อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1158 เหยื่อล่อ
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1158 เหยื่อล่อ
ในป่าไผ่
เวินเส้าหยียืนอยู่ยอดไม้ไผ่ มือไพล่หลังทั้งสองข้าง มองเปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้าด้วยสายตาเย็นชา เสียงสังหารตระกูลไป๋หลี่สะเทือนเลือนลั่น
ด้านหลังเวินเส้าหยี ยังมีผู้อาวุโสสวี่อายุกว่าเจ็ดสิบอีกคนหนึ่ง
แม้ผู้อาวุโสสวี่จะอายุมากแล้ว แต่ยังมีกำลังวังชา ดวงตาเปล่งประกาย ดูไม่ออกว่าเป็นชายชราอายุเลยเจ็ดสิบสักนิด
ผู้อาวุโสสวี่เอ่ยปากขึ้น “เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กลับสามารถควบคุมหมื่นสรรพสัตว์ กวาดล้างตระกูลไป๋หลี่จนเป็นเช่นนี้ได้ พลังของกู้ชูหน่วนที่อยู่ในตัวนางจะไร้เทียมทานขนาดไหน หัวหน้าเผ่า ปล่อยนางไปเช่นนี้ ถูกต้องจริงแล้วหรือ”
“เจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ”
“เสี่ยงเกินไป”
ยังไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าเผ่าปล่อยนางโดยพลการ หากผู้อาวุโสในเผ่าคนอื่นๆ รู้ต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแน่
เอาแค่ว่านังเด็กนี่ ระดับความก้าวหน้าของนางใช่คนธรรมดาจะคาดถึง กระทั่งเรียกได้ว่าร้ายกาจที่สุดในสิบศตวรรษ แม้แต่หัวหน้าเผ่าของพวกเขาก็ยังไม่เก่งถึงขั้นนี้
อีกทั้งนางยังรู้จักควบคุมสัตว์ หมื่นสรรพสัตว์รับนางเป็นนาย แม้แต่สัตว์วิเศษก็ยังสวามิภักดิ์
น่ากลัวว่า…
หากคิดจะจับนางอีก ยังต้องเหนื่อยอีกรอบ
ในเผ่าเทียนเฟิ่น นอกจากเขาก็ไม่มีใครรู้ว่าหัวหน้าเผ่าปล่อยตัวมู่หน่วนโดยพลการแล้ว
เขาเข้าใจความร้อนใจที่หัวหน้าเผ่าต้องการตามมาวิญญาณของกู้ชูหน่วน
แต่เขามักรู้สึกว่าหัวหน้าเผ่ามีจุดประสงค์อื่น
เวินเส้าหยีเอ่ยเรียบ “ไม่ใช้เหยื่อล่อแล้วเป้าหมายจะมาติดกับอย่างไร”
“คนที่ดักซุ่มอยู่ที่ตระกูลไป๋หลี่สืบรู้แล้ว คือองครักษ์ลับของราชินีน่าแปลก ทำไมราชินีถึงส่งคนมาช่วยมู่หน่วน หรือว่าราชินีก็อยากกำจัดตระกูลไป๋หลี่เหมือนกัน”
ตระกูลไป๋หลี่จะร้ายกาจอย่างไร แต่ก็เป็นแค่ตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งเท่านั้น
หากราชินีคิดจะกำจัด ย่อมมีวิธีถมเถ แต่นางกลับเลือกมู่หน่วน
จะอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล
ผู้อาวุโสสวี่เหม่อลอยเงยหน้าขึ้น โพล่งปากด้วยความตกใจ “หรือว่า…ราชินีก็ต้องการวิญญาณของกู้ชูหน่วนเหมือนกัน”
เวินเส้าหยียังคงสง่างามเหมือนเดิม ราวกับทุกอย่างอยู่ในความคาดหมาย
ผู้อาวุโสสวี่อดเดินขึ้นหน้าสองสามก้าวไม่ได้ เข้าใกล้เวินเส้าหยี มีความฉงนพันหมื่นอยู่ในใจ “หัวหน้าเผ่า…”
“ว่ามา คืนนี้ตระกูลไป๋หลี่จะถูกล้างตระกูลหรือไม่”
“คงไม่ เจ้าพวกแก่หนังเหนียวของตระกูลไป๋หลี่ยังไม่ออกมาเลย”
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว แต่พวกเขากลับไม่ออกมา แสดงว่าพวกเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ
แต่จะมีเรื่องอะไรได้?
ผู้อาวุโสสวี่คิดไม่ตก
เวินเส้าหยีตอบอย่างมั่นใจ “แน่นอน คืนนี้ตระกูลไป๋หลี่ถูกลิขิตแล้วว่าต้องถูกล้างตระกูล”
ผู้อาวุโสสวี่ไม่สงสัยในถ้อยคำของเวินเส้าหยีสักนิด เพียงแต่…
ไม่ว่าใครก็ยากจะเชื่อ
ตระกูลใหญ่ที่มีประวัติยาวนานนับพันปี จะสูญสิ้นด้วยน้ำมือเด็กสาวคนหนึ่งได้อย่างไร
“หัวหน้าเผ่า นังคนนี้อันตรายไปแล้ว ข้าน้อยคิดว่ารีบเอาวิญญาณสามดวงที่อยู่ในตัวนางออกมาให้เร็วที่สุดจะดีกว่า จากนั้นก็ฆ่านาง จะได้ไม่เป็นภัยภายหลัง พวกเราค่อยๆ หาวิญญาณก็ได้ แต่นาง…เสี่ยงมากเกินไป ถ้าปล่อยให้พัฒนาต่อไป ด้วยความเร็วในการบำเพ็ญของนางตอนนี้ ยากจะ…”
“ไป ตามไปดูกัน”
ไม่รอให้ผู้อาวุโสสวี่พูด เวินเส้าหยีก็แตะปลายเท้า ตามกู้ชูหน่วนไปราวกับภูตผีในยามราตรี
นางเหมือนกู้ชูหน่วนเหลือเกิน
ราวกับเป็นคนเดียวกัน
ที่จริงเขาก็ไม่อยากปล่อยนางไป
แต่การหาวิญญาณลำบากยิ่งนัก เขาจะรอนานขนาดนั้นไม่ได้แล้ว
ยังต้องอาศัยตัวนางไปทำอีกหลายเรื่อง
ที่เขาคิดไม่ตกที่สุดก็คือราชินี
เหมือนว่าราชินีจะไม่รู้
แต่ก็เหมือนรู้อะไรเหมือนกัน
นางลึกลับจริงๆ
ลึกลับจนไม่ว่าเขาจะสืบอย่างไร ก็สืบไม่ได้ว่าราชินีเป็นคนอย่างไรกันแน่
ในจุดไม่ไกล
ตระกูลซ่างกวน ราชินีและคนอื่นๆ กำลังดูอยู่
เห็นกู้ชูหน่วนไปทางเขตต้องห้าม แล้วทุกคนก็พากันตามไป
แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายก็พบกับอุปสรรคมากมาย
นอกจากจะมีกำลังคนส่วนมากเฝ้าอยู่ ยังมีค่ายกลสังหารอีกเป็นชั้นๆ
กู้ชูหน่วนกับเจ้าเสือน้อยนำสัตว์อสูรระดับสูงฝ่าอุปสรรคมหาโหดมากมาย ฆ่าจนจวนจะคลั่ง แต่จนถึงฟ้าสางก็ยังเข้าห้องลับไม่ได้