อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1163 ค่ายกลมายา
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1163 ค่ายกลมายา
กู้ชูหน่วนสบตากับจอมมารแวบหนึ่ง แยกกันกดก้อนหินที่ยื่นออกมาด้านข้างของตัวเอง
“ครืน….”
ถ้ำที่เปลี่ยนแปลงเหมือนการเคลื่อนย้ายมวลสารเมื่อครู่หยุดลงในพริบตา
ถ้ำยังคงเป็นถ้ำนั้น
แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ถ้ำนั้น
เพราะถ้ำนี้แตกต่างจากถ้ำเมื่อครู่ และมีทางแยกมากยิ่งขึ้น ทุกทางแยกล้วนสลับซับซ้อน
กู้ชูหน่วนกลัวว่าจอมมารจะกลัว ชี้แนะจอมมารว่าจะไปด้านหน้าอย่างไรไปพลาง และเบี่ยงเบนความสนใจของเขาไปพลาง
“อาโม่ เจ้าไม่ได้ถูกเวินเส้าหยีจับตัวไปขังไว้ที่ห้องลับของตระกูลเวินหรือ? เจ้าออกมาได้อย่างไร? แล้วหาข้าเจอได้อย่างไร”
“พวกเขาพาข้ามาที่นี่อย่างกะทันหัน ทั้งยังได้พาข้ามาอยู่เบื้องหน้าพวกท่านอีก”
“ใครพามา?”
“ตาเฒ่าผมหงอกผู้หนึ่ง ข้าก็ไม่รู้ไม่เขาเป็นใคร”
ตาเฒ่าผมหงอก?
ผู้อาวุโสของตระกูลเวิน?
เวินเส้าหยีปล่อยอาโม่ออกมา เพราะอยากจะให้อาโม่ช่วยนางทำลายค่ายกล?
หากว่าเป็นเช่นนี้ งั้นเวินเส้าหยีก็จะต้องมองดูพวกเขาอยู่ในที่ลับเป็นแน่
ตอนนั้นบอกว่าในตระกูลไป๋หลี่มีวิญญาณอยู่หนึ่งดวง ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเพ้อเจ้อทั้งสิ้น
หากเข้าไปในห้องลับ และพบว่าไม่ได้มีวิญญาณอยู่ในตระกูลไป๋หลี่ เกรงว่าเวินเส้าหยีคงจะเดือดดาล และตีจนนางพิการไปโดยตรง
“พี่สาว ท่านขยับอีกไม่ได้แล้ว หากว่าขยับอีกก้าวก็จะเป็นค่ายกลมรณะแล้ว”
เท้าที่ยกขึ้นของกู้ชูหน่วนก็แข็งทื่อไปตรงนั้นทันที
นางมองไปทางซ้ายและขวาอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ไม่ว่าอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเป็นค่ายกลมรณะ
“นี่คือค่ายกลในค่ายกลเจ็ดดาว ข้านำทางผิดหรือ?”
“มีแน่นอน นี่คือค่ายกลในค่ายกลเจ็ดดาวไม่ผิด แต่มันยังผสมกับค่ายกลวังนพเก้าด้วย คนทั่วไปมองไม่ออกหรอกนะ”
“เช่นนั้นเจ้ารู้ได้ยังไง?”
“เพราะว่าข้าเห็นดาวดวงน้อยๆอยู่เหนือศีรษะแล้ว”
บรรดาผู้คนต่างเงยหน้าขึ้นมอง แต่ละคนล้วนแบะปาก
เอาดาวดวงเล็กๆมาจากไหน ทำไมพวกเขาถึงมองไม่เห็น อีกทั้ง….นี่อยู่ในถ้ำ จะมีดาวได้อย่างไร?
