อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1167 ข้าก็ผู้ช่วย
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1167 ข้าก็ผู้ช่วย
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ ไม่ได้ใส่ใจคำขู่ของเขาโดยสิ้นเชิง “ฆ่าข้าแล้ว ก็เอาวิญญาณดวงนั้นออกมาไม่ได้”
“ในโลกนี้มีวิชาลับนับพันหมื่น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะเอาออกมาไม่ได้”
“แม้ว่าพวกท่านจะเอาออกมาได้ แต่ก็ไขความลับที่อยู่ในวิญญาณไม่ได้”
ทีแรกสุดยอดผู้อาวุโสคนนั้นตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องฆ่า เวลานี้ได้ยินคำพูดของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสุดยอดผู้อาวุโสคนอื่นๆ
สุดยอดผู้อาวุโสคนอื่นๆมองหน้ากันแวบหนึ่ง ต่างก็พากันส่ายหัว
สุดยอดค่ายกลของพวกเขาทั้งเจ็ดบวกกับการร่ายมนตร์อย่างต่อเนื่องกันหลายวันก็ยังไม่สามารถดึงความทรงจำออกมาได้ หากทำอีกครั้ง เกรงว่าคงจะทำให้วิญญาณดวงนั้นหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
ไป๋หลี่หมิงเยียนกล่าว “นอกจากนางและสัตว์อสูรในตำนานสองตัวนั้น คนอื่นที่เหลือฆ่าทิ้งให้หมด”
เจ้าเสือน้อยคำรามด้วยความโกรธครั้งหนึ่ง “ปู่เสือของเจ้าจะสั่งสอนเจ้าให้รู้ว่าการเป็นคนต้องปฏิบัติตนอย่างไร”
จากเสียงคำรามของเสือที่ดังขึ้น คนหนึ่งเสือหนึ่งต่อสู้กันเป็นกลุ่ม ต่อสู้กันจนต้องตายกันไปข้างหนึ่งอย่างสูสีกัน
ในนี้พวกเขามีกันทั้งหมดเจ็ดคน ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนมีศักยภาพอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าขั้นกลางระดับห้าขึ้นไป นอกจากสุดยอดผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่ต่อสู้กับเจ้าเสือน้อยแล้ว ตรงนี้ยังมีอีกหกคน
และกู้ชูหน่วนทางนั้นนอกจากจอมมารผู้โง่เขลาแล้ว ก็ไม่มีคนอื่น
ศักยภาพของกู้ชูหน่วนเองก็อยู่ห่างไกลกับระดับของพวกเขามาก
สงครามนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไร กู้ชูหน่วนก็อยู่ในจุดเสียเปรียบขฌ
สุดยอดผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งยืนออกมา “นังหนู ข้าให้เจ้าเลือกสองทาง ยอมแพ้หรือว่าตาย”
“ขออภัย ข้าจะไม่เลือกทั้งสองทาง”
“งั้นก็เอาชีวิตมาซะเถอะ”
สุดยอดผู้อาวุโสเคลื่อนไหวทันที ทันทีที่เคลื่อนไหวก็เป็นท่าไม้ตาย หวังจะจัดการกู้ชูหน่วนไปโดยตรง
การเคลื่อนไหวนี้ของเขาใช้พลังยุทธไปแปดถึงเก้าส่วน แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะรับด้วยพลังทั้งหมด ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส
แต่ไม่รอให้กู้ชูหน่วนลงมือ ราชางูเก้าหัวสีเขียวมรกตทั้งตัวตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาฝืนรับกระบวนท่านี้ของสุดยอดผู้อาวุโสไว้แล้ว และทันทีที่หางงูกวัดแกว่ง ก็แทบจะสะเทือนให้สุดยอดผู้อาวุโสคนนั้นขาดออกเป็นสองท่อน
“ครืน…”
การต่อสู้ตรงนี้ดุเดือดกว่าเจ้าเสือน้อยทางนั้น ห้องลับสั่นไหวอย่างต่อเนื่องจากการปะทะกันในทุกครั้ง เห็นได้ชัดว่ายากที่จะรองรับการโจมตีอันหนักหน่วงของพวกเขาได้
สุดยอดผู้อาวุโสล่อเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกไปต่อสู้ด้านนอก เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขตต้องห้ามของตระกูลไป๋หลี่สลายกลายเป็นเถ้าไปตรงๆ
เขาคิดว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่ตามออกไปเพราะต้องการจะปกป้องเจ้านายหญ คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาล่อ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ติดเบ็ดทันที ไล่ตามโจมตีเขาอย่างไม่ลดละ
ทันทีที่พวกเขาจากไป ในนี้ก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
สุดยอดผู้อาวุโสคนที่สามยืนออกมา พูดด้วยความเย้ยหยันว่า “ดูซิว่าครั้งนี้จะมีใครมาช่วยเจ้าได้อีก?”
