อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1150 หลอม
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1150 หลอม
กู้ชูหน่วนลูบแก้มของตัวเอง
วิชาแปลงโฉมของนางเผยช่องโหว่แล้วหรือ
กู้ชูหน่วนทำเป็นสับสนมองเวินเส้าหยี
ทว่าในสายตาคู่งามของเวินเส้าหยีปราศจากความสงสัย แต่เป็นความมั่นใจ
จะแก้ตัวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“ถึงข้าคือมู่หน่วน แต่จุดประสงค์ที่พวกเจ้าต้องการฆ่าข้ายังไม่เหมือนกับสำนักอื่นอีกหรือ แค่เพื่อได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีกับวิชามารกลืนฟ้าเท่านั้น”
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีถูกเซียวหยู่เซวียนกินไปแล้วไม่ใช่หรือ สำหรับวิชามารกลืนฟ้า…วิชามารพรรค์นั้น ข้าเวินฉู่ไม่สนใจฝึกหรอก”
เขารู้ได้อย่างไรว่าเซียวหยู่เซวียนกินดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีไปแล้ว
กู้ชูหน่วนแววตาเปลี่ยนเล็กน้อย พ่นคำหนึ่งออกมาจากมุมปากด้วยความมั่นใจ “เจ้าคือเจ้าผีเสื้อ?”
หากนางพูดว่าเวินเส้าหยียังดี
แต่กลับพูดว่าเจ้าผีเสื้อ
ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดต่างมองเวินเส้าหยี ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้จึงเรียกเจ้าบ้านของตัวเองว่าเจ้าผีเสื้อ
แล้วหัวหน้าเผ่ากับผีเสื้อเกี่ยวอะไรกัน
หรือเพราะหน้ากากผีเสื้อ?
อาจเพราะนึกถึงเรื่องราวในอดีต ในดวงตาเวินเส้าหยีจึงมีเจตนาสังหารปราดผ่าน
กู้ชูหน่วนจับได้อย่างชัดเจน
นางเอ่ย “ถึงข้าจะเคยทำอะไรเจ้า แต่อย่างน้อยข้าก็เคยช่วยเจ้า เจ้าจะตอบแทนคุณด้วยความแค้นไม่ได้กระมัง”
“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยหรือ”
“แต่ข้าก็ช่วยเจ้าแล้ว มิใช่หรือ”
รอยยิ้มเวินเส้าหยีค่อยๆ หุบลง ความกดดันไร้รูปชนิดหนึ่งรายล้อมตัวกู้ชูหน่วน
“เรื่องของเราเอาไว้ก่อน อาโม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เจ้าก็บอกว่าเขาเป็นสหายของเจ้า จะปล่อยเขาก่อนได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสสวี่ตอบ “เขาคือผู้มีร่างกายหยินบริสุทธิ์ ต่อให้ตอนนี้สูญเสียวิทยายุทธ์หมดแล้ว แต่ดีชั่วเมื่อก่อนก็เคยเป็นยอดฝีมือระดับหกขั้นสูง ขอเพียงหลอมเขา ก็สามารถช่วยเจ้าบ้านของเราให้ขึ้นระดับเจ็ดได้ในเวลาอันสั้น แล้วพวกเราจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนหันไปมองซือโม่เฟยที่เซ่อๆ ซ่าๆ
ยอดฝีมือระดับหก? แถมยังมีร่างกายหยินบริสุทธิ์อีก?
เขาเคยมีพลังถึงระดับหกขั้นสูงเชียวหรือ
นั่นมิใช่อีกนิดเดียวก็ระดับเจ็ดแล้ว?
นางเคยคิดว่าเมื่อก่อนเขาต้องไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าเก่งกาจเพียงนี้
มิน่าล่ะ เขาถึงรู้วิธีทำลายค่ายกล
มิน่าล่ะ เขาถึงรู้วิธีการฝึกยุทธ์
กู้ชูหน่วนมองเวินเส้าหยี “ที่เจ้าจับเขามาก็เพื่อหลอมเขา ช่วยให้ตัวเองขึ้นระดับเจ็ด?”
“ไม่ได้หรือ”
“เจ้าจะไม่ทำเช่นนั้น”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ทำเช่นนั้น”
“เพราะข้าเคยได้ยินเสียงพิณที่เจ้าบรรเลง ถึงจะมีความแค้นอัดอั้นอยู่ในเพลงมากมาย แต่เสียงพิณของเจ้ากลับใสสะอาด เจ้าไม่ใช่คนที่ไม่เลือกวิธีเพื่อบรรลุเป้าหมาย”
“ข้าเคยเป็นคนใจดีมากเกินไป ดังนั้นก็เลยสูญเสียทุกสิ่ง แต่ตอนนี้…ขอเพียงถึงระดับเจ็ด ขอเพียงแก้แค้นด้วยตัวเองได้ แล้วยังมีอะไรที่ข้าทำไม่ได้อีก”
อีกอย่าง…
เขากับจอมมารก็ไม่มีมิตรภาพลึกซึ้งขนาดนั้น
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ขอเพียงเจ้าบอกว่าทำไมวิญญาณของนางจึงเลือกฝังอยู่ในร่างของเจ้า แล้ววิญญาณที่เหลือ รวมถึงเย่จิ่งหานกับเซียวหยู่เซวียนอยู่ที่ไหน ข้าก็จะพิจารณาให้เจ้าได้ตายสบายหน่อย
“พูดไปพูดมาก็ยังไม่พ้นตาย เงื่อนไขนี้ไม่น่าสนใจ”
“หลอมซือโม่เฟยก่อนแล้วกัน”
เวินเส้าหยีนั่งสง่าอยู่ตรงตำแหน่งหลัก ยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ ค่อยๆ ละเมียดชิม
ผู้อาวุโสใหญ่สองสามคนเดินกำลังพร้อมกัน ดูดตัวจอมมารไป กู้ชูหน่วนจะสกัดอย่างไรก็ไม่เป็นผล
“ตุบ…”
จอมมารตกลงกลางกระจกยันต์แปดทิศ
กู้ชูหน่วนอยากไปช่วยเขา แต่กลับถูกจี้จุดทั่วร่าง ไม่ว่านางจะแก้จุดอย่างไรก็แก้ไม่ออก
เห็นผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดกระตุ้นกำลังภายใน เผาเขาทีละน้อย ทรมานจนจอมมารร้องครวญ
“พี่สาว…เจ็บ…เจ็บจัง…”
“เวินเส้าหยี มีอะไรก็มาลงที่ข้า เจ้าไปลงกับคนอ่อนแอที่ไม่มีวิทยายุทธ์แม้แต่น้อยนับเป็นอะไร”