อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1133 ใครกล้าเผาเขา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1133 ใครกล้าเผาเขา
กู้ชูหน่วนไม่คิดอย่างนั้น
การที่แคว้นแคว้นหนึ่งหวิดจะล่มสลายต้องมีปัจจัยหลายด้านแน่นอน ทำไมถึงจะเป็นแค่เพราะดวงตาผิดแผกคู่นั่นได้
ราชินีคือเจ้าของแคว้นน้ำแข็ง หากนางต้องการดวงตาของคนผู้นั้น แค่ออกคำสั่งก็ได้แล้ว ทำไมต้องให้นางไปเอาด้วย แถมยังห้ามไม่ให้เปิดเผยว่าเป็นนางที่ต้องการดวงตาคู่นั่นอีก
นางคุ้นเคยกับราชินีขนาดนั้นเชียวหรือ
ทำไมราชินีถึงเชื่อใจนางขนาดนี้
กู้ชูหน่วนคาดเดาจุดประสงค์ของราชินีไม่ออก
“หมอจิน คือข้างหน้านั่นแหละ พวกเราไม่สะดวกจะออกหน้า ส่งเจ้ามาได้เท่านี้ ที่เหลือก็มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว”
“ได้”
“หมอจิน ประสงค์ของฝ่าบาทคือต้องการเพียงดวงตาคู่นั้น และเจ้าต้องควักออกมากับมือเอง”
“…”
กู้ชูหน่วนมอบตาขาวให้พวกเขา ก่อนจะพลิกตัวลงจากม้า แล้วเดินเข้าข้างใน
งานบูชายัญครึกครื้นอย่างยิ่ง
นอกจากสำนักต่างๆ แล้ว ยังมีคนของขุนนางและประชาชนมุงล้อมอยู่มากมาย เรียกได้ว่าในสามชั้น นอกสามชั้น ห้อมล้อมแน่นหนาจนลมไม่อาจแทรกผ่าน
ท่ามกลางคนเหล่านั้นมีคนจำนวนไม่น้อยที่นางเห็นแล้วคุ้นตา
กู้ชูหน่วนเบียดเสียดกว่าค่อนวันถึงจะเบียดไปถึงข้างหน้าได้
ตระกูลต่างๆ ยังคงเป็นหัวหน้างานในครั้งนี้
กู้ชูหน่วนเงยหน้ามองไป กลับเห็นว่ามีคนหนึ่งถูกมัดอยู่บนกองฟืนกลางปะรำสูง
บุรุษรูปพรรณสูงเพรียว เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม
บุรุษอายุอานามไม่มาก ประมากยี่สิบกว่าปี แต่กลับมีเส้นผมขาวโพลน หาผมดำไม่ได้สักเส้น ผมของเขายุ่งเหยิง มองไม่ออกว่ามีหน้าตาอย่างไร
ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับทำให้กู้ชูหน่วนตะลึงหนัก
นั่นคือดวงตาอย่างไร ข้างหนึ่งสีฟ้า ข้างหนึ่งสีขาว ใสวาวราวกับหินเฮยเย่าที่ปราศจากตำหนิ ชวนให้คนเห็นแล้วต้องชอบจากใจ
เพียงแต่ในดวงตาของเขาฉายแววสับสน คล้ายไม่รู้ว่าทำไมคนที่กำลังมุงอยู่ต้องด่าทอเขาด้วย
ดวงตาที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอย่างนี้ เจ้าของของเขาจะเป็นตัวอัปมงคลที่ทำเรื่องชั่วช้าต่างๆ นานาได้อย่างไร
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ต่างๆ หรือจะเป็นราชินีก็ล้วนเป็นวิญญูชนจอมปลอมทั้งนั้น
เพียงเป็นคนที่พวกเขาต้องการเอาชีวิต ก็ต้องถูกสวมชื่อเสียงชั่วร้ายต่างๆ
“ฆ่าๆๆ…ฆ่ามัน…”
“ตัวอัปมงคลมาจุติ แคว้นน้ำแข็งถึงได้มาภัยพิบัติไม่จบไม่สิ้น ต้องไม่ตายดี เผามัน”
“กับคนเยี่ยงนี้ ไยต้องรอถึงยามอู่ (*เวลา 11.00-13.00 น.) ฆ่ามันเสียตอนนี้เลยก็ได้”
“ตุบ…”
คนจำนวนมากถึงกับขว้างไข่เน่าใส่หนุ่มน้อยที่ถูกมัด
มือเท้าของหนุ่มน้อยถูกพันธนาการ เขากลัวจนหันหน้าหนี แต่ก็ยังทัดทานไม่อยู่ ต้องรับไข่ ก้อนหินและของอื่นๆ ที่ขว้างมาทั้งอย่างนั้น
กู้ชูหน่วนพลันรู้สึกปวดใจอย่างไม่มีสาเหตุ
โดยเฉพาะผมขาวโพลนของเขา
ในใจของนาง คนที่ใสบริสุทธิ์ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแม้แต่น้อยอย่างนี้ ควรงามมาก ควรมีผมดำที่นุ่มสลวย
เขาควรสะอาด ไม่ใช่เสื้อผ้ามอมแมมอย่างนี้เด็ดขาด
“อยู่ในความสงบ อยู่ในความสงบ” เจ้าบ้านไป๋หลี่เปล่งเสียง เมื่อนั้นผู้คนทั้งหลายจึงค่อยๆ เงียบลง
เจ้าบ้านไป๋หลี่เอ่ยขึ้น “สองสามปีนี้แคว้นน้ำแข็งของเราเจอกับภัยตั๊กแตนทุกหย่อมหญ้า ทางใต้อุทกภัย ทางเหนือภัยแล้ง ประชาชนเก็บเกี่ยวไม่ได้ อดอยากถ้วนทั่ว นี่เป็นเพราะตัวอัปมงคลมายังแคว้นน้ำแข็งของพวกเรา สวรรค์ทรงเมตตา ให้พวกเราหาตัวการร้ายพบ วันนี้พวกเราจะขจัดตัวอัปมงคลแทนฝ่าบาท แทนปวงประชา แทนสวรรค์”
“กำจัดมัน กำจัดมัน คืนวันสุขสงบของพวกเรา”
ประชาชนกู่ร้อง
กู้ชูหน่วนเห็นแล้วโมโหพลุ่งพล่าน
แถมพวกเขายังจุดไฟโดยตรง คิดจะเผาเขาให้ตายทั้งเป็น
พอเห็นไฟกำลังจะติด จู่ๆ นางก็ละเลยจุดประสงค์เดิมที่ราชินีแค่ต้องการให้นางควักดวงตาของเขาขณะมีชีวิต แล้วแตะปลายเท้า เตะคนที่จุดไฟลอยออกไปแรงๆ
ส่วนตนก็โบกแขนเสื้อ ยืนอยู่ข้างตัวหนุ่มน้อย เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา มองทุกคนในที่นั้นด้วยสายตาเย็นชา ประกาศเสียงดัง “ใครกล้าเผาเขา”