“ปังปังปัง….”
ชายหนุ่มชุดดำที่เหมือนดั่งปีศาจร้ายสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาไร้ร่องรอยกลิ่นอายของมนุษย์ที่มีชีวิตผู้หนึ่งพุ่งสังหารออกมา เขาใช้มีดคู่ ทันทีที่แสงของมีดส่องวาบขึ้น ก็เห็นเลือดสดทันที เป็นความรวดเร็วที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
สุดยอดผู้อาวุโสคนนั้นมองดูรอยมีดที่มีเลือดสดไหลรินบนทรวงอกของตัวเอง ม่านตาหดลง
กี่ปีมาแล้วที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเขาได้.
แต่วันนี้กลับถูกเด็กหนุ่มอายุน้อยผู้หนึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บ
วิชามีดของเขารวดเร็วเกินไป หากไม่ใช่เพราะตัวเองตอบสนองได้เร็วญท เกรงว่าคงจะตายไปนานแล้ว
ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่า เลว่อิ่งก็พุ่งสังหารเข้ามาอีกครั้ง รวดเร็วแม่นยำดุดัน เลือกลงมีดในจุดที่อันตรายถึงชีวิตโดยเฉพาะ แค่เห็นก็คือนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
สุดยอดผู้อาวุโสรอดูด้วยสายตาอันเฉียบคม รับการต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมด
สุดยอดผู้อาวุโสคนที่สี่ยืนขึ้น
ก็มีชายหนุ่มอายุน้อยผู้หนึ่งพุ่งสังหารออกมาอีกคนหภ
ชายหนุ่มผู้นี้ใช้ดาบ หน้าตางดงามโดดเด่นเกินธรรมชาติ ผิวขาวเปล่งปลั่งเหมือนดั่งหยก
เขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ดูแล้วมีน้ำมีนวลเป็นอย่างมาก แต่ดาบของเขาไม่นุ่มนวลสักนิด ไม่ว่าจะโจมตีหรือป้องกัน ทุกกระบวนท่าล้วนตรงจุดพอดี ไม่ระวังเพียงนิดก็อาจจะตายภายใต้ดาบของเขาได้
เจ้าบ้านไป๋หลี่และคนอื่นๆขมวดคิ้ว
ไม่เคยพบเห็นชายหนุ่มสองคนนี้มาก่อน อีกทั้งอายุก็ยังน้อย คิดไม่ถึงว่าศักยภาพจะถึงระดับห้าแล้ว…
น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เทียบกับขั้นสุดยอดระดับห้าแล้วกระบวนท่าของพวกเขาและความรวดเร็วมีเพียงความเหนือกว่าไม่มีคำว่าไม่ทัน
สุดยอดผู้อาวุโสสองคนต้องการที่จะกำจัดพวกเขา แต่ก็กลัวเพียงแค่ว่าจะทำไม่ได้ในเวลาอันสั้น
แม้กระทั่งอาจจะตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของชายหนุ่มสองผู้นี้ก็เป็นได้