อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1120 เสือร้ายกินลูกตัวเอง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1120 เสือร้ายกินลูกตัวเอง
ฟังผิดหรือไม่ นางรู้ดีแก่ใจ
หลังจากตามหาสักพัก ไป่หนิงก็หาห้องลับไม่เจอ
ราวกับราชินีหายวับไปในอากาศ
นางหลับตาลง นึกถึงภาพตำแหน่งวางสิ่งของต่างๆของตำหนักเฟิ่งหยีเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็เปรียบเทียบกับตำแหน่งวางสิ่งของในตอนนี้
การจัดวางสิ่งของเมื่อหลายปีก่อนกับตอนนี้แตกต่างกัน นางลองหาอีกรอบ แต่ก็ยังคงหาอะไรไม่เจอ
ทันใดนั้น นางเกิดมีความคิดเดินไปที่ตู้หนังสือ จ้องมองดูตู้หนังสืออย่างครุ่นคิด
ราชินีไม่ชอบอ่านหนังสือ
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ไม่ชอบอ่านหนังสือ
แต่หลายปีมานี้ ราชินีกลับยืนอยู่ตรงหน้าตู้หนังสืออยู่บ่อยครั้ง
ยังหยิบหนังสือมาดูบ้างเป็นบางครั้ง
ไป่หนิงรีบมองไปที่หนังสือเล่มหนึ่ง
เพราะเล่มที่ราชินีดูบ่อยที่สุดก็คือตำราแพทย์เล่มนั้น
เปิดตำราแพทย์ แล้วก็เจอหน้าที่ราชินีชอบอ่านบ่อยที่สุด
“ครืนๆ…..”
จากนั้นเสียงห้องลับก็ถูกเปิด
มีประตูซ่อนอยู่ในผนังด้านซ้าย
ประตูลับเป็นสีเดียวกับผนัง ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไรเลย
ไป่หนิงยืนอยู่ตรงหน้าประตูลับ
ข้างในมืดสนิท ยื่นมือเข้าไปก็มองไม่เห็นอะไร และก็ดูลึกมองไม่เห็นที่สิ้นสุด
เมื่อตั้งใจฟังดูดีๆ ข้างในไม่มีเสียงอะไรเลย ไม่รู้ว่าราชินีเดินไปไกลแค่ไหนแล้ว
นางยกเท้าคิดอยากที่จะเข้าไปดู แต่ก็กลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น แล้วถูกราชินีฆ่าปิดปาก
ไป่หนิงจึงลังเล
ไม่เข้าไป นางก็จะไม่มีวันรู้ความลับของราชินี ก็จะไม่รู้ว่าทำไมอุปนิสัยใจคอของราชินีถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เข้าไป แล้วถ้าตนเองออกมาไม่ได้อีกล่ะ?
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไป่หนิงยังคงตัดสินใจเดินเข้าไป
เพื่อประชาชนของแคว้นน้ำแข็ง นางจะต้องเข้าไปดูให้ชัดเจน
ราชินีฆ่าคนบริสุทธิ์ ไม่สนใจงานราชการ มีขุนนางมากเท่าไหร่ที่ตายอย่างอนาถภายใต้เงื้อมมือของราชินี อดอยากกันดารอาหารติดต่อกันหลายปี มีประชาชนมากมายเท่าไหร่ที่อดอยากจนตายทั้งเป็น
แต่ก่อนที่นางจะเข้าไป นางใช้เล็บขีดข่วนเบาๆ ในหน้าหนังสือที่ราชินีอ่านบ่อยๆเล่มนั้น
ร่องรอยนี้เบามาก หากไม่พิจารณาดูอย่างละเอียดก็จะมองไม่เห็น
เพิ่งก้าวเข้ามา ประตูลับก็ถูกปิดลง
ไป่หนิงไม่กล้าที่จะจุดไฟ ทำได้เพียงเข้าไปท่ามกลางความมืด
เดินๆหยุดๆ หยุดๆเดินๆ ไม่รู้ว่าเดินไปไกลเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดภายในถนนมืดก็ปรากฏแสงสว่างเล็กน้อย
แต่แสงนี้มืดมาก พร้อมกับมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ
เหมือนไป่หนิงยังได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ข้างหน้าอย่างไม่ชัดเจน
นางเดินต่อไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง อยากฟังให้ชัดเจนว่าพูดคุยอะไรกัน
เดินมาอีกระยะหนึ่ง ในที่สุดไป่หนิงก็ได้ยินคำพูดคุยกันครั้งหน้าอย่างชัดเจน
เป็นเสียงราชินีที่ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่
“ฮัวอิ่ง เจ้าโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ สักวันเจ้าจะถูกฟ้าผ่าตาย”
“ปล่อยพี่น้องของข้า หากเจ้ายังกล้าฆ่าคนบริสุทธิ์ นายของข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไป”
“นายของเจ้า? เย่จิ่งหานหรือ? ฮ่าๆฮ่า…..เกรงว่าเขาจะเอาตนเองไม่รอด รอฆ่ากินพวกเจ้าแล้ว ข้าจะให้เย่จิ่งหานไปอยู่กับพวกเจ้า อยู่ในนรก พวกเจ้าจะไม่เงียบเหงา ฮ่าๆ….”
“อ้าก…..”
เสียงกรีดร้องเสียดแทงหัวใจดังมาจากทางลับ
เสียงกรีดร้องเปลี่ยนจากดังกลายเป็นเบา สุดท้ายก็เงียบไป น้ำเสียงกรีดร้องนั้น แม้ไป่หนิงที่ปกติจะฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นต้องผ่านความทรมานแบบไหนก่อนที่เขาจะตาย
จากนั้นเสียงเกรี้ยวกราดเดือดดาลก็ดังขึ้น
“บ้าไปแล้ว เจ้ามันบ้าไปแล้ว เจ้าดูดเลือดสูบวิทยายุทธ์ของพวกเขาจนหมดก็ช่างเถอะ นี่แม้แต่กระดูกเศษเสี้ยวก็ไม่เว้น ในโลกนี้ทำไมจะต้องมีคนน่าขยะแขยงอย่างเจ้า”
ไป่หนิงฮัดกล้าหาญ ย่องไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา
ในที่สุดนางก็มองเห็นภาพเหตุการณ์ข้างหน้า
หากไม่ใช่เพราะนางมีลางสังหรณ์และควบคุมตนเองไว้อย่างแข็งแกร่งแต่แรก นางคงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจแน่