อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1160 ไป๋หลี่เฉิงหยวน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1160 ไป๋หลี่เฉิงหยวน
ผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนควบคุมค่ายกลพิทักษ์ตระกูลด้วยตนเอง แต่กลับถูกคนโง่งมคนหนึ่งทำลาย?
นี่เป็นเขาที่โง่งม หรือเป็นพวกเขาที่โง่งมกันแน่
แต่นั่นคือค่ายกลที่ถูกขนานนามว่าแม้แต่ระดับเจ็ดก็ทำลายไม่ได้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในค่ายกลพิทักษ์ตระกูลที่ภาคภูมิใจของตระกูลไป๋หลี่ บทจะถูกทำลายก็ถูกทำลายไปเสียอย่างนั้น
แถมยังต้องสูญเสียผู้อาวุโสไปอีกยี่สิบสี่คน
เจ้าบ้านไป๋หลี่อยากกระอักเลือด
เหล่าสุดยอดผู้อาวุโสก็อยากกระอักเลือดด้วย
ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสำคัญ พวกเขาก็จะพุ่งตัวออกไปนานแล้ว
เจ้าบ้านไป๋หลี่ไฟโกรธลุกโชนไม่หยุด
จากที่ไกลๆ พวกเขายังได้ยินเสียงร้องโอดครวญหวีดหวิวของมนุษย์ทั้งหลาย รวมถึงกลิ่นคาวเลือดที่โชยมากับสายลม
ในเขตต้องห้าม ชายชราผมขาวโพลนคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งสอง สีหน้าเย็นชา
มุมปากเขาประกบกันเบาๆ ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา
“อ่านสำนึกสำคัญที่สุด ตั้งสมาธิ”
ผู้ดูแลใจร้อนดั่งไฟ พูดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์คับขัน “เจ้าบ้าน สุดยอดผู้อาวุโสทั้งหลาย ไม่มีกองหนุนมาเลย ถ้าพวกท่านยังไม่ออกจากด่านกักตนอีก เกรงว่า…เกรงว่าตระกูลไป๋หลี่จะถูกสัตว์อสูรฆ่า…อุ๊ก…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง และไม่เห็นว่าสุดยอดผู้อาวุโสผมสีขาวโพลนทำอย่างไร ผู้ดูแลคนนั้นก็ไปรายงานตัวกับยมบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ปากมาก”
สุดยอดผู้อาวุโสไป๋หลี่เฉิงหยวนยังคงเอ่ยด้วยความเย็นชา “แค่สัตว์อสูรจำนวนหนึ่ง เก็บเอาไว้ทำอะไร ตระกูลไป๋หลี่ถูกทำลายก็ถูกทำลายไปสิ ขอเพียงได้สำนึกของนางมา ตระกูลไป๋หลี่ก็สามารถรวมขึ้นมาใหม่ เป็นใหญ่ในทวีปปิงหลิงได้มิใช่หรือ”
เมื่อนั้นเหล่าสุดยอดผู้อาวุโสจึงสงบจิตตั้งสมาธิแล้วร่ายคาถาต่อ หวังว่าจะได้สำนึกของวิญญาณดวงนั้นโดยเร็วที่สุด
เจ้าบ้านตระกูลไป๋หลี่และเหล่าผู้อาวุโสพึงพอใจมาก
สามารถหาวิญญาณระดับเจ็ดขั้นสูงได้ นั่นคือเรื่องที่สมควรแก่ความยินดีเรื่องหนึ่ง
เพราะตระกูลไป๋หลี่มีเคล็ดวิชาลับ สามารถรวมพลังล้วงสำนึกของผู้วายชนม์และนำมาใช้ได้
ขอเพียงได้สำนึกของนาง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะฝึกพลังยุทธ์ล้ำเลิศในปฐพีไม่สำเร็จ
ไป๋หลี่เฉิงหยวนและสุดยอดผู้อาวุโสอีกหลายท่านอายุมากแล้ว
พวกเขาเลื่อนระดับไม่ได้สักที บัดนี้อายุขัยของพวกเขาใกล้จะหมดลงแล้ว
หากยังไม่เลื่อนขั้นอีก พวกเขาก็ได้แต่ไปพบยมบาล
ดังนั้นพวกเขาจึงร้อนรนต้องการสำนึกของวิญญาณดวงนั้น
สำหรับพวกเขาในวัยนี้ สิ่งใดๆ ล้วนไม่สำคัญ การเพิ่มอายุขัยและวิทยายุทธ์จึงจะสำคัญที่สุด
เพื่อให้อายุยืนอีกหน่อย พวกเขาสละคนทั้งตระกูลไป๋หลี่ได้
จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
การที่ตระกูลไป๋หลี่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำ อย่างไรก็คือแกนหลัก
แต่การคุ้มครองพวกเขานั้นคือเรื่องใหญ่
และการออกไปคุมเรื่องใหญ่ก็คือเรื่องสำคัญเหมือนกัน
เขาควรเลือกอะไรดี
“จะสำเร็จแล้ว ทุกคนตั้งสมาธิ การอ่านสำนึกคือเรื่องสำคัญที่สุด”
“ขอรับ…”
เมื่อคนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วย คนที่เหลือก็ได้แต่เห็นด้วย
กี่ปีแล้ว หลายร้อยปีแล้วกระมัง
ทวีปปิงหลิงไม่เคยปรากฏผู้มีพลังระดับเจ็ด และไม่ต้องพูดถึงระดับเจ็ดขั้นสูง
เขาจะทิ้งโอกาสครั้งนี้ไปได้อย่างไร
ด้านนอกเขตต้องห้าม
กู้ชูหน่วนกำลังง่วนอยู่กับค่ายกลหนึ่งอีกแล้ว
ค่ายกลตระกูลไป๋หลี่อยู่เหนือความคาดหมายของนาง อีกทั้งค่ายกลหนึ่งยังทำลายยากกว่าอีกค่ายกลหนึ่ง
นางมองกำแพงหิน มีความรู้สึกหมดแรงชนิดหนึ่งอยู่ลึกๆ
“ค่ายกลนี้ซับซ้อนเกินไป ข้าต้องใช้เวลาเจ็ดวันเป็นอย่างน้อยถึงจะทำลายได้”
เจ็ดวันนานเกินไป
ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กู้ชูหน่วนมองทุกคนที่กำลังฆ่าอยู่ด้านนอก แล้วมองส่วนลึกของเขตต้องห้าม ถามซือโม่เฟย “เจ้าทำลายค่ายกลนี้ได้หรือไม่”
จอมมารถามด้วยหน้าตาใสซื่อๆ “ถ้าพี่สาวอยากทำลาย อาโม่ก็จะช่วยพี่สาวทำลาย”
“ค่ายกลนี้ยากมาก ถ้าไม่ระวังก็จะเอาชีวิตไปทิ้งได้”
“ไม่หรอก ง่ายมาก นั่นอย่างไร ตรงนี้กับตรงนี้ แค่กดลงไปก็ใช้ได้แล้วนี่”