิการ
ผู้อาวุโสหม่าพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเผ่า แบบนี้เสี่ยงเกินไปหรือเปล่า”
“คนหน่วยหลักเผ่าเทียนเฟิ่นหลายหมื่นชีวิต เพียงแค่ฆ่านางก็สามารถลบล้างได้หรือ? นางทำลายเผ่าเทียนเฟิ่น ข้าก็จะทำลายเผ่าหยก ทำลายเผ่าหยกต่อหน้าต่อตานาง ให้นางได้เห็นภาพชาวเผ่าหยกแต่ละคนตายอย่างอนาถต่อหน้าต่อตานาง ให้นางได้ลิ้มรสกับความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้ ได้รู้ซึ้งว่าอะไรคือตายทั้งเป็น”
“คลั่ก…..”
ใบหน้าเวินเส้าหยียิ้มแย้ม แต่มือของเขากลับหักที่จับเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่
เห็นได้ชัดว่าในใจเขาโกรธโมโหขนาดไหน
รองหัวหน้าเผ่าถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “สืบหาขวานผานกู่เจอแล้ว อยู่ในมือเซียวหยู่เซวียน ขอเพียงได้ขวานผานกู่มา เมื่อถึงเวลานั้น ผู้อาวุโสทุกคนร่วมมือกันฉีกแยกมิติอวกาศกลับไปยังเผ่าหยก แก้แค้นให้กับสมาชิกที่ตายไปแล้ว”
รองหัวหน้าเผ่าไม่พูดอะไร ความเกลียดชังที่มีต่อเผ่าหยกไม่น้อยไปกว่าเวินเส้าหยี
เพราะลูกเมียของเขาก็อยู่ที่หน่วยหลักเผ่าเทียนเฟิ่น หลายสิบปีมานี้ เขาคิดแต่อยากฉีกแยกมิติอวกาศ กลับไปยังหน่วยหลักเพื่อที่จะได้อยู่กับลูกเมีย กลับคิดไม่ถึงว่าทุกคนในหน่วยหลักนอกจากเวินเส้าหยีกับลูกน้องอีกหลายคน คนอื่นที่เหลือล้วนตายหมด
รวมถึง….ลูกเมียของเขา….
นอกจากเขาแล้ว ยังมีสุดยอดผู้อาวุโสไม่น้อย ตลอดจนพวกผู้อาวุโสคนอื่นๆก็เป็นเช่นนี้
ญาติพี่น้องล้วนอยู่ที่หน่อยหลัก เสียดายที่ถูกฆ่าตายหมดแล้ว
“เซียวหยู่เซวียนล่ะ สืบรู้หรือยังว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“จะว่าไปก็น่าแปลก นับตั้งแต่หลังจากเย่จิ่งหานใช้วิชาค่ายกลส่งเขาไปจากภูเขาหัวสุนัข เซียวหยู่เซวียนก็หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ไม่ว่าพวกเราจะสืบหายังไงก็ไม่เจอ”
“เผ่าเทียนเฟิ่นมีหูตาอยู่ทั่วใต้หล้า ทำไมถึงสืบไม่เจอ หรือเขามีปีกบินไปแล้ว? หรือเขากลับไปยังแคว้นเย่แล้ว?”
พวกผู้อาวุโสต่างสงสัย
เวินเส้าหยีพูดขึ้นว่า “หากข้าเดาไม่ผิด เขาน่าจะอยู่ในวังแคว้นน้ำแข็งกับเย่จิ่งหาน ล้วนถูกกักขังไว้ในวัง ไปสืบมาอีก”
“ขอรับ”
พูดถึงวังในแคว้นน้ำแข็ง ผู้พิทักษ์ซ้ายเดินมาพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเผ่า ราชินีมาเร่งรัดอีกแล้ว บอกว่าจะจัดงานอภิเษกในอีกหนึ่งเดือนครึ่ง สิ่งของจำเป็นในงานอภิเษกทั้งหมดถูกส่งมาหมดแล้ว”
“ราชินีเร่งรัดมาหลายรอบแล้ว ท่านบ่ายเบี่ยงมาตลอด ครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นราชินีคงโกรธแน่”
“หนึ่งในภารกิจของหัวหน้าเผ่า หัวหน้าหน่วยย่อยเผ่าเทียนเฟิ่นคือการต้องแต่งงานกับราชินีแคว้นน้ำแข็ง เพื่อให้เผ่าเทียนเฟิ่นสามารถคงอยู่ตลอดไป ในเมื่อท่านเป็นหัวหน้าเผ่า เรื่องงานแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อเผ่าเทียนเฟิ่น เรื่องงานแต่งงาน ยังไงเราก็ต้องแต่ง”
ใช่ว่าเวินเส้าหยีจะไม่รู้ว่าตนเองจะต้องแต่งงานกับราชินี
หนึ่งในเงื่อนไขที่เขาเป็นหัวหน้าเผ่าก็คือแต่งงานกับราชินี
ยิ่งไปกว่านั้น…..
เขาถูกหมั้นหมายกับราชินีตั้งแต่อยู่ในท้อง
แต่ผู้หญิงโหดเหี้ยมคนนั้น เขาจะแต่งงานด้วยได้อย่างไร?
