อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1135 เขาตะลึง
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1135 เขาตะลึง
เวินเส้าหยีนั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลัก เขาเห็นทุกกิริยาท่าทางของกู้ชูหน่วนและซือโม่เฟยแบบไม่มีหลุดลอด
เขาแปลกใจมาก
เท่าที่รู้ ตอนนั้นหลังจากผู้หญิงคนนั้นถวายเครื่องสังเวยแล้ว จอมมารได้พยายามสุดชีวิต ใช้วิชาฝืนฟ้ารั้งวิญญาณของนาง ผิวหน้าแห้งเหี่ยว ผมดำทั้งหัวกลายเป็นขาวหิมะ สิ้นวิทยายุทธ์ กระทั่งชีวิตก็ต้องเอาไปทิ้ง
แต่บัดนี้…
จู่ๆ จอมมารกลับปรากฏตัวขึ้นที่แคว้นน้ำแข็ง
เส้นผมของเขายังคงเป็นสีขาว ยังคงสิ้นวิทยายุทธ์ แต่กลับรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แม้แต่โฉมหน้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
นี่…
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ใครช่วยจอมมาร
แล้วเป็นใครที่ให้จอมมารปรากฏตัวที่นี่
คำว่า ‘พี่สาว’ ของจอมมาร ทำให้เวินเส้าหยีอดตั้งใจมองหญิงอัปลักษณ์แปลกหน้าไม่ได้
แม้จอมมารจะเสียความทรงจำ แต่ทั่วหล้านี้ คนที่ให้จอมมารเรียกว่าพี่สาวได้ ก็คงมีแต่คนผู้นั้นแล้ว
ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวเป็นหมอ หน้าตาก็ไม่ใช่อย่างที่เขาเคยเห็น
ทว่าสายตาดูแคลน ท่าทางโอหัง กลับเหมือนถอดแบบออกมาจากผู้หญิงคนนั้น
นาง…ก็คือมู่หน่วน…
หรือควรเรียกว่ากู้ชูหน่วนกระมัง
เวทมนตร์ของเผ่าเทียนเฟิ่นคำนวณออกมา ว่าวิญญาณสามส่วนของกู้ชูหน่วนอยู่กับตัวมู่หน่วน
ดังนั้น…
จอมมารจึงเรียกนางว่าพี่สาว…
ดังนั้น…
นางถึงได้คล้ายกู้ชูหน่วนมากขนาดนั้น
คล้ายจนเหมือนพวกนางทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน
พอนึกถึงกู้ชูหน่วน ความแค้นของเวินเส้าหยีก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจากหัวใจอย่างเงียบเชียบ สายตาที่มองมู่หน่วนมีความแค้นเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่ความแค้นนี้แวบเดียวก็หายไป เร็วจนไม่อาจจับ
เมื่อนั้นก็มีคนจากฝูงชนคนหนึ่งตะโกนขึ้น “ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกเดียวกับมัน ในเมื่อเจ้าเป็นพวกเดียวกับตัวอัปมงคล เช่นนั้นเจ้าก็รับความตายไปพร้อมกันเลย วันนี้ข้าจะป่นกระดูกโปรยเถ้าของเจ้า ไม่ให้เจ้าทำร้ายคนอีก”
“พรึบ…”
ระหว่างที่กู้ชูหน่วนสะบัดแขนเสื้อ คนที่พูดก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ล้มลงกับพื้นทันที เป็นตายไม่แน่ชัด
ซี้ด…
ทุกคนตะลึงงัน
“ระดับสี่…ระดับสี่เชียว…เจ้าเป็นใครกันแน่”
ระดับสี่คือยอดฝีมือชั้นยอดเชียวนะ
แม้จะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ ก็ต้องเป็นบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้จารึกชื่อ
แต่พวกเขา…กลับไม่เคยเห็นผู้หญิงคนตรงหน้านี้มาก่อน
แต่ที่เวินเส้าหยีคิดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ
ตอนที่เขาเพิ่งรู้จักกับนาง นางยังไม่ใช่แม้แต่ระดับหนึ่งด้วยซ้ำ
แค่ระยะสั้นๆ วิทยายุทธ์นางกลับพรวดพราดถึงระดับสี่แล้ว
ต่อให้เป็นกู้ชูหน่วน ก็ไม่เก่งกาจขนาดนั้น
ถ้ายังปล่อยให้นางก้าวหน้าต่อไป อนาคตมิต้องขึ้นถึงระดับเจ็ดเหมือนกับเขาหรือ
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ ขี้เกียจแม้แต่จะตอบ เพียงแต่พูดดูถูกหนึ่งประโยค
“วันนี้ข้าจะพาเขาไป เทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ”
“ปากเก่งนักนะ ถึงเจ้าจะระดับสี่แล้วจะอย่างไร เจ้านึกว่าแคว้นน้ำแข็งไม่มีคนอื่นแล้วหรือ” คนของตระกูลไป๋หลี่เอ่ยด้วยโทสะ
ครั้นผู้เฒ่าหนิงแห่งสี่ตระกูลใหญ่เห็นว่าสถานการณ์จะต้องใช้กำลังกันแล้ว จึงอดเตือนไม่ได้
“แม่นาง เจ้าอายุน้อยๆ ก็บำเพ็ญถึงระดับสี่ ไม่ง่ายเลยจริงๆ ฟังคำเตือนของข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าถอยไปก่อน อย่าได้เข้ายุ่งเลย”
กู้ชูหน่วนมองผู้เฒ่าหนิง ไฟโกรธในตัวลดลงบางส่วน ไม่ยโสเหมือนกับที่ทำกับคนอื่น
นางถาม “ท่านก็คิดว่าเขาสมควรตายหรือ เขาเคยก่อกรรมทำเข็ญหรือไม่”
“เขาไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น เขาเป็นเด็กดีคนหนึ่งเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย บรรพชนของสำนักและตระกูลใหญ่ทั้งหลายรวมถึงราชวงศ์สั่งเสียไว้ ขอเพียงมีคนที่สีดวงตาสองข้างต่างกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ก็ต้องกำจัด นี่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของทุกคนในทวีปปิงหลิง”