อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 1174 ไม่อยากปล่อยข้าไป
อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1174 ไม่อยากปล่อยข้าไป
ไป๋หลี่หมิงเยียนโบกมือใหญ่ๆ วางค่ายกลกักขังกู้ชูหน่วนไว้ด้านในทันที
กู้ชูหน่วนขยับเขยื้อนไม่ได้ การโจมตีด้วยโทสะของผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับหกไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ได้จะสามารถรับไหว
แม้ว่านางจะมีอาวุธวิเศษคุ้มครองอยู่ก็ไม่ละเว้น
การต่อสู้ครั้งนี้ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง
ไป๋หลี่หมิงเยียนใช้กำลังภายในดูดขลุ่ยหยกมรกตและแหวนมิติไปไว้ในฝ่ามือทันที
เขาสังเกตดูของวิเศษทั้งสองสิ่งอย่างละเอียด พบว่าของสองสิ่งนี้นอกจากมีวัสดุพิเศษและสัมผัสที่นุ่มสบายมือแล้ว ก็ไม่ได้มีจุดพิเศษอะไร
เขาศึกษาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะขับเคลื่อนอาวุธวิเศษอย่างไร
แต่เมื่อครู่กู้ชูหน่วนเพิ่งจะใช้ขลุ่ยหยกมรกตและแหวนมิติไป ซึ่งได้ระเบิดพลานุภาพอันแข็งแกร่งออกมา จนแทบจะทำให้คนที่เป็นขั้นสูงสุดระดับหกเช่นเขาพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้
เขาเก็บแหวนมิติและขลุ่ยหยกมรกตไว้ เดินเข้าใกล้กู้ชูหน่วนช้าๆ ในตาฉายประกายอันแปลกประหลาดออกมา
“นังหนู ขณะที่ข้าเอาวิญญาณดวงนั้นออกมา ก็ให้ข้าดูความทรงจำเจ้าก่อนละกัน”
เนื่องจากกู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส รูม่านตาขยายออกเล็กน้อย นางบังคับให้ตัวเองมีสติ เพราะกลัวว่าหลังจากที่ตัวเองสลบไปแล้ว จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
เผชิญหน้ากับการกดดันเข้ามาทีละก้าวๆของเขา จิตใจของกู้ชูหน่วนก็เริ่มหมดหวัง
วันนี้ตัวเองจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของเขาแล้วน่ะหรือ?
ด้วยพลังชั่วร้ายที่ไป๋หลี่หมิงเยียนฝึกฝน หากว่าถูกเขาสูบความทรงจำ แม้ว่านางจะไม่ตายก็พิการ
แต่นาง…
ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แล้ว
เมื่อเห็นไป๋หลี่หมิงเยียนกำลังจะเริ่มร่ายมนตร์ กู้ชูหน่วนทั้งร้อนใจทั้งจนปัญญา ทำได้เพียงอธิษฐานให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
“อื้ม….”
ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนก็ส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดออกมา
ทั้งร่างกายของนางราวกับถูกฟ้าผ่า เจ็บปวดจนนางสั่นเทาไม่หยุด หูก็อื้อ ไม่ได้ยินโดยสิ้นเชิงว่าคนรอบๆกำลังพูดอะไร เห็นเพียงแค่ซือโม่เฟยกำลังด่าอะไรอยู่ด้วยความโกรธเคือง
เลือด ไหลออกมาตามหูของนาง สมองของกู้ชูหน่วนก็เริ่มเจ็บปวดราวกับถูกฉีกขาด
ราวกับว่าพละกำลังอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งต้องการจะผ่าสมองของนางให้เป็นสองส่วน เอาของในสมองของนางออกมา
นางพยายามต่อต้านสุดชีวิต พยายามขัดขืน
แต่ทว่านางยิ่งพยายามขัดขืน พลังนั่นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สมองของนางก็ปวดมากขึ้น
ไม่รู้ว่าดึงกลับไปกลับมานานเท่าไหร่ กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เรี่ยวแรงบนร่างกายสลายไปเรื่อยๆ แม้แต่การหายใจของนางก็เริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆพร้อมๆกัน
นางสามารถสัมผัสได้ถึงความตายกำลังไล่ตามนางมา
แล้วในขณะที่สมองของนางเจ็บปวดจนแทบจะแยกออก แสงสีขาวก็วาบขึ้นฉับพลัน พื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุด
ค่ายกลที่กักขังเขาไว้แตกออก
และพลังที่คิดจะผ่าสมองของนางพลังนั้นก็สลายไป ตอนนี้กู้ชูหน่วนจึงได้รู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อย
มือสองข้างของนางออกแรงค้ำยันพื้นเอาไว้ เงยหน้าขึ้นด้วยความเลือนราง แต่กลับเห็นเงาร่างสีขาวราวกับหิมะกำลังต่อสู้กับไป๋หลี่หมิงเยียนอยู่กลางอากาศ
เงาร่างสีขาวราวกับหิมะนั้นรูปงามหน้าตาดี ทุกการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติรอบคอบ แม้ว่ากำลังสู้รบอยู่อย่างดุเดือด ก็ยังคงปรากฏความสูงศักดิ์และความสง่างามที่ไม่อาจพรรณนาได้ออกมา นั่นไม่ใช่เวินเส้าหยีเหรอ
เวินเส้าหยี…
เป็นเขาช่วยนางไว้…
ไม่ เขาเพียงแค่อยากได้วิญญาณนั่น
วิญญาณนั่นแต่ละคนก็ล้วนอยากได้
“พี่สาว…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
หูของนางยังคงอื้ออึง ไม่ได้ยินอะไร
แต่จากรูปปากของซือโม่เฟย นางสามารถเดาได้ว่าเขาพูดอะไรบ้าง
“ไป อาโม่จะพาท่านออกไปจากที่นี่ก่อน”
พูดพลาง ซือโม่เฟยก็จูงนางให้เดิน
กู้ชูหน่วนบาดเจ็บสาหัสหนักเกินไป จะเดินได้อย่างไร เพิ่งจะเดินได้ก้าวเดียวก็ล้มลงไปแล้ว
ซือโม่เฟยจึงแบกกู้ชูหน่วนขึ้นหลังมาเสียเลย
กลางอากาศไม่รู้ว่าเวินเส้าหยีทำสงครามใหญ่กับไป๋หลี่หมิงเยียนอย่างไร พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงไม่หยุด เหมือนดั่งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เช่นนั้น
ซือโม่เฟยล้มลงอยู่หลายครั้ง
กู้ชูหน่วนถูกเหวี่ยงออกไป และกลิ้งอยู่หลายครั้ง
เมื่อซือโม่เฟยต้องการแบกนางไว้บนหลังอีกครั้ง นางก็กล่าวห้ามไว้ “พวกเขาล้วนไม่อยากให้พวกเราจากไป พวกเราก็จากไปไม่ได้ ประคองข้าขึ้นมา ข้าปรับลมหายใจเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บก่อน”