จึงบ่ายเบี่ยงมาตลอด
นับตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่เข้าขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า ราชินีก็เร่งรัดเรื่องแต่งงาน
เขาบ่ายเบี่ยงมาสามปีแล้ว
และก็…..ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่อย่างนั้นเผ่าเทียนเฟิ่นกับแคว้นน้ำแข็งก็จะต้องสู้รบกันอีก
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเผ่า เขาต้องคำนึงถึงเผ่าเทียนเฟิ่น
เวินเส้าหยีกำหมัดแน่นแล้วก็คลาย เนิ่นนาน….ค่อยพูดขึ้นว่า “ไปบอกราชินี เผ่าเทียนเฟิ่นจะเตรียมอภิเษกกับนางในอีกหนึ่งเดือนครึ่ง”
เวินเส้าหยีไม่พูดมากไปกว่านี้
แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า
“มีวิธีไหนที่สามารถตามหาดวงจิตดวงอื่นของกู้ชูหน่วนให้เจอภายในเวลาอันสั้นที่สุด?”
“ตามหาดวงจิตนั้นยากมาก นอกจากมู่หน่วนไปตามหาเอง แต่ว่า….ครั้งที่แล้วหลังจากนางไปก่อเรื่องในตระกูลไป๋หลี่ มีความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดในเขตหวงห้ามของตระกูลไป๋หลี่ ข้ากับผู้อาวุโสหม่าเคยเข้าไปดู ข้างในเหมือนมีดวงจิตดวงหนึ่งที่คล้ายกับดวงจิตของกู้ชูหน่วนที่สถิตอยู่ในร่างมู่หน่วน”
“ตอนนั้นข้าเพียงแค่รู้สึกแปลก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงไม่ได้รายงาน เมื่อกี้มองเห็นดวงจิตทั้งสามของกู้ชูหน่วน ข้าคิดว่าดวงจิตดวงนั้นเหมือนของกู้ชูหน่วนอย่างมาก”
เวินเส้าหยีเคาะตรงหน้าทีละครั้ง
ทุกคนคิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมาบ้าง หรือสั่งการให้พวกเขาไปทำภารกิจอะไร
แต่เวินเส้าหยีกลับเพียงแค่ให้พวกเขากลับไป เหลือไว้เพียงรองหัวหน้าเผ่าคนเดียว
ภายในห้องโถงเหลือเพียงพวกเขาสองคน บรรยากาศเงียบสงบมาก
เวินเส้าหยีพูดขึ้นอย่างถ่อมตนว่า “รองหัวหน้าเผ่า เจ้าบอกข้าได้ไหมว่า ทำไมหัวหน้าเผ่าของหน่วยย่อยเผ่าเทียนเฟิ่นจะต้องแต่งงานกับราชินี หรือทำไมข้าจะต้องแต่งงานกับนาง?”
ถึงแคว้นน้ำแข็งจะแข็งแกร่ง
แต่เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นเผ่าพันธ์ุโบราณนับพันปี ต่อให้ไม่มีหน่วยหลัก แต่กำลังของหน่วยย่อยนั้นเหนือกว่าหน่วยหลัก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแต่งงานเพื่อกระชับมิตร
แต่พวกผู้อาวุโสต่างเรียกร้องให้แต่งงาน ซึ่งจะต้องมีเหตุผลที่พูดไม่ได้แน่
รองหัวหน้าเผ่าพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียด เพราะตกทอดมาจากบรรพบุรุษ บอกว่าในรุ่นของท่าน เผ่าเทียนเฟิ่นจะเกิดเหตุวิกฤต เขากลัวว่าเผ่าเทียนเฟิ่นจะถูกทำลายล้าง จึงแบ่งเผ่าเทียนเฟิ่นออกเป็นสองส่วน จึงทำให้มีหน่วยหลักกับหน่วยย่อย และยังบอกว่าท่านจะต้องแต่งงานกับราชินี เผ่าเทียนเฟิ่นถึงจะสามารถรุ่งเรืองสืบต่อไป ไม่อย่างนั้น…..หน่วยย่อยเผ่าเทียนเฟิ่นก็จะถูกกลืนหายสาบสูญไปจากประวัติศาสตร์เหมือนอย่างผงคลี”
“บรรพบุรุษ?”
“ใช่ บรรพบุรุษท่านนั้นมีพลังถึงขั้นสูงสุดระดับเจ็ด และชำนาญการใช้เวทมนตร์อย่างที่สุด เขาทำนายการเปลี่ยนแปลงในอนาคตผ่านการทำนาย”
เวินเส้าหยีเงียบ
หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะปฏิเสธ
แต่ตอนนี้…..
“เจ้าวางใจ งานแต่งจะเป็นไปตามกำหนด”
“หัวหน้าเผ่า ที่จริง….คำร่ำลือก็เป็นเพียงคำร่ำลือ ถึงแม้ช่วงหลายปีนี้ราชินีจะเปลี่ยนไป แต่….ก่อนหน้านี้นางเป็นคนดี บางทีหลังจากแต่งงานแล้ว ราชินีอาจจะเปลี่ยนกลับมาเป็นคนดี”
เวินเส้าหยีหัวเราะเย้ย
ราชินี…..
ถึงจะไม่เคยเห็นหน้านาง
แต่คนที่สามารถกักตัวเย่จิ่งหาน จะเป็นคนธรรมดาหรือ?
เกรงว่าราชินีคงจะรับมือยากกว่าที่เขาคิดไว้
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“ขอรับ…..”
เวินเส้าหยีจ้องมองดูลูกแก้วที่แตกกระจาย ดวงตาลุกโชนด้วยความเกลียดชัง
ตระกูลไป๋หลี่มีดวงจิตที่คล้ายคลึงนาง?
งั้นราชินีก็รู้ ดังนั้นจึงตั้งใจเรียกตัวไป๋หลี่เฉิง
แล้วตั้งใจให้พวกเขาสองคนออกจากวังพร้อมกัน ยืมมือมู่หน่วนกำจัดไป๋หลี่เฉิง พร้อมถึงกระตุ้นให้มู่หน่วนยิ่งเกลียดแค้นตระกูลไป๋หลี่
ราชินี…..ต้องการทำอะไรกันแน่?