อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1172 ตั้งค่ายกลสู้กัน
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1172 ตั้งค่ายกลสู้กัน
ชั่วพริบตาที่แสงสีเขียวและแสงสีแดงวาบผ่าน มือของไป๋หลี่หมิงเยียนที่ตบคลุมไปที่กระหม่อมก็แข็งทื่ออย่างฉับพลัน ราวกับมีพละกำลังแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้
จอมมารก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น คิดจะมุดออกมาโดยฉวยโอกาสจากช่องโหว่นี้
น่าเสียดายไป๋หลี่หมิงเยียนก็ไม่โง่ เขาออกแรงสะเทือน อาการปวดและชาที่มือลดน้อยลงไปมาก
แม้ว่าจะไม่ได้โจมตีให้กระหม่อมของจอมมารแหลกไปในฝ่ามือเดียว แต่ก็จับจอมมารกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง
ไป๋หลี่หมิงเยียนจับจอมมารเป็นตัวประกันไปด้วย มองดูธงใหญ่แปดอันที่อยู่รอบๆไปด้วย
ธงใหญ่ทั้งแปดนี้ดูเรียบง่ายสบายๆ แต่บนธงทุกอันล้วนแฝงไปด้วยพลานุภาพที่ไร้ขีดจำกัด อยู่ห่างออกไปไกลก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณอันตรายที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้
ขลุ่ยหยกมรกตและแหวนมิติสีแดงลอยอยู่ในอากาศเหนือธงใหญ่ทั้งแปด ส่งพลังงานไปยังธงทั้งแปดอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนที่ผู้อื่นไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า สถานที่ที่ธงใหญ่ทั้งแปดล้อมรอบอยู่ยังมีธงเล็กๆอยู่อีกนับไม่ถ้วน ธงเล็กแปรเปลี่ยนไปยากจะคาดเดาได้ หมุนวนอยู่ตลอดเวลา
ไป๋หลี่หมิงเยียนทั้งประหลาดใจ ทั้งต้องระวัง ทั้งโลภ และทั้งหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าที่เป็นเด็กน้อยผู้หนึ่งจะมีของล้ำค่าประเมินราคาไม่ได้อยู่กับตัวมากมายขนาดนี้ เสาะหาทั่วทั้งทวีปปิงหลิง เกรงว่าก็คงจะรวบรวมของล้ำค่าบนตัวของเจ้าไม่ได้ล่ะมั้ง”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด บนตัวแหวนมิติวงนั้นก็คงจะมีลมปราณที่ผู้แข็งแกร่งระดับเจ็ดหลงเหลือไว้อยู่ด้วยถูกต้องหรือไม่?”
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ขี้เกียจจะตอบเขา
นางใช้ความคิดเพื่อขับเคลื่อนแหวนมิติและขลุ่ยหยกมรกต
ธงใหญ่ทั้งแปดเคลื่อนตัวเปลี่ยนตำแหน่ง ค่ายกลปรากฏหมอกหนาทึบออกมาทันที ในหมอกอันหนาทึบแฝงไปด้วยอาวุธลับอันคมกริบ กระหน่ำยิงไปทางไป๋หลี่หมิงเยียน
นี่คือไพ่ที่ยังไม่ได้เปิดที่สำคัญที่สุดของนาง
เดิมทีไม่ได้อยากจะเอาออกมาเร็วขนาดนี้ น่าเสียดายที่อาโม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา
หากว่านางไม่เปิดไผ่ใบสุดท้ายออกมาตรงๆ โจมตีด้วยความจำเป็นต้องฆ่า ฆ่าไป๋หลี่หมิงเยียนซะ เกรงว่าอาโม่ก็คงจะตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขา
นางไม่สามารถเดิมพันได้ และก็เดิมพันไม่ไหว
อาวุธลับทั้งเยอะและเร็ว คนธรรมดาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง เพราะว่าพื้นที่ที่ธงใหญ่ทั้งแปดครอบคลุมนั้นเล็กเกินไป
คิดจะฝ่าออกมาจากวงล้อมของธงทั้งแปด ยิ่งเป็นไปไม่ได้ บนตัวธงใหญ่ทั้งแปดสลักยันต์อักขระไว้ทั้งหมด พลังของยันต์อักขระใกล้เคียงกับระดับเจ็ด
แต่ทว่าอาวุธลับจะยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ทำอะไรไป๋หลี่หมิงเยียนที่อยู่ขั้นสูงสุดระดับหกไม่ได้
ขณะที่เขาสะบัดแขนเสื้อหวังจะทำลายอาวุธลับทั้งหมดไป ก็เพิ่งจะพบว่า ตัวของเขาอ่อนแอจนไม่มีแม้แต่ลมปราณสักนิด พลังยุทธหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ไป๋หลี่หมิงเยียนมองไปที่ยันต์อักขระที่แน่นขนัดบนธงใหญ่ทั้งแปด ตอนนี้จึงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ในไม่ช้า เขาอาศัยทักษะการใช้ร่างกายที่ว่องไว แฉลบตัวหลบอาวุธลับอันหนาแน่นเหมือนดั่งพิราบพลิกตัวเช่นนั้น
เพราะกลัวว่าจอมมารจะถูกอาวุธลับสังหาร ส่งผลกระทบถึงการหล่อหลอมพลังชั่วร้ายของเขา ไป๋หลี่หมิงเยียนจึงดึงให้จอมมารหลบหลีกไปพร้อมกัน
“ปังปังปัง….”
“เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ….”
“ฉึบฉึบฉึบ….”
อาวุธลับอันแล้วอันเล่าไม่หยุด แม้ว่าจะเป็นไป๋หลี่หมิงเยียนก็ถูกอาวุธลับเหล่านั้นเล่นงานซะจนสะบักสะบอม เสื้อผ้าบนตัวก็ถูกตัดขาดไปหลายจุด
ตรงกันข้ามกับจอมมาร เหมือนว่าอาวุธลับเหล่านั้นมีตา ไล่โจมตีอย่างรวดเร็วและดุดันเพียงแค่เขา ไม่ทำร้ายจอมมารโดยสิ้นเชิง
หลายปีมานี้ ไม่เคยมีใครทำร้ายเขาได้
แต่ตอนนี้เขากลับถูกนังเด็กไม่ประสีประสาคนหนึ่งเล่นงานซะจนสะบักสะบอม
จะบอกว่าไป๋หลี่หมิงเยียนไม่โกรธก็โกหก
เขาระเบิดเสียงคำรามออกมาคำหนึ่ง ในธงใหญ่ทั้งแปดคุกรุ่นไปด้วยชี่พิฆาต ทุกแห่งหนล้วนหนาแน่นไปด้วยหมอกดำทะมึนของชี่พิฆาต
หมอกหนาทึบมีฤทธิ์กัดกร่อน อาวุธลับสัมผัสโดนหมอกหนาๆของชี่พิฆาต ก็ถูกกัดกร่อนไปโดยตรง กลายเป็นน้ำสีเงินเป็นแอ่งๆ
ในค่ายกล ไป๋หลี่หมิงเยียนยืนตัวตรง มือข้างหนึ่งไพล่หลัง มืออีกข้างหนึ่งจับไหล่จอมมาร มองไปทางกู้ชูหน่วนอย่างเย็นชา