อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1161 ทำลายค่ายกล
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1161 ทำลายค่ายกล
“ปังปังปัง….”
จากเสียงปังๆไม่กี่ครั้ง กลางอากาศระเบิดออกมาเป็นหมอกรูปดอกบัว สวยสดงดงาม จากนั้นค่ายกลก็ถูกทำลายตามไปด้วย
เหล่าสัตว์อสูรต่างพากันยกนิ้วมือนิ้วเท้า กล่าวด้วยความตะลึงว่า “ท่านสุดยอดเกินไปแล้ว พวกเราเลื่อมใสท่านมาก”
ซือโม่เฟยไม่เข้าใจภาษาของสัตว์อสูร ได้ยินเพียงแค่สัตว์อสูรกลุ่มหนึ่งส่งเสียงของสัตว์ประหลาดแต่ละชนิดออกมาเท่านั้น
กู้ชูหน่วนกว่าอธิบายว่า “พวกมันกำลังชมว่าเจ้าสุดยอดกันอยู่น่ะ อาโม่ เจ้าเก่งมาก”
จอมมารลูบผมสีดั่งหมึกด้วยความเขินอาย
“ข้า….ข้ามักจะหลงทางอยู่เสมอ ทุกคนล้วนด่าว่าข้าโง่เขลา มีเพียงแค่พี่สาวเท่านั้นที่ชมว่าขาเก่งกาจ”
“เด็กที่หลงทางถึงจะเป็นน่ารัก นี่คือจุดเด่นของเจ้า”
เหล่าสัตว์อสูรต่างพากันปิดหน้า
ทำไมนางถึงพูดจาแบบนี้ออกได้แบบหน้าไม่แดงและไม่เขินอายได้นะ
“ยังอยู่ห่างจากเขตต้องห้ามอีกไกลแค่ไหน?”
“ใกล้ถึงแล้ว อยู่แค่ตรงนั้น”
สัตว์อสูรชี้ไปทางด้านหน้า
ด้านหน้าเป็นถ้ำขนาดใหญ่มหึมาถ้ำหนึ่ง
หน้าถ้ำมีประตูหินบานหนึ่ง หน้าประตูหินดูเงียบเหงาวังเวง ไม่มีแม้แต่คนเฝ้ารักษาประตูสักคน ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเขตต้องห้ามที่มีการเฝ้าอารักขาอย่างเข้มงวด กลับดูเหมือนถ้ำธรรมดาที่ถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานานถ้ำหนึ่ง
กู้ชูหน่วนพยักหน้า นำบรรดาฝูงชนมาถึงหน้าปากถ้ำและเอ่ยถามว่า “อาโม่ เบื้องหน้ายังมีค่ายกลอีกกี่ค่าย?”
“น่าจะเหลือแค่ค่ายกลสุดท้ายค่ายกลเดียว แต่ว่า…ค่ายกลนี้ค่อนข้างแปลก ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
เจ้าสิงโตน้อยเอ่ยขึ้นว่า “กลัวอะไร พุ่งเข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
พูดจบ เจ้าสิงโตน้อยก็พุ่งเข้าไปก่อน เหมือนอยากจะเข้าไปให้ถึงเขตต้องห้ามซะเดี๋ยวนี้
กู้ชูหน่วนขวางมันไว้ได้ทันเวลา “อย่าบุ่มบ่าม รอให้อาโม่ทำลายก่อนแล้วค่อยเข้าไป”
ในตระกูลไป๋หลี่มียอดฝีมือฝืนกฎธรรมชาติระดับหก
หากว่าในค่ายกลมียอดฝีมือระดับหกท่านนั้นร่ายมนตร์ไว้ ขืนบุกเข้าไป พวกเขาทั้งหมดก็ต้องยอมตายอยู่ในนี้แล้ว
ประตูใหญ่ของถ้ำเปิดออกได้อย่างง่ายดายมาก
ทุกอย่างราบรื่นเกินไป จึงกลับทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
นางหยิบเงินแท่งหนึ่งออกมาจากหน้าอกแล้วโยนไปด้านใน รออยู่สักพักใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใด
โดยปกติแล้วโยนเงินเข้าไปด้านใน อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องได้ยินเสียงดังเกิดขึ้นถึงจะถูก
“จุดคบเพลิง”
เมื่อจุดคบเพลิงแล้ว ถ้ำก็สว่างไสวขึ้นในพริบตา
ถ้ำลึกมาก ที่สามารถมองเห็นได้ก็ไม่ไกล จึงไม่รู้ว่าด้านในมีอะไรอยู่กันแน่
กู้ชูหน่วนโยนแท่งเงินเข้าไปอีกแท่งหนึ่ง
ภายใต้ความสว่างของคบเพลิง พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงินโดนกัดกร่อนไปในชั่วพริบตา ละลายกลายเป็นผงเงินกองหนึ่ง
กู้ชูหน่วนเก็บหินก้อนใหญ่ขึ้นมาก้อนหนึ่ง ทันทีที่โยนเข้าไปด้านใน ก้อนหินก็ยังถูกกัดกร่อนจนเป็นผงล่องลอยและร่วงหล่นไปตามคาด
บรรดาสัตว์อสูรสูดหายใจด้วยความตะลึง
โดยเฉพาะเจ้าสิงโตน้อย มันใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เมื่อครู่ยังดีที่กู้ชูหน่วนดึงมันไว้ ไม่งั้น….วันนี้ชีวิตน้อยๆดวงนี้ของมันก็คงต้องแขวนเอาไว้ในนี้โดยสมบูรณ์แล้ว
“หรือนี่ก็คือค่ายกลเช่นนั้นหรือ?” สัตว์อสูรตัวหนึ่งกล่าวขึ้น
สิ่งของอะไรที่สามารถทำให้หินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นผงได้ภายในพริบตา ช่างน่ากลัวเกินไปแล้วนะ
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
“หากว่าข้าไม่ได้เดาผิด นอกจากความแข็งแกร่งของตัวค่ายกลเองแล้ว น่าจะยังมีการปลุกเสกของวิเศษเอาไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นอานุภาพก็คงจะไม่ทรงพลังขนาดนี้”
“อาโม่ ค่ายกลนี้อาจจะทำลายได้ยากกว่าค่อยกลเมื่อครู่ เจ้าพอมีจะวิธีจัดการได้บ้างหรือไม่?”
“ข้าต้องดูให้ละเอียดสักหน่อย”
จอมมารเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าวๆ จนมาหยุดอยู่ตรงส่วนที่ห่างจากปากทางเข้าถ้ำได้สองเมตร ดวงตาคนละสีคู่นั้นชำเลืองมองการจัดวางด้านในถ้ำอยู่ตลอด และดูเหมือนว่าจะพบกับปัญหายากเข้าซะแล้ว
ขนาดจอมมารยังไม่เข้าใจ
สัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่เข้าใจยิ่งกว่า
กู้ชูหน่วนชำเลืองมองการวางหมากในถ้ำ หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาอันหนึ่งวาดๆเขียนๆแล้วก็ลบทิ้งไม่หยุด คิ้วก็ขมวดแน่นเช่นกัน
นอกถ้ำ เวินเส้าหยีเห็นทุกอย่างในสายตา
เมื่อเห็นค่ายกลนี้ เขาก็รู้สึกงงงันแล้ว
ในชีวิตเขาเคยเห็นค่ายกลต่างๆมากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นประเภทนี้