ทุกคนมองดูจอมมารเป็นเหมือนเพียงคนโง่เท่านั้น สิ่งที่พูดออกมาก็เป็นคำพูดอันโง่เขลา สัตว์อสูรทั้งหมดก็ไม่เชื่อ
มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่เริ่มระแวดระวัง มองดูรอบๆอย่างละเอียด ทำทุกย่างก้าวด้วยความระมัดระวัง
“เอ๊ะ ดาวดวงน้อยๆดวงนี้งดงามมาก”
ดวงตาของเจ้าเสือน้อยเป็นประกายทันที เหยียดกรงเล็บออกไปทันที กดไปที่อัญมณีทับทิมเม็ดหนึ่งที่กำแพงหิน
กู้ชูหน่วนตกใจ คิดจะห้ามมัน แต่ก็ไม่ทันแล้ว
หลังจากที่อัญมณีทับทิมถูกกด ทางแยกเหล่านั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินขึ้นทันที
ความเร็วนั้นเร็วมากจนพวกเขามึนงง ดูไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่าอะไรเป็นอะไร
ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เบื้องหน้าเริ่มพร่ามัว
ภาพที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นบนผนังเป็นภาพๆ
ในภาพ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนนางทุกประการ
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นตื่นขึ้นก็บังคับชายหนุ่มที่สวมหน้ากากผู้หนึ่ง ทั้งยังแต่งงานกับชายหนุ่มผู้นั้นอีกด้วย แต่นางมองไม่เห็นลักษณะหน้าตาของผู้ชายคนนั้นว่าหน้าตาอย่างไร เห็นเพียงแค่ขาทั้งคู่ของเขาพิการ
ในภาพ มีชายผู้หนึ่งดูมีความรู้สง่างามมักจะเรียกนางว่านังหนูอย่างอ่อนหวาน จับมือกับนางบุกเข้าไปที่เผ่าปีศาจ สุดท้ายก็กระโดดลงไปในเบ้าหลอมยา เสียสละอย่างห้าวหาญ
ในภาพ มีชายรูปงามในชุดสีแดงที่มักจะชอบเกาะติดนางอยู่เสมอ ฝืนกฎธรรมชาติเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาให้นาง ผมขาวและใบหน้าเหี่ยวแห้งในช่วงข้ามคืน
ในภาพ มีชายคนหนึ่งงดงามไร้ราคีดั่งเทพเซียนกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเศร้าโศกอย่างใหญ่หลวง ด้านข้างแน่นขนัดไปด้วยศพและเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ภาพหนึ่งต่อด้วยอีกภาพหนึ่ง
ภาพหนึ่งเร็วกว่าอีกภาพหนึ่ง
เร็วมากจนกู้ชูหน่วนมองดูจนรู้สึกตาลายสับสน ปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด
นางพยายามหายใจลึกๆ เหมือนว่าข้างหูจะได้ยินคนตะโกนเรียกอะไรอยู่ จึงทำให้ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ
หลังจากลืมตาแล้ว สิ่งที่อยู่ในสายตาคือพื้นที่มีหญ้าเขียวขจีทั้งผืนแผ่น
สัตว์อสูรที่บินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้น ว่ายน้ำอยู่ในน้ำล้วนอยู่ข้างกายนาง กำลังร้องตะโกนด้วยความกระวนกระวายใจอะไรสักอย่าง
หน้าตาของพวกมันแต่ละตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน บาดเจ็บนับไม่ถ้วน
ทั้งยังมีจอมมารที่นอนสีหน้าซีดขาวอยู่ข้างกายนางอีกด้วย
“เป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? อาโม่เป็นอะไรไปหรือ?”
ส่วนหัวของเจ้าเสือน้อยถูกเผาไหม้ไปส่วนหนึ่ง ถาโถมเข้าไปในอ้อมกอดของกู้ชูหน่วนด้วยท่าทางน้อยใจและหวาดกลัว
“นายหญิง ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว เมื่อครู่พวกเราทั้งหมดเกือบจะตายอยู่ในค่ายกลแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรไปหยิบอัญมณีทับทิมนั่น”