อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1170 กลัวสิ่งใดก็เกิดสิ่งนั้น
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1170 กลัวสิ่งใดก็เกิดสิ่งนั้น
กู้ชูหน่วนสะบัดเสื้อผ้า สลัดผงยาพิษอีกชนิดหนึ่งที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายทิ้ง หัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง “ที่แท้ท่านก็เป็นยอดฝีมือการใช้ยาพิษเช่นกัน”
หากไม่ใช่เพราะนางออมมือ เกรงว่าคนที่ตายก็คงเป็นนาง แต่ไม่ใช่เขาแล้ว
“เทียบกับพิษของท่าน พิษของข้าจะนับอะไรได้”
ไป๋หลี่หมิงเยียนพลิกฝ่ามือ ก้อนกรวดเล็กๆทั้งหมดในเขตต้องห้ามล้วนเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกเป็นตัวๆ
หน้าตาของโครงกระดูกดุร้าย ฉีกปากแยกเขี้ยวไปทางกู้ชูหน่วน โครงกระดูกทุกตัวล้วนเต็มไปด้วยชี่พิฆาต พุ่งไปทางกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรอด้วยความสงบนิ่ง หยิบขลุ่ยหยกขึ้นมาเป่าช้าๆ
เสียงขลุ่ยสั่นสะเทือน เหมือนดั่งเสียงกลองในสนามรบ และเสียงอาวุธกระทบกันที่ได้ยินได้ไม่รู้จบ
เสียงขลุ่ยปล่อยออกมาเป็นเสียงกลองปะทะกับโครงกระดูก ส่งเสียงระเบิดดังปังปังปังปัง โครงกระดูกสลายหายไปในทันที
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เสียงขลุ่ยและโครงกระดูกสูสีกัน ใครก็ทำอะไรใครไม่ได้ แต่จอมมารกลับจิตใจร้อนรนเหมือนดั่งไฟเผา
ศักยภาพของกู้ชูหน่วนด้อยกว่าเขามากเกินไป เสียงขลุ่ยจำเป็นต้องใช้กำลังภายในการควบคุม ปล่อยให้เวลายืดนานออกไป นางจะต้องเสียเปรียบเป็นแน่
แต่โครงกระดูกกลับทอดยาวเหยียดออกไปไม่สิ้นสุด ล้อมรอบกู้ชูหน่วนไว้ตรงกลางอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะกำจัดอย่างไร ก็กำจัดไม่หมด
ในขณะที่จอมมารกำลังกังวลใจ เขาเหลือบมองดูโครงกระดูกที่คุ้นเคย และเงยหน้าตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างฉับพลัน
“พี่สาว โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ใช้กำลังภายในของเขากระตุ้นออกมา แต่เป็นคนที่เขาฆ่า เขาใช้พลังชั่วร้ายรวบรวมความโกรธแค้นของพวกเขาเอาไว้”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่ได้กระตุ้นด้วยกำลังภายใน?
แต่ก่อตัวขึ้นจากแรงความโกรธแค้น?
ตาแก่คนนี้ ไม่กี่ปีมานี่เขาสังหารผู้คนไปมากน้อยเพียงไรกันแน่ ถึงได้ก่อตัวเป็นแรงแค้นอันยิ่งใหญ่ได้มากมายขนาดนี้
แรงแค้นยังน่ากลัวกว่าการกระตุ้นด้วยกำลังภายในซะอีก
ทันทีที่นางเข้าไปพัวพันกับแรงแค้น นางก็จะถูกพวกเขาทำให้แปดเปื้อนและกลายเป็นวิญญาณที่มีความแค้นในมือของไป๋หลี่หมิงเยียนไปด้วย
ชั่วขณะนั้นนางก็เข้าใจได้แล้ว
ไป๋หลี่หมิงเยียนอยากได้วิญญาณดวงนั้น น่าจะเป็นเพราะขาดอีกดวงเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถพัฒนาถึงระดับเจ็ดได้
ดังนั้นเขาจึงได้ไม่สนใจแม้กระทั่งความเป็นความตายของเจ้าบ้านไป๋หลี่
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของตัวเองเริ่มถดถอยลง
เสียงขลุ่ยของกู้ชูหน่วนก็เปลี่ยนไปทันที จากที่น่าเกรงขามเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความซาบซึ้ง
เสียงขลุ่ยนุ่มนวลต่อเนื่อง เหมือนดั่งสะพานเล็กๆที่มีน้ำไหล ให้ความรู้สึกเงียบสงบ เปล่งเสียงติ๊งต๊อง ชำระล้างจิตวิญญาณ และชำระล้างชี่พิฆาตของโครงกระดูกเหล่านั้น
ชี่พิฆาตหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เพียงแต่เมื่อสัมผัสโดนเสียงขลุ่ย ไม่ว่าชี่พิฆาตจะแรงแค่ไหนก็สลายไปในพริบตา
ไป๋หลี่หมิงเยียนกลับรู้สึกเหนือคาดเล็กน้อย
วิญญาณอาฆาตที่เขาควบคุมนั้นแตกต่างไปจากวิญญาณอาฆาตทั่วไป วิธีการชำระล้างโดยปกติไม่สามารถชำระล้างได้โดยสิ้นเชิง ยิ่งจะไม่มีทางสลายไปได้ด้วย
แต่นางกลับทำได้
เป็นความสามารถของตัวนางเอง
หรือว่าเป็นพลังยุทธที่ขลุ่ยหยกอันนั้นปล่อยออกมา?
“ปังปังปังปังปัง…”
โครงกระดูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไป๋หลี่หมิงเยียนเปล่งเสียงไม่พออันเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง ในดวงตามีความปรารถนาอยากจะได้ขลุ่ยหยกและวิญญาณโดยไม่ได้ปิดบัง
จากการชำระล้างหัวกะโหลกอันสุดท้ายเสร็จสิ้นไป ช่วงท้องของไป๋หลี่หมิงเยียนก็ปรากฏแสงสีดำขึ้น
ทันทีที่แสงสีดำแผ่ออกมา แรงอาฆาตก็แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า แม้แต่ขอบฟ้าก็เปลี่ยนไปแล้ว
ทุกคนล้วนตะลึงงัน
แรงอาฆาตยิ่งใหญ่มาก
พละกำลังแข็งแกร่งมาก
กู้ชูหน่วนถูกโจมตีก่อน เพราะแรงอาฆาตอันมหึมาพลังนั้นพุ่งไปทางนาง
แรงอาฆาตก่อตัวเป็นโครงกระดูกขนาดมหึมาอันหนึ่ง
เพียงแค่ปากของโครงกระดูกอย่างเดียวก็มีขนาดใหญ่เท่ากับสิบกว่าคน
เขาอ้าปากอันกระหายเลือด คิดอยากจะกลืนกินกู้ชูหน่วนไปทั้งเป็นภายในคำเดียว
จอมมารตะโกนเสียงดัง “พี่สาว ระวัง พละกำลังนี้แข็งแกร่งมาก”
นางรู้ว่าแข็งแกร่งมาก
แข็งแกร่งจนทำให้จิตวิญญาณทั้งหมดของนางสั่นไหวไปหมด
นางกล้ารับรองว่าพละกำลังนี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าของเย่จิ่งหานและเจ้าผีเสื้อ
นางรู้ว่าเขาเป็นระดับหก แต่ระดับหกแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูงสุด
สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือตาแก่หนังเหนียวไม่ยอมตายนี่จะเป็นขั้นสูงสุดระดับหก
แต่ทว่าก็โชคร้าย นางกลัวอะไรที่สุดก็จะเกิดสิ่งนั้นขึ้น