อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1149 รู้ฐานะ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1149 รู้ฐานะ
ทุกคนเงียบงัน
ผู้เฒ่าหนิงสะบัดแขนแล้วจากไป
หนิงเทียนโย่วรีบตาม
สายตาทุกคนอยู่กับเจ้าบ้านซ่างกวน
สีหน้าเจ้าบ้านซ่างกวนประเดี๋ยวเขียว ประเดี๋ยวขาว
ซ่างกวนชิงทอดบันไดให้เจ้าบ้านซ่างกวน
“เจ้าบ้านเวิน ฟังจากความหมายที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ ท่านจะจัดการสองคนนี้ด้วยตัวเองใช่หรือไม่”
เวินเส้าหยีตอบ “ทุกท่านวางใจ เวินฉู่จะไม่ให้ทุกท่านผิดหวังแน่นอน”
“หวังว่าเจ้าบ้านเวินจะทำได้อย่างที่พูด”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
พูดจนถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้ทุกคนมีความคิดเห็น แต่ยังจะพูดอะไรได้อีก ฝีมือก็เห็นอยู่หลัดๆ
เจ้าบ้านซ่างกวนประสานหมัดไปทางเวินเส้าหยี เอ่ยด้วยความหมายลึกซึ้ง “เจ้าบ้านเวินอายุน้อยๆ ก็ถึงระดับหกขั้นสูงแล้ว การจะขึ้นถึงระดับเจ็บเป็นเรื่องช้าเร็วเท่านั้น ต่อไปทวีปปิงหลิงต้องตามแต่ตระกูลเวินแล้ว”
“เจ้าบ้านซ่างกวนกล่าวหนักไปแล้ว ตระกูลเวินยังคงเป็นตระกูลเวินเหมือนเดิม ตระกูลเวินไม่อยากเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว อยากปกป้องทวีปปิงหลิงอย่างสงบเท่านั้น”
เจ้าบ้านซ่างกวนหัวเราะ หมุนตัวจากไป เมื่อนั้นสำนักต่างๆ ก็แยกย้าย จะได้ไม่ประสบความโชคร้ายจากเวินเส้าหยี
พริบตา ที่แห่งนั้นก็เหลือเพียงคนของตระกูลเวิน กู้ชูหน่วนและซือโม่เฟยเท่านั้น
เวินเส้าหยียิ้มมุมปาก “แม่นาง เชิญเถอะ”
กู้ชูหน่วนกวาดตามองเหล่าคนตระกูลเวินที่ห้อมล้อมแบบทุกทิศทุกทาง อดยิ้มแหยไม่ได้ “ต่อให้ข้าติดปีก ก็คงบินออกไปไม่ได้กระมัง”
คนตระกูลเวินหัวเราะเยาะ “เจ้าจะลองดูก็ได้”
จอมมารกอดแขนกู้ชูหน่วนแน่น แนบศีรษะกับแนบของนาง ไม่กล้าเงยหน้า
กู้ชูหน่วนตบหลังปลอบเขา “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่”
“อื้ม”
ในห้องลับเงียบเชียบห่างไกลห้องหนึ่งของตระกูลเวิน
เวินเส้าหยีนั่งอยู่ตำแหน่งหลัก
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดยืนอยู่สองฝั่ง
จอมมารยังคงกอดแขนกู้ชูหน่วนแน่น กลัวว่าหากปล่อยมือแล้วกู้ชูหน่วนจะหายไป
ส่วนกู้ชูหน่วนเหยียดสันหลังตรง มองเวินเส้าหยีผู้สง่างามดุจเซียนอย่างไม่ครั่นคร้ามแม้แต่น้อย
นางไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าตน อาโม่และเวินเส้าหยีมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
เวินเส้าหยีเงียบ นางก็เงียบด้วย ห้องลับกว้างขวางเงียบกริบจนน่ากลัว
ไม่รู้ว่านานเท่าใด เวินเส้าหยีจึงเอ่ยปากชืดๆ
“จัดการ”
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดนำกระจกยันต์แปดทิศ เดินไปทางเตาหลอมยักษ์ที่อยู่ตรงกลาง
กู้ชูหน่วนได้กลิ่นสัญญาณอันตราย
“เจ้าคงไม่คิดโยนข้าลงไปเผาในเตาหลอมลุกโชนนั่นหรอกกระมัง”
ผู้อาวุโสสวี่เอ่ย “จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้ารับคนที่ไม่ควรรับ”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึงวิญญาณทั้งสามดวงที่หน้าผากข้าหรือ”
“นังหนู ดูท่าเจ้าก็รู้มาไม่น้อย เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับนาง ทำไมวิญญาณของนางถึงเข้าร่างเจ้า”
“เอาไปเอามา ข้าก็เป็นแค่ตัวตายตัวแทน”
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือควรหัวเราะ
เพราะวิญญาณตรงหน้าผากนำโชคดีมาให้นาง
แต่ก็นำโชคร้ายมาให้นางด้วย
“อยากรอดก็ใช่จะไม่ได้ ขอเพียงเจ้าบอกเรื่องที่ควรบอกมาให้ชัดเจน”
“อะไรคือเรื่องที่ควรบอก”
“ก็อย่าง…วิญญาณอีกสี่ดวงอยู่ที่ไหน”
“เรื่องที่พวกเจ้ายังไม่รู้ ทำไมถึงคิดว่าข้าต้องรู้ด้วย”
“อย่างนั้นก็ล่วงเกินแล้ว”
“ตระกูลเวินก็เหมือนกับตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลจริงๆ ด้วย ตะเภาเดียวกันหมด เป็นแต่จะรังแกผู้หญิงอ่อนแอ ข้ายอมต่อชะตาแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดของตระกูลเวินสีหน้าสงบ มองจอมมารกับกู้ชูหน่วนราวกับมองคนตาย
ไม่รู้สึกรู้สากับถ้อยคำของนางสักนิด
กู้ชูหน่วนรู้ ตาแก่พวกนี้แหยมไม่ได้ยิ่งกว่าตาแก่ตระกูลอื่นอีก
เวินเส้าหยียิ้มเอ่ย “แม่นางมู่ เจ้าจะเห็นตัวเองบริสุทธิ์ไปแล้วกระมัง”